Café Like a Local เหมือนอยู่ต่างจังหวัด แบบไม่ต้องขับรถไปไกล

Café Like a Local
เหมือนอยู่ต่างจังหวัด แบบไม่ต้องขับรถไปไกล

‘เหมือนอยู่ต่างจังหวัด’ คือคำนิยามของ “Like a Local” คาเฟ่ที่ชัดเจนในตัวตนว่าอยากให้มีบรรยากาศโปร่ง สบายๆ เป็นบรรยากาศต่างจังหวัด เพื่อให้ที่นี่เป็นสถานที่หลบหลีกความวุ่นวายของเมืองใหญ่ โดยที่เราไม่ต้องขับรถไปไกล เพราะ Like a Local ตั้งอยู่ในย่านเกษตรนวมินทร์

“จริงๆ ชื่อ Like a Local มีตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำอะไรเลย พี่เจ้าของเขารู้สึกชอบชื่อนี้มาก แล้วเราก็อยากทำอะไรที่มันรู้สึก local ก็เลยตัดสินใจทำคาเฟ่  เราไปต่างจังหวัด ดูโน้นดูนี่ กลายเป็นไอเดียว่า อยากได้คาเฟ่ที่เป็นสีสนิมๆ ไม้ๆ เหมือนอยู่ต่างจังหวัด เอาต้นไม้มาลง ลงสนามหญ้าสีเขียวให้มันตัดกัน” คุณเต็ม – เต็มภูมิ มูลทรัพย์ บอกเล่าถึงคอนเซ็ปต์การแต่งร้านที่เลือกให้มีบรรยากาศเสมือนต่างจังหวัดจนกลายเป็น Like a Local แห่งนี้

แต่หากให้ย้อนมองกลับไปยังจุดเริ่มต้นของคาเฟ่กว้างขวางแห่งนี้คงต้องเริ่มมาจากคำถามว่า ‘ทำไมร้านกาแฟบรรยากาศสบายๆ โปร่งๆ มันอยู่ต่างจังหวัดหมดเลย’ เพียงหนึ่งคำถาม ผนวกกับความชอบในการดื่มกาแฟ จึงทำให้ Like a Local เกิดขึ้น โดยเปลี่ยนพื้นที่รกร้างบนถนนประเสริฐมนูกิจให้กลายเป็นคาเฟ่ที่กว้างขวาง ทั้งอาคารทรงกล่องและสนามหญ้าที่รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่

Like a Local แบ่งพื้นที่เป็น 2 โซนเด่นๆ คือ โซน Indoor ซึ่งเป็นอาคารทรงกล่องสไตล์ลอฟท์ ภายในเน้นบรรยากาศโปร่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น พร้อมวางสเปซให้ความเป็นส่วนตัว โดยกรุผนังกระจกทั้ง 3 ด้านเพื่อดึงธรรมชาติให้เป็นส่วนหนึ่งของอาคาร จุดเด่นของโซนนี้อยู่ที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มที่เก๋ไก๋ด้วยสังกะสีดีไซน์เท่ ผนวกกับความโปร่งของอาคาร ช่วยเสริมให้คาเฟ่แห่งนี้น่านั่ง เสริมความเท่และเสน่ห์แบบ local ด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่าที่คัดสรรมาจัดวางอย่างลงตัว

อีกหนึ่งโซนคือพื้นที่ Outdoor ที่จัดให้มีมุมนั่งเล่นหลากหลาย ทั้งมุมยกพื้นล้อมรอบต้นไม้ใหญ่ ข้างสนามหญ้าสีเขียวขจียังออกแบบให้เป็นซุ้มนั่งเล่นยามเย็น ขณะที่อีกฟากของสนามหญ้าออกแบบให้สนุกด้วยสไลเดอร์สีเหลืองสดใส ใกล้ๆ กันเป็นพื้นที่ปาร์ตี้ที่เปลี่ยนตู้คอนเทนเนอร์ให้เป็นบาร์เครื่องดื่มสุดเก๋ พร้อมด้วยจอมอนิเตอร์สำหรับดูหนัง เชียร์บอล

“ร้านเรามี indoor และมี outdoor ที่ให้พาน้องหมามาวิ่งเล่นได้ เย็นๆ วันเสาร์ – อาทิตย์ลูกค้าพาน้องหมามาเยอะมาก มีเด็กๆ มาวิ่งเล่นเยอะมาก แล้วเราอยากให้ร้านดู relax เลยเอาสไลเดอร์มาลงครับ ส่วนเวทีอันนั้นก็เซ็ตไว้ เผื่อว่าวันหนึ่งเราจะมีกิจกรรม มีมาร์เก็ตหรือจะมีงานอีเว้นเล็กๆ หน้าหนาวอาจจะจัดแคมปิ้งบาร์บีคิว คือเราก็เผื่อใช้ประโยชน์ได้หลายๆ อย่าง”

อีกหนึ่งไอเดียของที่นี่คือ การเป็นคาเฟ่กึ่ง Co-working space ที่ให้เรามานั่งทำงานพร้อมดื่มเครื่องดื่มแก้วโปรดไปพร้อมๆ กัน โดยออกแบบให้ที่นั่งทุกโต๊ะมีปลั๊กไฟสำหรับทำงาน ยกเว้นบริเวณ outdoor บางมุมที่ออกแบบให้เป็นพื้นที่พักผ่อนอย่างแท้จริง อีกทั้งยังออกแบบให้มีห้องประชุมรองรับลูกค้า

“เราอยากให้ที่นี่เป็นกึ่งๆ co-working คือผมเป็นคนที่ไปนั่งร้านกาแฟ แล้วรู้สึกว่า ร้านกาแฟต้องเป็นร้านที่นั่งง่าย ทำงานได้ เน็ตต้องแรง ปลั๊กต้องมีทุกโต๊ะ เพราะฉะนั้นทุกจุดทุกโต๊ะจะมีปลั๊กสำรองไว้หมด เพื่อจะได้นั่งทำงาน เวลาลูกค้ามาแล้ว เราอยากให้รู้สึกว่าบรรยากาศนี้มันทำให้คิดงานได้ เราก็เลยทำให้ร้านเป็นแบบเขียวๆ น้ำตาลๆ โต๊ะโล่งๆ น้อยๆ เพื่อที่จะได้คุยกันแล้วไม่กวนโต๊ะข้างๆ เป็นที่ที่สามารถทำงานได้ด้วย ซึ่งอันนี้คือตั้งใจเลย อย่างการให้มีห้องประชุมสำหรับคุยงาน

ลูกค้าที่มาใช้ห้องประชุมจะมีค่าใช้จ่ายคือ 200 บาท/ท่าน/ 3 ชม. จะมีห้องประชุมเล็กรับรองได้ 4-9 ท่าน ไม่เกิน 10 ส่วนห้องประชุมใหญ่รับรองได้ 10-20 ท่าน แต่เราเคยจัด 25 คนมาแล้ว ได้เครื่องดื่มฟรี 1 อย่าง ยกเว้นชาร้อนแบบเหยือก และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”

เพราะที่นื่คือคาเฟ่ จึงเสิร์ฟทั้งเครื่องดื่มและอาหารชวนอิ่มท้อง ซึ่งมีทั้งเมนูทานเล่นและอาหารจานหนัก ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยและอาหารฟิวชั่นให้เราเลือกทาน โดยเฉพาะยามเช้าก่อนไปทำงานยังสามารถแวะทาน American Breakfast ได้อีกด้วย

“เราเน้นกาแฟไทยๆ ดื่มง่าย คือคนทานกาแฟมีหลายแบบ มีทั้งแบบลึกซึ้งมาก แบบไม่ลึกซึ้ง ชอบหวานขม หวานมัน ตัวกาแฟเราแทบจะรองรับทุกรสชาติของคนที่ชอบ แล้วอาหารจะมีทั้งมื้อหนักก็ได้ หรือมานั่งอ่านหนังสือทำงาน แล้วสั่งมาทานเล่นๆ ก็ได้”

เริ่มจากกาแฟซิกเนเจอร์ “Coffee Like a Local” (90 บาท) กาแฟเอสเพรสโซ่แบบไทยๆ ที่ให้รสหวานมัน ท็อปด้วยฟองนมนุ่มๆ ชวนดื่มง่ายและดื่มเพลิน แก้วนี้เป็นซิกเนเจอร์ที่ออกแบบรสชาติให้ตรงกับคอนเซ็ปต์ร้าน แต่หากอยากดื่มกาแฟร้อน แนะนำให้สั่ง “Capuchino Hot” (80 บาท) ที่ให้รสหวานมันกลมกล่อม โดยยังยึดคอนเซ็ปต์ดื่มง่ายเอาไว้

Coffee Like a Local (90 บาท) และ Capuchino Hot (80 บาท)
Color of Local (95 บาท)

ส่วนใครที่อยากได้เครื่องดื่มเรียกความสดชื่นมาดับร้อน แนะนำให้ลอง “Color of Local” (95 บาท) อิตาเลี่ยนโซดาที่ผสมผสานรสชาติ 3 สไตล์ทั้งบลูฮาวาย สัปปะรด และชากุหลาบ ให้รสหวานซ่อนเปรี้ยวและซ่าชวนสดชื่น

ส่วนเมนูอาหารก็มีให้เลือกหลากหลาย เริ่มจากอาหารเช้าอย่าง “Thai Bakes Eggs” (120 บาท) หรือเมนูไข่กระทะที่คิดขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าในยามเช้า (แต่ก็เสิร์ฟให้ได้ทานตลอดวัน) ความพิเศษของไข่กระทะจานนี้อยู่ที่เครื่องแน่นๆ กับไข่ไก่ที่ให้มากถึง2 ฟองปรุงรสกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมขนมปังปิ้งหอมเนย

 

Thai Bakes Eggs (120 บาท)
ข้าวแกงพะแนงหมู (150 บาท)
Grilled Pork Neck Salad with Spicy Sauce (159 บาท)

นอกจากนี้ยังมีเมนูไทยๆ อย่าง “ข้าวแกงพะแนงหมู” (150 บาท) ที่ทำสดใหม่แบบชามต่อชามกับรสชาติเข้มข้นและจัดจ้านของพริกแกงตามแบบฉบับไทยๆ ตัดรสด้วยผักสด ไข่ต้ม และข้าวสวยร้อนๆ ที่เสิร์ฟคู่กัน ปิดท้ายกันด้วยเมนูฟิวชั่นสำหรับสาวๆ อย่าง “Grilled Pork Neck Salad with Spicy Sauce” (159 บาท) สลัดผักที่เสิร์ฟพร้อมคอหมูย่างและน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ เป็นเมนูที่ผสมผสานความอร่อยที่แตกต่าง แต่ให้รสชาติกลมกล่อมชวนอิ่มท้อง

“จุดเด่นของที่นี่ที่อยากให้ลองมาคือเรื่องบรรยากาศ คือที่เราได้ยินจากลูกค้าบ่อยๆ ว่าเหมือนไม่ได้อยู่กรุงเทพ รู้สึกเหมือนอยู่สวนผึ้ง เหมือนอยู่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นความตั้งใจของเรา เวลาลูกค้าบอกว่า เหมือนร้านอยู่ต่างจังหวัด แสดงว่ามีคนเข้าใจเรา เข้าใจคอนเซ็ปต์ร้าน”

Cafe Like a Local
• Address: ถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตรนวมินทร์)
• Map: goo.gl/maps/tpyZRjFcwqN2
• Time: เปิดทุกวัน เวลา 7.00 – 21.30 น.
• FB: www.facebook.com/CafeLikealocal/

Story : Taliw
Photo : Wara Suttiwan

keyboard_arrow_up