6 คาเฟ่ไซส์มินิที่ความชิคไม่มินิตามไปด้วย
EAT & DRINKS: แม้พื้นที่จะจำกัด แต่ความชิคและไอเดียไม่จำกัดตามพื้นที่ เช่นเดียวกับคาเฟ่ไซส์มินิที่เรารวบรวมมาฝากในวันนี้ รับรองว่าคุณจะตกหลุมเสน่ห์ของความมินิเก๋ไก๋เหมือนกับเรา
หลายครั้งที่เราได้ไปเยือนคาเฟ่ไซส์มินิ แต่ความเจ๋งกลับไม่มินิตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งหรือเมนูอาหาร ซึ่งล้วนซ่อนสิ่งไม่ธรรมดาเอาไว้ วันนี้เราจึงอดใจไม่ไหว ต้องรวบรวมคาเฟ่ไซส์นินิที่อยู่ในความประทับใจมากฝากคุณผู้อ่านได้ตามไป CHECK IN กัน!!
01. 4th Floor Drip Bar
“ชั้น ๔” คาเฟ่จิบชาดื่มกาแฟรสอร่อยที่มีความครีเอทไม่ซ้ำใคร แถมด้วยบรรยากาศสบายๆ ของการพักผ่อน โดยคาเฟ่ชั้น ๔ ตั้งอยู่บนชั้นที่สี่ของอาคารในซอยสุขุมวิท 26 ทำให้คาเฟ่แห่งนี้มีพื้นที่จำกัด แต่ความชิคไม่จำกัดด้วยการตกแต่งทั้งชั้นด้วยงานไม้ชวนคิดถึงชานพักบ้านเรือนไทย โดยเฉพาะบาร์เครื่องดื่มที่ออกแบบให้รูปลักษณ์คล้าย ‘ฆ้องวง’
ความประทับต่อคาเฟชั้น ๔ สำหรับเราและใครอีกหลายคน คงเป็นเครื่องดื่ม Special Menu ที่ใส่ ‘ความเป็นไทย’ จากวัตถุดิบไทยที่หาได้ง่าย จนได้เครื่องดื่มแก้วพิเศษที่มีรสชาติไม่เหมือนใคร อย่าง “Mongkhud Sumala” (มงกุฎสุมาลา) เป็นเครื่องดื่มที่มีความซับซ้อน แต่ให้รสชาติละมุน มาพร้อมเสน่ห์แบบอโรมาติกด้วยส่วนผสมของชาขาว มะลิ ว่านหางจระเข้ และ Pink Orange
• พิกัด: บนชั้น 4 ของร้าน Baker Gonna Bake ซอยสุขุมวิท 26
• เวลา: 10.00 – 18.00 น.หยุดวันพุธ
• เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/4thfloordripbar/
• อ่านฉบับเต็ม: “ชั้น ๔” คาเฟ่ทำมือที่เสิร์ฟเครื่องดื่มจรุงใจ
02. Thing Things
คาเฟ่เปิดใหม่ในย่านโพธิ์นิมิตร ที่มาพร้อมความไม่ธรรมดาทางด้าน ‘ดีไซน์’ ที่ไม่ใช่เพียงการตกแต่งสถานที่แห่งนี้ให้หรูหรา แต่ Thing Things คือห้องนั่งเล่นของนักออกแบบให้มาซ่อนตัวพูดคุยเรื่องการดีไซน์ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ นอกจากนี้คาเฟ่ไซส์มินิแห่งนี้ยังให้ความสำคัญกับความคิดความครีเอท Thing Things จึงทำหน้าที่กึ่ง Design Store ที่มีงานดีไซน์จากเพื่อนรุ่นน้องรุ่นพี่มาวางจำหน่ายด้วย
ส่วนเมนูเครื่องดื่มก็ชวนประทับไม่แพ้กันด้วยการนำวัตถุดิบมาดีไซน์จนกลายเป็นเครื่องดื่มแก้วพิเศษที่ให้รสหอมหวานไม่ซ้ำใคร อย่าง “สบายใจ” เครื่องดื่มที่ผสมผสานความสดชื่นจากตะไคร้เคล้าด้วยกลิ่นหวานๆ ของลาเวนเดอร์ เพิ่มรสเปรี้ยวอมหวานด้วยเลม่อน จนได้เครื่องดื่มที่ได้ความสดชื่นและสบายใจตามชื่อ เพิ่มความพิเศษด้วยไซรัปตะไคร้ทำเอง
• พิกัด: ซอยแซ่ซิ้ม BTS โพธิ์นิมิตร
• เวลา: Weekday 11.00 – 20.00 น., Weekend 9.30 – 19.00 น. ปิดวันอังคารและวันศุกร์
• เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/thingthingsbkk
• อ่านฉบับเต็ม: Thing Things ห้องนั่งเล่นของนักออกแบบ
03. FLOCK dessert bar & bistro
คาเฟ่สไตล์ลอฟท์ที่ไม่แคร์ว่าพื้นที่จะจำกัดด้วยการออกแบบให้เป็นคาเฟ่ที่สื่อถึงตัวตนของเจ้าของร้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้เป็นคาเฟ่ดิบเท่ตามแบบฉบับอินดัสเทรียลลอฟท์ พร้อมกับนำของสะสมมาตกแต่ง ที่สำคัญยังมีครัวขนมหวานภายในพื้นที่คาเฟ่อีกด้วย
ส่วนเมนูนั้นมีทั้งอาหารคาวและขนมหวาน แต่ที่เราติดอกติดใจคงจะเป็น “ผักบุ้งผัดกะปิ” เมนูผัดผักบุ้งที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่รสชาติที่ได้ลิ้มลองไม่ธรรมดาอย่างที่คิด ด้วยการเพิ่มความหอมและรสของ ‘กะปิ’ คุณภาพดีที่ส่งตรงจากใต้ กลายเป็นเมนูผักบุ้งผัดกะปิรสอร่อยที่ต้องยกนิ้วให้ ส่วนเครื่องดื่มคงหนีไม่พ้น “Fifty Shade of Earl” เครื่องดื่มที่โดดเด่นด้วยวุ้นเอิร์ลเกรย์เสิร์ฟในน้ำ ‘ชา’ รสชาติเฉพาะที่เบลนด์ขึ้นเอง ทำให้เมนูนี้กลายเป็นเครื่องดื่มแก้วสนุกที่ห้ามไม่พลาด
พิกัด: พหลโยธิน 18/3 หรือวิภาวดีรังสิต 5 แยก 7
เวลา: เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 22.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์ 11.00 – 16.00 น.
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/FLOCKDESSERTBAR
อ่านฉบับเต็ม: FLOCK dessert bar & bistro คาเฟ่ไซส์มินิที่เสิร์ฟความอร่อยไม่ซ้ำใคร
04. Wie Immer Bangkok
คาเฟ่สงบที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยทองหล่อกับการออกแบบในบรรยากาศละมุนด้วยโทนสีขาวและแสงธรรมชาติ ความเก๋ไก๋ของคาเฟ่แห่งนี้คือการตกแต่งที่แม้จะมีพื้นที่จำกัด แต่ไม่ทำให้เรารู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะการเพิ่มบรรยากาศธรรมชาติด้วยต้นไม้และแสงธรรมชาติที่ช่วยขับให้ที่นี่เป็นคาเฟ่นั่งพักผ่อนยามเหนื่อยจากงาน
ส่วนเมนูที่ Wie Immer เน้นเมนูโฮมเมดง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อนอย่าง “Caramel Macchiato” กาแฟแก้วโปรดของใครหลายคน ซึ่งมีทั้งความหอหวานของคาราเมลเข้าคู่กับรสเข้มขมของกาแฟอย่างลงตัว เสิร์ฟมาในแก้วลายครามอย่างมีเอกลักษณ์ ให้เราได้ทานคู่กับ “Cranberry Oatmeal Cookies” คุกกี้โฮมเมดทำเอง
พิกัด: ซอยทองหล่อ 14 ถนนสุขุมวิท 55
เวลา: ทุกวัน 10.00 – 18.00 น.
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/Wieimmerbangkok
อ่านฉบับเต็ม: Wie Immer Bangkok คาเฟ่สีขาวเงียบสงบใจกลางทองหล่อ
05. Smitr Café
คาเฟ่สไตล์คลาสสิกในบรรยากาศ gentleman ที่โดดเด่นด้วยโทนสีสีน้ำเงินเกือบดำตัดด้วยสีทองและหินอ่อนดูหรูหรา แม้พื้นที่จะมีจำกัด แต่ภายในร้านยังมีครัวไซส์จิวสำหรับทำเมนูอาหารและเครื่องดื่มง่ายๆ แถมฝั่งตรงข้ามยังออกแบบให้เป็นห้องเสื้อของ Oxford Shirt แบรนด์เดียวกับชื่อร้าน และในช่วงเวลายามเย็นคาเฟ่แห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นแหล่งแฮงเอาท์ให้เราได้ไปพักผ่อนหลังเลิกงานอีกด้วย
ส่วนเมนูที่ชวนติดใจคงเป็นเมนูที่ผสมผสานความเป็นไทยกับความเป็นตะวันตก อย่าง “Siam Tom Yum Goong Toast” โทสต์ต้มยำกุ้งที่อัดแน่นด้วยเครื่องต้มยำรสเข้มเข้น ทั้งกุ้ง เห็ด และผักโต้วเหมี่ยว จัดวางบนขนมปังที่อบจนกรอบ ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่ ‘ซอสต้มยำ’ สูตรพิเศษที่ทางร้านครีเอทขึ้นเอง
พิกัด: สุขุมวิท 50 (ใกล้ BTS พระโขนง)
เวลา: เปิดทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 16.00 – 00.15 น. และเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 11.00 – 00.15 น.
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/smitr.cafe
อ่านฉบับเต็ม: SMITR CAFÉ | gentleman café คาเฟ่ละมุนของสุภาพบุรุษ
06. Bbao Bbao
ปิดท้ายกันที่คาเฟ่ Ice Shabu ซึ่งก็คือบิงซูที่เสิร์ฟในหม้อแบบชาบูกับร้านบรรยากาศอบอุ่นในโทนสีขาวและน้ำตาลอ่อนชวนหวาน แต่ความพิเศษของที่นี่นอกจากการตกแต่งร้านที่เรียบง่ายแต่แฝงความเก๋ไก๋ตามแบบฉบับมินิมอลสไตล์แล้ว คงเป็นเมนูขนมหวานของที่นี่ โดยซิกเนเจอร์ของคาเฟ่แห่งนี้จะเน้นเสิร์ฟ Ice Shabu เป็นหลัก
สำหรับ Ice Shabu ของคาเฟ่ Bbao Bbao มีความน่าสนใจอยู่ที่การครีเอทบิงซูรสใหม่ให้เราได้ลิ้มลองตามฤดูกาล อย่างครั้งที่เราไปเยือน เราก็ได้ลิ้มลอง “Bbao Bbao Healthy Soya” เมนูซิกเนเจอร์ดั้งเดิมของร้านที่นำน้ำเต้าหู้ไปแช่แข็งก่อนจะนำไปทำให้เป็นน้ำแข็งใสเนื้อนุ่มเบาที่ให้รสเข้มข้นของน้ำเต้าหู้ เสิร์ฟพร้อมถั่วแดง สาคู แปะก๊วย และพานาคอตต้า เพิ่มความอร่อยด้วยไวท์ช็อกโกแลตและซีสเค้กที่ทางร้านอบเอง
พิกัด: สุขุมวิท 63
เวลา: ทุกวัน เวลา 11.30 – 22.00 น.
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/bbaobbao
อ่านฉบับเต็ม: หลบฝน เติมหวานกับ ice shabu กันที่ Bbao Bbao
Story: Taliw