La Mesa Coffee Co. บุกคาเฟ่สไตล์นิวเม็กซิกัน เพื่อไปชิมกาแฟรสเผ็ด

La Mesa Coffee Co.
บุกคาเฟ่สไตล์นิวเม็กซิกัน
เพื่อไปชิมกาแฟรสเผ็ด

“La Mesa” คาเฟ่ที่ใช้ชื่อภาษาสเปน ซึ่งแฝงความหมายว่า ‘ทะเลทราย’ แห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่ทำให้เราตกหลุมรักไปกับรสชาติกาแฟที่แตกต่าง ในบรรยากาศที่สวยงาม และความน่ารักของคุณ Gary Ford และคุณ Michelle Ford สองสามีภรรยาที่รักการดื่มกาแฟในบรรยากาศคาเฟ่สนุกสนาน

เมื่อเราย้อนถามถึงจุดเริ่มต้นของคาเฟ่แห่งนี้ คุณ Gary และคุณ Michelle เล่าด้วยรอยยิ้มว่า พวกเขาพบกันและได้พูดคุยกันครั้งแรกในร้านกาแฟ ผนวกกับการได้ไปเยือนไร่กาแฟในเมืองไทย จากความชอบในการดื่มกาแฟและความทรงจำดีๆ ของร้านกาแฟจึงตัดสินใจเริ่มธุรกิจร้านกาแฟแห่งนี้ โดยใช้เวลาเตรียมตัวกว่า 2 ปีจนเกิดเป็นร้าน La Mesa Coffee Co. ซึ่งหยิบเอาเสน่ห์ของบ้านเกิด New Mexico มาเป็นคอนเซ็ปต์ในการแต่งร้านและนำเสนอเครื่องดื่ม

คุณ Gary บอกกับเราว่า ตั้งใจดีไซน์ให้ร้านมีสไตล์โมเดิร์นผสมกับมินิมัล แล้วเติมความน่าสนใจผ่าน ‘ทะเลทราย’ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอยู่มากใน New Mexico อย่างโลโก้ของร้านที่ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายภูเขาและเนินทราย หรือบรรจุภัณฑ์ของห่อกาแฟก็ดีไซน์ให้สนุกด้วยลวดลายที่ได้ไอเดียมาจากสัตว์ทะเล อาทิ ควายอเมริกัน หมาป่า ฯลฯ

ส่วนการตกแต่งก็ได้แรงบันดาลใจจากบ้านเกิด ทำให้ La Mesa Coffee Co. โดดเด่นสะดุดตา เริ่มจากการออกแบบให้ร้านโปร่งและโล่งด้วยผนังกระจกสไตล์ Grid ที่ให้เส้นสายดูเรียบแต่เท่ เติมบรรยากาศด้วยแคคตัสต้นใหญ่ ขณะที่ผนังด้านหนึ่งออกแบบให้เหมือนซุ้มประตูโค้งสีชมพูสดใส ซึ่งเป็นไอเดียจากบ้านดินเหนียวของชนเผาอินเดียแดงที่อาศัยอยู่ใน New Mexico โดยมุมนี้คุณ Michelle ตั้งใจออกแบบให้ลูกค้าที่แวะมาซื้อกาแฟแบบกลับบ้านได้นั่งรอ แต่พอดีไซน์ออกมา ปรากฏว่าลูกค้าชอบถ่ายรูปมาก

จุดเด่นของร้านนอกจากผนังสีชมพูที่ได้ไอเดียมาจากบ้านดินเหนียวแล้ว คงเป็นเคาน์เตอร์ปูนเปลือยขนาดใหญ่ โดยด้านหนึ่งของเคาน์เตอร์ออกแบบให้เป็นพื้นที่ดริปกาแฟ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่โดดเด่นของร้าน ขณะที่อีกด้านจัดวางเครื่องชงกาแฟแบบครบครัน ที่สำคัญคุณ Gary บอกเราว่า “กาแฟของที่นี่ เราผสมวิทยาศาสตร์กับศิลปะเข้าด้วยกัน” ซึ่งเห็นได้ชัดจากอุปกรณ์ที่ใช้อย่าง ขวดรูปชมพู่ที่นำมาใส่กาแฟดริป พร้อมจุกปิดเพื่อรักษาอุณหภูมิของกาแฟให้อยู่ในรสชาติอร่อย เติมความเป็นศิลปะผ่านการดริปและแก้วเซรามิกซึ่งเป็นงานคราฟท์

ขณะที่เมล็ดกาแฟของที่นี่ คุณ Gary และคุณ Michelle เลือกที่จะเสิร์ฟเมล็ดกาแฟรสชาติเอกลักษณ์ โดยมีให้เลือก 2 รสชาติคือ Barrio Blend เมล็ดกาแฟที่ผสมผสานความอร่อยของเมล็ดไทยควบคู่กับเอธิโอเปีย ให้รสละมุน เหมาะสำหรับการเสิร์ฟแบบร้อน กับ Lobo Blend เมล็ดกาแฟสำหรับเครื่องดื่มเย็นที่ผสมผสานระหว่างเมล็ดกาแฟไทยควบคู่กับบราซิล ให้รสชาติหนักแน่นเข้มข้น

โดยเมนูซิกเนเจอร์แนะนำในวันนี้ เริ่มจาก “Drip Coffee” (140 บาท) ที่คุณ Gary ลงมือดริปด้วยตัวเอง นอกจากรสชาติละมุนของเมล็ดและเสน่ห์ของกาแฟดริปแล้ว แก้วนี้ยังเพิ่มลูกเล่นและคงรสชาติความอร่อยของกาแฟผ่านภาชนะที่บรรจุ อย่างขวดรูปชมพู่ที่มาพร้อมฝาปิด ซึ่งคุณ Gary ให้เหตุผลว่าการรักษาอุณหภูมิของกาแฟราวๆ 140 องศาฟาเรนไฮต์จะทำให้กาแฟคงรสกลมกล่อม เพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป รสชาติกาแฟจะเปลี่ยนไปด้วย

Drip Coffee (140 บาท)
Mayan Mocha (140 บาท)

ต่อกันด้วยเมนูซิกเนเจอร์ที่ไม่เคยดื่มที่ไหนมาก่อนกับ “Mayan Mocha” (140 บาท) กาแฟมอคค่าที่หอมช็อกโกแลตและแฝงรสเผ็ดจาก Spicy Kick ซึ่งเครื่องดื่มแก้วนี้ได้คอนเซ็ปต์จากอาหารเม็กซิกัน แม้เริ่มแรกที่ได้ยินเราจะสงสัยว่ากาแฟกับรสเผ็ดจะไปกันได้หรือ แต่เมื่อได้ลองชิมกลับพบว่า Mayan Mocha มีรสชาติกลมกล่อม แถมยังอร่อย ขณะเดียวกันก็แปลกใหม่แบบไม่ซ้ำใคร กลายเป็นเครื่องดื่มโดดใจที่อยากชวนไปลิ้มลอง

คุณ Michelle เล่าถึงเมนูซิกเนเจอร์แก้วนี้ว่า มาจากชอบกินเผ็ดของชาวเม็กซิกัน ขณะที่คนไทยก็ชอบกินเผ็ดเหมือนกัน แต่คนไทยกลับไม่ใส่รสเผ็ดในเครื่องดื่ม เลยลองครีเอทเมนูนี้ขึ้นเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ได้ลิ้มลอง

Coffee Soda (140 บาท)
Caramel Banana Bread (100 บาท)

“Coffee Soda” (140 บาท) อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ที่ผสานความเข้มข้นของกาแฟเข้ากับความสดชื่นของโทนิกจนกลายเป็น Coffee Soda แก้วนี้ สำหรับซิกเนเจอร์เมนูนี้คุณ Gary ครีเอทขึ้นเพื่อเสิร์ฟลูกค้าที่อยากได้เครื่องดื่มสดชื่นดับร้อน ขณะเดียวกันก็อยากดื่มกาแฟ จึงกลายมาเป็น Coffee Soda ที่ไม่ใช่กาแฟเข้มๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ใช่น้ำผลไม้ซะทีเดียว

ปิดท้ายกันด้วยขนมหวานโฮมเมดที่คุณ Michelle อบด้วยตัวเองแบบวันต่อวัน โดยเพิ่มความสนุกให้ลูกค้าประจำด้วยการคิดขนมใหม่ๆ มาเสิร์ฟ ดังนั้นในแต่ละวันจึงมีขนมไม่ซ้ำเมนูให้เลือกชิม อย่าง “Caramel Banana Bread” (100 บาท) เค้กกล้วยหอมที่ฉ่ำและหอมหวานกำลังดี เติมรสด้วยซอสคาราเมลและกล้วยสุก จนกลายเป็นขนมหวานจานละมุนและให้รสอร่อย คุณ Michelle กระซิบบอกกับเราว่าเมนูนี้เป็นสูตรความอร่อยของคุณยายที่ให้เท็กเจอร์และรสชาติที่แตกต่างจากเค้กกล้วยหอมทั่วไป ซึ่งเราก็เห็นด้วย!!

La Mesa Coffee Co.
• Address: ซอยสุขุมวิท 68 (BTS อุดมสุข)
• Map: https://goo.gl/maps/YPqHSZgKY1o
• Time: (ปิดวันอาทิตย์) จันทร์ – เสาร์ เวลา 7.30 – 18.00 น.
• FB: www.facebook.com/LaMesaCoffee/

Story: Taliw
Photo: Wara Suttiwan

keyboard_arrow_up