กลิ่นกรุ่นวินเทจใน Bar Storia del Caffè @Ari ที่แม้คาแรคเตอร์ไม่ใหม่ แต่ความคูลไม่ซ้ำเดิม
EAT & DRINK : คาเฟ่ที่โดดเด่นด้วยสีเขียวละมุนตา ผสมผสานกับหน้าต่างทรงโค้งในบรรยากาศร่มรื่น ชวนให้ Bar Storia del Caffe @อารีย์ แห่งนี้โดดเด่นจนต้องชักชวนคุณไปเยือนสักครั้ง
ชื่อ Bar Storia del Caffe ไม่ใช่ชื่อใหม่ไม่คุ้นหู เพราะคาเฟ่แบรนด์นี้เปิดมาแล้วถึง 2 สาขาด้วยกัน โดยเริ่มจากสาขาทองหล่อเป็นที่แรก ส่วนสาขา 2 ตั้งอยู่ที่สุขุมวิท 57 และเมื่อเปิดสาขาที่ 3 ในย่านอารีย์ Bar Storia del Caffe จึงเป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่สาวก Cafe Hopping ต้องตามไปเก็บเกี่ยวภาพและความประทับใจ ผ่านการซึมซับบรรยากาศร้านที่คงคาแรคเตอร์วินเทจเอาไว้ ขณะที่เมนูอาหารที่คงความอร่อยไม่เปลี่ยน
จุดเด่นของ Bar Storia del Caffe ที่ชวนสะดุดตาตั้งแต่แรกพบคือดีไซน์ร้านในสไตล์วินเทจ หากย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของคาเฟ่ชื่อนี้ เริ่มมาจากร้านขายของวินเทจในชื่อ Bar Storia หุ้นส่วนร้านจึงยังคงคาแรคเตอร์วินเทจเอาไว้ตั้งแต่สาขาทองหล่อ เพียงแต่ Bar Storia del Caffe สาขาอารีย์จะมีดีไซน์ที่แตกต่างและโดดเด่นกว่าด้วยพื้นที่ Stand Alone ที่สร้างขึ้นใหม่ จึงสามารถออกแบบและตกแต่งได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีข้อจำกัด
“คาแรคเตอร์ของ Bar Storia เดิม (สาขาทองหล่อ) เริ่มมาจากร้านขายของวินเทจ แล้วก็พอคิดจะทำร้านกาแฟที่อยู่ติดกัน เป็น connecting ก็เลยตกแต่งในบรรยากาศวินเทจผสมด้วย แต่สำหรับร้านนี้จะเด่นตรงที่พื้นที่จุดนี้เป็น Stand Alone เราก็เลยทำอะไรได้อย่างที่อยากจะให้มันเป็น เพราะไม่ได้อยู่ในตึก ไม่ได้อยู่ในกรอบข้อบังคับ เราเลยสร้างร้านขึ้นมาใหม่ แพลนขึ้นมาใหม่เลย โดยดีไซน์ก็จะเป็นวินเทจสไตล์ รวมทั้งพร็อพตกแต่งร้านด้วย อย่างการปูพื้น เคาน์เตอร์ หรือกรอบประตูโค้ง ก็จะเป็นสไตล์วินเทจผสมอยู่”
เริ่มจากความโดดเด่นของสีเขียวละมุนตาที่เลือกใช้ ตัดกับสีแดงของกันสาดผ้าใบ ขณะเดียวกันก็กลมกลืนกับวัสดุไม้ที่นำมาตกแต่ง โดยเฉพาะหน้าต่างและประตูทรงโค้งที่ช่วยเสริมให้อาคารหลังนี้คงเสน่ห์วินเทจ เติมบรรยากาศผ่อนคลายผ่านต้นไม้สีเขียวที่ประดับอยู่รอบร้าน โดยเฉพาะมุมเอาท์ดอร์ที่นอกจากจะนั่งสบายด้วยบรรยากาศร่มรื่นทั้งจากต้นไม้และโทนสีของร้าน มุมนี้ยังเป็นอีกหนึ่งมุมเด่นที่ชวนให้เรานั่งทอดอารมณ์สบายๆ ได้ทั้งวัน
ส่วนภายในร้านก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะบรรยากาศสบายๆ ที่ยังคงเสน่ห์วินเทจเอาไว้ผ่านโทนสีและของตกแต่ง โดยภายในร้านตกแต่งด้วยสีเอิร์ธโทนชวนละมุน ทั้งผนังสีเทา เฟอร์นิเจอร์ไม้ และพื้นกระเบื้องที่เล่นลวดลายสลับสีขาวน้ำตาล ขณะเดียวกันก็ตกแต่งผนังไม่ให้โล่งเกินไปด้วยของตกแต่งวินเทจ ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมบรรยากาศวินเทจตามคาแรคเตอร์ที่วางไว้แล้ว ยังสื่อถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Bar Storia del Caffe อีกด้วย
นอกจากดีไซน์ที่สะดุดตาชวนหลงรักแล้ว เมนูอาหารที่เสิร์ฟของที่นี่ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน โดยเมนูหลักของ Bar Storia del Caffe เน้นเสิร์ฟอาหารตะวันตกที่ปรับให้มีรสจัดจ้าน มาพร้อมกับความหลากหลายของเมนูที่ให้เราได้แวะทานได้ทั้งวัน “ตอนนี้เมนูของสาขานี้จะเป็นเมนูเดียวกันกับที่ทองหล่อ แต่ว่าเราก็กำลังจัดเมนูใหม่มาเสิร์ฟ อีกอย่างเรามีแพลนว่า มื้อกลางวันที่เป็นวันธรรมดาอาจจะมี special menu ที่เป็นอาหารจานด่วนสำหรับคนทำงานย่านนี้ ส่วนเย็นก็จะเพิ่มเมนูเซ็ทเล็กๆ ไว้ทานกับเครื่องดื่ม เป็น special ที่ต่างจากเมนูหลักในช่วงเวลานั้นๆ”
โดยเมนูแนะนำวันนี้คือ Bar Storia del Caffe Benedict (200 บาท) เมนู egg benedict ที่ปรับแต่งให้มีรสเฉพาะอย่างการเพิ่มความพิเศษด้วยซอส Cheese Fondue แทนที่ซอส Hollandaise จึงให้รสชาติที่เบากว่า เพิ่มความอร่อยด้วยเห็ด, พาร์มาแฮมและมันฝรั่งทอด ส่วนใครที่ชอบทานอาหารคลีน เราขอแนะนำ Grilled Salmon Quinoa Salad (430 บาท) แซลมอนชิ้นโตที่นำไปย่างจนสุกกำลังดี เสิร์ฟพร้อมด้วยสลัดคีนัวที่ปรุงรสให้กลมกล่อมเข้ากับแซลมอนอย่างลงตัว กลายเป็นเมนูซุปเปอร์ฟู้ดที่อิ่มอร่อย หรือจะลิ้มลอง BBQ Pork Ribs (320 บาท) ที่ให้รสเข้มข้นจากซอส ขณะเดียวกันก็สัมผัสละมุนลิ้นจากซี่โครงหมูเนื้อนุ่ม เสิร์ฟพร้อมผักย่าง หอมทอด และมันฝรั่งทอด
ส่วนเมนูเครื่องดื่ม Bar Storia del Caffe เริ่มต้นมาจากการเป็นร้านกาแฟ เครื่องดื่มเมนูกาแฟของที่นี่จึงไม่ธรรมดา “เราเริ่มมาจากร้านกาแฟ เราก็จะเน้นกาแฟ แต่เป็นกาแฟสไตล์อิตาเลียน คือจะเข้ม กาแฟของเราทุกแก้วจะเป็นดับเบิ้ลชอทจึงค่อนข้างเข้ม โดยมีทั้งกาแฟดริปและกาแฟจากเครื่อง espresso ให้ลูกค้าได้เลือก”
อย่าง Caramel Macchiato (S 120 บาท , M 135 บาท) ที่ให้รสละมุนและความหอมหวานจากคาราเมล ขณะเดียวกันก็คงความเข้มข้นของกาแฟ กลายเป็นกาแฟรสกลมกล่อมที่ชวนลิ้มลอง ส่วนใครไม่ดื่มกาแฟ Bar Storia del Caffe ยังมีเมนูเครื่องดื่มอีกหลายเมนูให้เลือกชิม ทั้งเมนูเครื่องดื่มชา, ช็อกโกแลต, ไวน์, ม็อกเทล, ค็อกเทล, คราฟท์เบียร์ ฯลฯ แนะนำให้ลิ้มลอง Sparkling Sangria (160 บาท) ก็เป็นเครื่องดื่มเมนูม็อกเทลอีกแก้วที่ชวนลิ้มลอง โดยเฉพาะรสหวานหวานซ่อนเปรี้ยวที่ชวนสดชื่น
“สิ่งที่แตกต่างของที่นี่กับสาขาอื่นคือในเรื่องของ Craft Beer กับ Cider แต่ของเราจะเป็น partnership ซึ่งร้านสาขาอื่นของเราก็จะมีแค่ไวน์ เบียร์ขวด ซึ่งมีทั้ง import และ local แต่ว่าที่นี้ด้วยความที่หุ้นส่วนเขามี partner อยู่กับบริษัทคราฟท์เบียร์ เราก็เลยมีคราฟท์เบียร์เพื่อให้ร้านครบวงจร ตั้งแต่เช้าเสิร์ฟอาหารเช้า ไปจนถึงค่ำเป็นร้านนั่งชิลนั่งดื่มได้”
“ส่วนขนมของเราก็จะทำเองหลายอย่าง โดยหลักๆ ก็จะทำมาจากสาขาทองหล่อ เช่น Bar Storia del Caffe Tiramisu เราจะใช้กาแฟสด คือกาแฟเอสเพรสโซ่เลยมาทำ จริงๆ แล้ว Tiramisu สูตรจริงๆ จะใช้กาแฟผงก็ได้ แต่เราเลือกใช้กาแฟสด เพราะฉะนั้นรสชาติมันก็จะได้รสกาแฟที่เข้ม ฉ่ำกาแฟ หรือ Strawberry Cheese Tart ชีสทาร์ตเราก็จะไม่ได้ใช้ตัวครีมซีสหนักๆ แต่เราจะใช้เป็น mascarpone cheese ซึ่งจะเบาให้รสอร่อยอีกแบบหนึ่ง”
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Bar Storia del Caffe สาขาอารีย์แตกต่างจากสาขาอื่นๆ ก็คือ “Calm Spa” สปาที่ให้เราได้ใช้บริการนวดผ่อนคลาย โดยสปาจะตั้งอยู่บนชั้นสองของอาคาร “เราตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าอยากจะทำอะไรมากกว่านี้ ก็เลยมีสปาอยู่ชั้นสอง บาร์ก็จะอยู่ชั้นล่าง เผื่อว่าทำสปาเสร็จแล้วลงมารีแล็กซ์ หรือว่าระหว่างรอสปาก็กินกาแฟ ขนม อาหาร ไปก่อน”
Bar Storia del Caffe
• Address: ซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ
• Map: goo.gl/maps/T8WjTMNyEMU2
• Time: เปิดทุกวัน โดยจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 9.00 – 23.00 น. และศุกร์ – อาทิตย์ 9.00 – 24.00 น.
• Tel: 02 057 9448
• Facebook: www.facebook.com/barstoriadelcaffe