เพราะแรปเปอร์ไม่ใช่แค่การร้องเร็ว
แต่คือตัวตนของคนๆ หนึ่งที่สื่อผ่านเสียงเพลง
หนึ่งในสมาชิก Thaitanium Mixtape 3 แม้จะสะดุดและห่างหายไปจากวงการแรปเปอร์นานกว่า 10 ปี แต่ในวันนี้เธอได้กลับมาแล้วในฐานะ ‘แรปเปอร์หญิงในตำนาน’ กับ “คุณอุ้ย – อาทิตยา ร่างน้อย” หรือ “อุ้ย – ICE Maiden” หญิงสาวที่จะมาปลุกไฟที่มอดดับให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเรื่องราวต่อไปนี้จะทำให้คุณเห็นว่าความฝันไม่มีวันมอดดับ ตราบใดที่เรายังไขว่คว้า พร้อมทั้งคุยเรื่องราวความเป็นแรปเปอร์ ที่ทำให้เด็กฮิปฮอปเข้าใจมากขึ้น
“มันไม่ถึงจุดที่ประสบความสำเร็จ มันแค่ชนะตัวเองได้ระดับหนึ่ง ถ้าจะประสบความสำเร็จคือต้องอีกยาว”
• นิยามคำว่า “แรปเปอร์” ในความเข้าใจของเรา
แรปเปอร์จริงๆ แล้วก็เป็น 1 ใน 4 elements ของ hip hop culture แรปเปอร์ก็เหมือนคนที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมา หมายถึงว่าถ่ายทอดเรื่องราวที่คนๆ หนึ่งที่เจอมา แรปเปอร์เหมือนเป็น culture หนึ่งในฮิปฮอปประมาณนี้
• เสน่ห์ของแรปเปอร์ที่ทำให้คุณอุ้ยหลงรักคืออะไร
ต้องบอกก่อนว่าจริงๆ หยุดร้องไป 10 ปีแล้วเหมือนกัน แล้วกลับมาแรปอีกครั้งในรายการ The Rapper ตอนนั้นหยุดไป เพราะมีปัญหาต่างๆ แต่ที่กลับมาแรปอยู่ เพราะว่าการแรปมันมีเสน่ห์นะ หมายถึงว่ามันมีจังหวะที่นอกเหนือจากการร้องเพลง มันสนุก มันได้ใช้สกิลในการปรุงแต่ง เร็ว ช้า หรือว่ามีการรัวคำ เทคนิคการร้อง เราได้ใส่อารมณ์กับมันอย่างเต็มที่ เราชอบความเท่ของมัน มันไม่เหมือนการร้องเพลงทั่วไป
• แสดงว่าจุดสำคัญของการเป็นแรปเปอร์ คือการเล่าเรื่องใช่ไหม
ใช่ค่ะ มันเป็นการสื่อสารในอีกแง่มุมหนึ่ง แนวดาร์กไซค์ไปเลยก็ได้ หรือจะเป็นแนวปาร์ตี้ แนวความรัก มันได้หมดเลย ส่วนใหญ่แรปเปอร์ที่เขียนเพลงเอง เขาจะเอาสิ่งที่ตัวเองเจอมา เอามาแต่งเพลงมากกว่า
• แสดงว่าแรปเปอร์มันต้องเขียนเพลงเองได้ด้วย
ไม่จำเป็นว่าต้องเขียนเป็นทุกคน บางคนไม่แต่งเองก็มี แต่เขามีสกิลในการแรป การใช้คำ จังหวะ ความเร็ว แต่เรารู้สึกว่าถ้าเขียนเอง มันจะสื่อสารออกมาได้ดีกว่า สื่ออารมณ์ได้ดีกว่า ก็เหมือนศิลปินทั่วไปที่มีคนเขียนเพลงให้ แต่เรารู้สึกว่าถ้าเขียนเอง มันจะสื่อสารออกมาได้ดีกว่า สื่ออารมณ์ได้ดีกว่า
การแต่งเพลงไม่ใช่เรื่องง่าย มันใช้เวลา หมายถึงเราต้องมี story ในหัว หรือว่าถ้ามันไม่ใช่เรื่องของเรา มันเป็นเรื่องของคนอื่น ให้โจทย์มาอย่างนี้ เราก็จะต้องมี story ในหัวนิดนึง กว่าจะเรียบเรียงเป็นคำ กว่าจะให้คำๆ นั้นมันลง กว่าที่แรปให้แต่ละบาร์มันพอดี ถอนคำออก ใส่คำเพิ่ม
• แล้วต้องมีคำคลั่งเยอะไหม กว่าจะแต่งเพลงได้แต่ละเพลง
จริงๆ แรปเปอร์ มันไม่ต้องประดิษฐ์คำอะไรขนาดนั้นก็ได้ ใช้คำง่ายๆ ที่เราพูดกันก็ได้ แรปเปอร์บางคนอาจจะมีเสน่ห์ คาแร็คเตอร์ของเขาอาจจะเป็นการใช้คำสวย แรปเปอร์บางคนอาจจะใช้วิธีการแรปเร็วแต่บางคนใช้วิธีการที่แรปออกมาให้ชัด หรือว่าเรียบเรียงคำให้คนฟังเข้าใจง่ายก็ได้ บางคนในการแข่ง The Rapper บางคนไม่ต้องแรปเร็ว แต่แรปไปเรื่อยๆ แต่คำที่เขาใช้ คือไม่ต้องฟังให้ซับซ้อน ไม่ต้องใช้คำสวยหรูอะไรมาก เป็นคำที่ฟังเข้าใจง่าย
• เคยได้ยินคำว่าแรปเปอร์ใต้ดิน มันต่างกับแรปเปอร์ที่เราเห็นไหม
แรปใต้ดิน คือแรปที่เราทำโดยที่เราไม่ออก public ออกสื่อทีวี สมัยก่อนพวก youtube มันไม่บูมใช่ไหม แรปใต้ดินเวลาจะโปรโมทก็จะโปรโมทแค่ทางกระทู้ เว็บบอร์ด ก็จะอยู่ในโลกออนไลน์แคบๆ เราจะไม่เคยออกสื่อที่เป็นสื่อหลัก ทีวีเลย
แต่ปัจจุบันนี้ ฮิปฮอปใต้ดินมันขยายมากขึ้น บางคนมาเป็น youtuber บางคนออกสื่อเยอะขึ้น แม้กระทั่งสื่อทีวี ฮิปฮอปใต้ดินบางคนก็ยังได้ออกมา เหมือนว่าเขาไม่ได้จำกัด แต่ฮิปฮอปบนดิน มันเหมือน official ถ้าให้เทียบกันอย่างโจอี้บอย ไม่ใช่แรปใต้ดินละ เพราะเขาอยู่แกรมมี่
ส่วนวิธีการแรป ใต้ดินมันจะเปิดกว้างมากกว่าในการใช้คำหยาบได้มากกว่า ถ้าเราเคยฟังพวกแรป is now พวกใต้ดิน เวลาเขา battle กันบนเวที เขาจะใช้คำพูดแบบพูดกับเพื่อนทั่วไป ก็หยาบกว่าในการดิสกัน เป็นคำที่ไม่สามารถออกอากาศได้
• การใช้คำหยาบทำให้ภาพลักษณ์แรปเปอร์เสียไหม
ถ้าสำหรับอุ้ย ส่วนตัวนะ ถ้าเป็นผู้หญิงดูไม่ดีแน่นอน ถ้าหยาบขนาดกูมึงยังโอเค ภาษาอังกฤษบางคำก็ยังโอเค แต่ถ้าไปดูบางรายการที่เขาใช้ดิสผู้หญิงกันจริงๆ มันอาจทำให้ภาพลักษณ์ผู้หญิงดูเสีย แต่กับผู้ชายไม่ซีเรียส ไม่รู้สิ อาจเป็นสังคมคนไทย มันก็มองผู้หญิงแบบว่าถ้าผู้หญิงไปพูดอะไรแบบผู้ชาย มันน่าเกียจกว่า บางคนเขาก็ไม่ได้แคร์ตรงนั้น แต่สำหรับอุ้ย เราแคร์
• แต่มันไม่ได้เป็นอุปสรรค์ในการแต่งเพลงใช่ไหม
ใช่ แรปเปอร์ไม่จำเป็นต้องมีคำหยาบก็ได้ อย่างรายการ The Rapper อันนี้ไม่ได้จะโปรโมทรายการนะ ตอนที่เขาเปิดออร์ดิชั่น เขาบอกว่าอยากทำรายการแรปที่เขาเข้าใจ อย่างบางคนเข้าใจว่าแรปต้องใช้คำหยาบ ฟังยาก และเร็ว แต่พี่โจ้ที่เขาเป็นโปรดิวเซอร์ เขาบอกว่าอยากทำเพลงออกมาที่เป็นเพลงตลาดที่ออกมาเป็นแรป ให้คนทั่วไปที่เขาเข้าใจว่าแรปมันคือคำหยาบ ร้องเร็ว เข้าใจถูกจริงๆ ว่าแรปไม่จำเป็นต้องหยาบก็แรปได้ ฟังง่ายอะไรอย่างนี้ค่ะ
• เมื่อกี้คุณอุ้ยบอกว่าหยุดร้องแรปไป 10 ปี แล้วตอนนี้ที่กลับมาแรปอีกครั้ง เราปลุกตัวเองอย่างไรให้มีไฟ
เพราะมีรายการ พูดตามตรงเลยว่าเพราะรายการ The Rapper ประมาณว่าปีที่แล้ว อุ้ยไปปาร์ตี้ไทเทเนียม เหมือนเป็นปาร์ตี้ปิด ก็ไปเจอรุ่นพี่ เขาก็ชวนกลับไปทำเพลง เราก็บอกไปว่าทำแน่นอน แต่ไม่ได้ทำสักที พอผ่านมาจากนั้นหนุ่งเดือนรายการ The Rapper โปรโมทขึ้นมา เราก็แบบว่า เฮ้ย! นี้เป็นโอกาสที่เราจะได้กลับมา
เราคิดเหมือนสมัยเมื่อ 10 ปีที่แล้วเลย ถ้าเราลอง แล้วเราผ่าน เราอาจจะได้กลับมาเหมือนตอนนั้นก็ได้ มองภาพตัวเองตอนเด็กว่า อยากกลับไปอยู่บนเวทีแบบนั้น มันก็เลยมีไฟขึ้นมา เราออร์ดิชั่นหลายรอบมาก แต่ไม่มั่นใจ เพราะสมัยนี้ใครๆ ก็อยากเป็นแรปเปอร์ มันเท่ เป็นเด็กรุ่นใหม่ด้วย แต่เรา 30 อัพแล้ว เขาจะเลือกเราไหม จะเป็นอุปสรรคไหม
• ด้วยความที่เราหยุดไปนาน การจะพัฒนาตัวเองอีกครั้ง คุณอุ้ยทำยังไง
ตอนนั้นคือต้องฟังเยอะๆ เลย เพราะว่าเราห่างมานาน ฮิปฮอปไทยเราก็ฟังน้อง เราไปฟังฮิปฮอปเกาหลี เราอินเกาหลีมาก ฟังแต่เกาหลี สิ่งที่ได้มาจากการฟังฮิปฮอปเกาหลีเยอะๆ ก็คือสไตล์และเทคนิคการร้องของแต่ละคน เขามีวิธีร้องไม่เหมือนกัน แต่อันนี้ส่วนใหญ่จะดูแต่ของผู้ชาย ของผู้หญิงก็ดูเหมือนกัน แต่ดูภาพลักษณ์เขามากกว่า ดูเทคนิคจะดูหลายคน หลังจากนั้นก็ดูแรปเปอร์ที่เป็นของไทย ตอนแรกไม่ดูรายการแรปเปอร์ที่เป็นไทยเลย เพราะรายการมันหยาบ แบบหยาบมาก เฮ้ย! มันไม่ใช่การแรป มันคือการ Battle ที่แบบด่ากัน อันนี้ความคิดตอนที่ยังไม่เปิดใจนะ
นั่นแหละ ใช้การดูเยอะๆ ฟังเยอะๆ แล้วก็เขียนเยอะๆ ซื้อสมุดมาเล่นหนึ่งเลย คือว่าแต่งเพลงจะแต่งทั้งในคอมพ์แล้วก็ในสมุด เพราะพอคิดออกปุ๊บ มันจะหายไป เราก็พิมพ์ๆ ไว้ก่อน แล้วก็มาเขียนเป็นเรื่องทีหลัง ไม่ต้องคล้องจองก็ได้ เขียนไว้ว่าเราอยากได้ประมาณนี้ แล้วลองแรปดู ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าที่จะทำเพลงออกมาเสร็จ เพื่อที่จะไปออร์ดิชั่น The Rapper เพราะว่าเราหายไปนาน เราก็อยากทำให้มันผ่าน เราอยากผ่าน เราก็เลยฝึกๆๆๆ ตอนนั้นเขาให้ cover เพลงของศิลปินด้วย ก็ต้องร้องเองด้วย แล้วก็แรปเองด้วย มันก็เครียด
• สไตล์การร้องของคุณอุ้ยเป็นยังไง
ออกแนว old school หน่อย มันจะเป็นเหมือนแบบยุคเก่า แต่ในสไตล์มันจะมีการรวบคำอยู่ หมายถึงว่าแรปมาปกติ แล้วรัวคำ สไตล์เราจะเป็นแบบนั้น ชอบรัวคำ แต่ก็ไม่ไดรัวทั้งเพลง รัวเป็นบางจังหวะ
สไตล์นี้มันมาเองตั้งแต่ช่วงแรปเพลงที่ 2 ของไทเทเนียม มันแบบเหมือนช่องจังหวะเพลงมันไม่พอในหนึ่งบาร์ แต่เนื้อเพลงเรามันยาวมาก เราจะแรปยังไงให้ท่อนนั้นมันอยู่ในลูปเดียว ก็เลยเป็นรัวคำ เพราะเป็นคนเสียดายสิ่งที่เราเขียนไปแล้ว แต่ไม่ได้ว่าจะพยายามรัวทุกคำนะ เคยพยายามทำ แต่ว่ามันจะเหนื่อยไป เราก็ต้องรู้ลิมิตเราด้วย ถ้าแรปเร็วแล้วไม่ชัด ก็ไม่อยากแรป คนฟังฟังไม่รู้เรื่องหรอก
• แล้วการร้องแรปให้ชัดนี่เป็นสิ่งสำคัญไหม
ก็ส่วนหนึ่ง บางคนก็ไม่ซีเรียสหรอก มันจะให้มีครบทุกอย่างก็ไม่ได้ สุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่สไตล์ใครสไตล์มัน อยู่ที่คนฟังด้วยว่าเขาจะชอบแบบไหน แต่ถ้าอยากให้มันดี อยากจะสื่อสารให้คนเข้าใจก็แรปให้มันชัด ไม่จำเป็นต้องรัวก็ได้ ถ้ารัวแล้วคำมันดูแบบแปลกๆ ไปก็ตัดคำออก
• คิดยังไงกับคำว่า ‘แรปเปอร์หญิงในตำนาน’
ตอนแรกเลยคือรู้สึกตลกอะ คือก่อนหน้าอุ้ย มันมีแรปเปอร์ตั้งหลายคนที่เป็นผู้หญิง ที่เขาแรปมาก่อน แต่เขาอาจจะเป็นแรปเปอร์ที่แรปกับศิลปินทั่วไป แต่ช่วงนั้นแรปเปอร์ผู้หญิงมันน้อย แล้วเราเป็นคนเดียวที่ยังทำอยู่ในช่วงนั้น ไม่ใช่คนเดียวหรอก ก็เป็นคนๆ หนึ่งแหละที่ทำอยู่ในช่วงนั้น เคนก็รู้จักเพราะประโยคๆ หนึ่งที่เราแรปขึ้นมาในเพลง เขาก็เลยจำได้จนถึงทุกวันนี้
อย่างมีเด็กคนนนึงที่เมื่อก่อนอายุป. 4 ก็มาคอมเม้นว่า ‘พี่ ผมฟังพี่ตั้งแต่ผมอยู่ ป. 4 แล้วตอนนี้ผมอยู่มหาลัยปี 1 ปี 4’ เราก็แบบเออว่ะที่น้องจำได้ เพราะมันมีประโยคหนึ่งใน Thaitanium Mixtape 4 เขาจำเราได้เพราะมันมีประโยคหนึ่งว่า ICE Maiden show flow in the rap game ขึ้นมาในเพลง แล้วคนก็จะแซวกันมาตั้งแต่สมัยที่แล้ว ตลอดระยะเวลา 10 ปีจนถึงทุกวันนี้ เขาก็เจอหน้าก็ยังแรปประโยคนี้ใส่เรา มันเป็นคำที่คนเคยฟังเพลงเราแล้วจำได้
แต่ตอนนั้นที่บอกว่าฮิปฮอปใต้ดินยังไม่มีโอกาสขึ้นมาบนดิน คนก็ไม่รู้จักหน้าเรา เขาก็รู้จักแค่ ICE Maiden เนี่ยอยู่กับ Thaitanium Mixtape ก็เลยกลายเป็นตำนานมั้ง (หัวเราะ)
• คำว่า ICE Maiden มาจากไหน
คำว่า ICE Maiden มาจากตอนที่จะไปแรปใน Thaitanium Mixtape 3 แล้วเราไม่เคยทำเพลงมาก่อน แต่แรปเปอร์ทุกคนต้องมี A.K.A ย่อมาจาก also known as เหมือนเป็นสมญานามในการเรียกชื่อ คือเพื่อนทุกคนมีกันหมดแล้ว เราก็เลยไปเซ็นทรัลปิ่นเกล้าไปกับเพื่อน ไปเข้า se-ed book ไปดูหนังสือศัพท์แสลงภาษาอังกฤษ ว่าเราจะชื่ออะไรดี เราก็เปิดขึ้นมาเจอคำว่าผู้หญิงเย็นชา ซึ่งกับคาแร็กเตอร์เรา ก็คือไม่พูด จะนิ่งๆ เย็นชา เราก็เลยเอาอันนี้แหละ แต่พอมารู้หลังจากนั้นว่า ICE Maiden มันคือศพผู้หญิงแช่แข็ง (หัวเราะ) แต่เราก็ไม่ได้เปลี่ยน ก็ใช้คำนี้แหละ ผู้หญิงเย็นชา มันไม่ได้ต้องมานั่งเครียดว่าคำนี้มันต้องมาจากอะไร
• คิดว่าตอนนี้เราประสบการณ์ความสำเร็จในเส้นทางแรปเปอร์หรือยัง
ยังค่ะ มันไม่ถึงจุดที่ประสบความสำเร็จ มันแค่ชนะตัวเองได้ระดับหนึ่ง ถ้าจะประสบความสำเร็จคือต้องอีกยาว
• แล้วเราตั้งเป้าหมายเอาไว้ไกลแค่ไหน
นี่ก็จะ 32 แล้ว อายุมันก็เรื่อยๆ แล้ว อย่างที่บอกในตลาดประเทศไทย ถ้าสังเกตดีๆ แรปเปอร์คนที่เขาจะตามกรี๊ด ตามฟัง เป็นแรปเปอร์ผู้ชายมากกว่าผู้หญิงนะ เพราะแฟนคลับส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง เรามีเวลาไม่มากที่จะแรปอยู่ นี่คิดในใจเลยว่าถ้าอายุ 35 แล้วยังไม่มีคนรู้จักมากขึ้น หรือเพลงที่เรากำลังทำอยู่มันไม่ดี ก็จะแต่งงานมีลูกแล้ว (หัวเราะ)
ก็นั่นแหละเราก็ดูระยะสั้นไว้ก่อน เราไม่อยากหยุดแล้ว เราเสียดายเวลาที่ผ่านมา 10 ปีมาก บอกตัวเองตลอดว่า ตอนนั้นกูไปทำอะไรอยู่ว่ะ ทำไมถ้าช่วงที่ผ่านมา เรายังไม่หยุดทำ มันน่าจะประสบความสำเร็จกว่านี้ พอออก The Rapper มันน่าจะบูมกว่านี้
• ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากกลับไปแก้อะไร
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้นะ ไม่อยากทิ้งอะไรที่เราเคยทำตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คือมองรูปตัวเองตลอด มันมีโอกาสครั้งหนึ่งที่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตกับไทเทเนียม คอนเสิร์ตใหญ่มาก แล้วมีรูปที่ถ่ายไว้ มันเป็นรูปที่แฟนคลับจากข้างล่างเวทีจับมือเรา เราก็ดูรูปนั้นตลอด เราคงไม่มีโอกาสแบบนั้นอีกแล้ว เพราะเราหยุดมานาน ถ้ากลับไปได้คงไม่หยุดทำเพลง
• แสดงช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด
ใช่ๆ มีความสุขมาก มีคนจ้างงานตลอด หลังจากอัลบั้มไทเทเนียม มันมีหลายเพลงที่เราได้ไป featuring ด้วย มีอัลบั้มเป็นของตัวเองที่ทำกับพี่ที่เขาอยู่ Thaitanium Mixtape เหมือนกัน มีสปอนเซอร์ สนุกอะ ทั้งๆ ที่เราอายุแค่นั้นแต่เราได้เงิน สมัยนั้น 5 พันบาทเยอะมากสำหรับเรา ขึ้นไปร้องแค่ครึ่งนาทีได้ 5 พันบาท ตอนนั้นมันแฮปปี้ มันเป็นจังหวะชีวิต นี่ก็พยายามคิดว่าช่วงชีวิตหนึ่ง คนเรามันไม่สามารถประสบความสำเร็จแบบยาวไปตลอดชีวิตได้หรอก
• เคยคิดไหมว่าหลังจากออกจากรายการ จะร้องแรปเป็นอาชีพหลักเลย
คิดอยากจะเปลี่ยนอาชีพเลย แต่แบบมันก็ไม่ได้ปุ๊บปั๊บขนาดนั้น เอาตรงๆ เลยนะ หนึ่งคือเรื่องอายุ อิมเมจ ในส่วนของแรปเปอร์คนอื่นที่เขาเด็กกว่าหรือว่าลุคเขาสดใส มันอาจจะตรงโจทย์กับที่ลูกค้ามองหาอยู่ มันก็ยาก เลยจะค่อยๆ ขยับเป็นงานอดิเรกไปก่อน แล้วถ้ามีโอกาสก็ค่อยขยับเป็นอย่างอื่น หลายๆ งานที่เหมือนจะได้แล้วไม่ได้ หลายอย่างมันก็อยู่ที่ช่วงอายุ
• คุณอุ้ยได้เรียนรู้อะไรจากรายการนี้บ้าง
รายการนี้ที่ได้เรียนรู้เลย มันคือมิตรภาพนะ ที่เราได้รับ มันไม่ใช่การแข่งขันเลย ทุกคนที่เข้าไปแข่ง ไม่มีใครคิดเลยว่า เฮ้ย! กูจะไม่คุยกับคนนี้ เพราะว่าแม่งคือคู่แข่งกู แต่สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือทุกคนมาเพื่ออยากจะทำสิ่งที่ตัวเองรักให้คนอื่นได้เห็น มันไม่ใช่ว่าชั้นจะต้องชนะผ่านรอบนี้ไป อันนี้จะต้องตกรอบ เราคุยกัน ปรึกษากันทุกคน มันได้มิตรภาพ อีกอย่างหนึ่งคือ เราได้ฝึกสกิลของเรา ทั้งสกิลการร้อง การแรป และสกิลการใช้เวที ถ้าเราขึ้นมาแล้วไม่มีความมั่นใจ ทางพี่โปรดิวเซอร์เขาก็จะแบบบอกเราว่าควรทำยังไง เราก็จะได้ประสบการณ์ตรงนั้นมากขึ้นด้วย
• ตอนนี้วงการแรปบ้านเราไปในทิศทางไหน
ตอนนี้กระแสฮิปฮอปในไทยกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากรายการนี้กับอีกรายการหนึ่งออกมา มันปลุกกระแสดีมาก แล้วเดี๋ยวจะมีรายการแรป is now season 4 ขึ้นมาอีก ตอนนี้ฮิปฮอปเขากำลังรันวงการ ไม่ให้มันหยุด เขามองกันว่า มันน่าจะไปได้อีกไกล เพราะช่วงนี้กระแสฮิปฮอปมาแรงมาก
สิ่งที่อยากจะเห็นอยากจะเห็นผู้หญิงแรปเยอะขึ้น ปัจจุบันนี้มีแต่ผู้ชาย อยากให้ผู้หญิงกล้าลองแรป มีหลายคนเหมือนที่ที่ message มาใน inbox ว่า พี่แต่งแรปให้หนูหน่อย น้องเขาบอกว่า อาจารย์บอกให้หนูแต่งการบ้านเป็นเพลงแรป ขนาดครูยังอิน เราก็เลยมองว่ามันเข้าถึงทุก generation ทุกอาชีพ เราคิดว่าน่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี
• อยากร้องแรปบอกอะไรเมืองไทยบ้าง
เอาแบบไม่โลกสวยเลยนะ จริงๆ เคยคุยกับ ‘ปุ๊บปั๊บ Cyanide’ ที่เขาออกรายการด้วย อยากทำเพลงที่เหมือนสิทธิผู้หญิง เช่นเรื่องขมขืน เรื่องว่าทำไมผู้หญิงผิดว่ะ ทั้งๆ ที่กูไม่ได้แต่งตัวล่อแหลม มึงมาขมขืนกูอะไรอย่างนี้ พวกเรื่องผู้หญิง เรื่องแนวขมขืน เรื่องความปลอดภัยของผู้หญิง เรื่องการคมนาคม
อยากพูดถึงเรื่องนี้มากเลย แต่ก็กลัว ถ้าแรปอันนี้ออกมา มันจะ sensitive กับคนไทยไปไหม เช่น เดินอยู่บนฟุตบาทไม่ได้ ต้องมาเดินตรงถนนข้างๆ เพราะแม่ค้าหรือเจ้าของบ้านเอาของมาวางบนฟุตบาท แล้วต้องเดินบนถนนด้านล่าง แล้วรถสวนมา เราจะโดนชนอะไรอย่างนี้ คืออยากพูดเรื่องนี้มาก ไป BTS ส่วนต่อขยายก็ต้องจ่าย แล้วแบบยังมาเสียอีก อยากพูดอะไรแบบนี้ มันมีเรื่อง sensitive ของไทยเยอะ มันก็มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแหละ เดี๋ยวจะหาว่าโลกสวย กระแดะไปหรือเปล่า อยากพูดเรื่องแท็กซี่ไม่รับด้วย แต่ก็กลัวแท็กซี่จำหน้าได้ ไม่รับอีก พาไปไหนอีก
• อยากให้แนะนำเด็กรุ่นใหม่ในเส้นทางแรปเปอร์
อย่างแรกเลย ก่อนอื่นต้องมั่นใจก่อนว่าเราชอบจริงๆ ไม่ใช่ตามกระแส ไม่ใช่แบบพี่แม่งเท่ว่ะ หนูอยากเป็นเหมือนพี่ แต่พอหนูทำไม่ได้ หนูก็ไม่เป็นแล้ว หนูไปทำอย่างอื่น อะไรอย่างนี้ จริงๆ มันก็ไม่ผิดหรอกกับการลองถูกลองผิด แต่อยากให้ถามตัวเองก่อนว่าชอบจริงหรือเปล่า อยากลองมันไม่ผิด แต่อยากให้ถามตัวเองก่อนว่าถ้าชอบจริงๆ ถ้าเราเจออุปสรรค เช่น แต่งเพลงไม่ได้ เราจะท้อไหม เราจะเลิกทำมันไหม ลองแต่งเพลงดู ถ้ามันไม่ผ่านจุดนี้ไป มันล้มเลิก มันก็เสียเวลา อยากให้มั่นใจก่อนว่าอันนี้คือสิ่งที่ชอบจริงๆ แล้วก็มั่นใจในตัวเอง ออกมาแสดงความสามารถให้คนอื่นได้เห็น มันมีโอกาสที่จะเปิดรับอีกมากมาย
• แล้วสำหรับคนที่โตแล้ว เป็นผู้ใหญ่ อย่างเป็นเด็กเรายังมีเวลาให้ลอง
ก็ไม่ผิดอยู่แล้วที่เราจะชอบอะไร เรามีแรงบันดาลใจ เอาคนนี้เป็นไอดอลก็ได้ สมมติฉันชอบพี่โจ้ โจอี้บอย อยากจะเป็นเหมือนเขาก็ทำเลย ไม่ต้องคิดเยอะ อายุก็เท่านี้แล้ว ไม่ทำเลย แล้วจะทำตอนไหน
ลองเขียน ฟังเพลงเยอะๆ ดูหลายๆ คน เหมือนฟังเยอะๆ ซ้อมเยอะๆ เขียนเยอะๆ ถ้ายังเขียนไม่ได้ หรือไม่รู้สไตล์เราเป็นแบบไหนก็ลองฟังเยอะๆ แรปเปอร์เมืองไทยก็ได้ หรือแรปเปอร์อเมริกาก็ได้ ลอง cover เพลงเขา ลองร้องตามว่าเราร้องทันไหม พี่ชอบทำแบบนี้ ชอบเหมือนเปิด youtube เปิดเนื้อเพลง แล้วแรปตามเขา ลองเปิดใครสักคนที่เราคิดว่าเราจะร้องตามทัน แรปตามก่อนก็ได้
“…มันเป็นจังหวะชีวิต นี่ก็พยายามคิดว่าช่วงชีวิตหนึ่ง คนเรามันไม่สามารถประสบความสำเร็จแบบยาวไปตลอดชีวิตได้หรอก”
Story: Taliw
Photo: Wara Suttiwan