“ชั้น ๔” คาเฟ่ทำมือที่เสิร์ฟเครื่องดื่มจรุงใจ
EAT & DRINK: “ชั้น ๔” คาเฟ่ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มทำมือที่ปรุงแต่งจนได้เครื่องดื่มแก้วพิเศษชวนจรุงใจ โดยใส่รสชาติความเป็นไทยอย่างมีเอกลักษณ์ ในบรรยากาศสบายๆ สไตล์ชานบ้านของเรือนไทย อีกหนึ่งสถานที่ให้เราพักใจและชาร์จแบตฯ ยามเหนื่อยล้า
‘สร้างความสุขให้ลูกค้าผ่านเครื่องดื่มที่ผสมความเป็นไทยจนได้รสชาติที่มีเอกลักษณ์’ คำนิยามของคาเฟ่แห่งนี้ที่ทำให้เราตกหลุมรัก
“ชั้น ๔” หรือ ‘4th Floor Drip Bar’ คาเฟ่เปิดใหม่ที่ชวนให้เราตกหลุมรักอย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มาพร้อมเสน่ห์ไทยไทยชวนหลงใหล จึงไม่แปลกหากเราจะยกให้ชั้น ๔ เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ในดวงใจที่อยากชวนคุณผู้อ่านไปเยือนให้ได้
“เราอยากนำเสนออะไรที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย ความเป็นเอกลักษณ์ หรือว่าบางสิ่งบางอย่างที่เราอยากให้คนมองแล้วนึกถึงอะไรบางอย่าง เราอยากให้คนกลับไปมองในสิ่งที่เป็นตัวเรา เราไม่อยากให้คนลืมตัวตนของเรา ความเป็นมาของเรา ก็เลยกลายมาเป็นเครื่องดื่มที่มีความเป็นไทย แล้วอีกอย่างหนึ่งเราก็อยากนำเสนออะไรที่ดูเป็นไทยๆ ผสมกับความเป็นสากลด้วย”
คุณอิฐ หนึ่งในหุ้นส่วนคนสำคัญบอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นและจุดเด่นของคาเฟ่ชั้น ๔ ซึ่งหากให้ย้อนกลับไปคงต้องกล่าวว่า ชั้น ๔ เป็นคาเฟ่แห่งที่สองที่คุณอิฐและเพื่อนอีกสามคน (คุณยู, คุณจักร และคุณแป้ง) ร่วมกันสร้างและขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกันมา โดยคาเฟ่ชั้น ๔ ตั้งอยู่ชั้นบนของร้าน Baker Gonna Bake ธุรกิจแรกเริ่มของพวกเขา
ไม่เพียงการใส่ความเป็นไทยผ่านเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ที่นี่ยังโดดเด่นด้วยเสน่ห์ของ Craftsmanship อีกด้วย โดยเครื่องดื่มทุกแก้วจะทำด้วยมือ ตั้งแต่การนำเสนอ Filter Coffee โดยมีทั้งแบบ Drip, Aeropress และ Cold Brew หรือแม้กระทั้งการสตรีมนมก็ใช้วิธีการต้มและตีฟองแทนการสตรีมด้วยเครื่อง ซึ่งจะได้นมที่หวาน หอม และมันกว่า ที่สำคัญชั้น ๔ ยังมีกาแฟตัวพิเศษที่ตั้งชื่อว่า ‘Home Brewed’ สำหรับ Special Menu อีกด้วย
“ทั้งสองร้านจริงๆ แล้วเราคือหุ้นส่วนเดียวกันนะครับ แต่ว่าเราแบ่งชัดเจนมากกว่า ข้างล่างจะเป็นอะไรที่เป็นเค้ก เป็นเบเกอรี่ เป็นอาหาร เป็นกาแฟที่ชงด้วยเครื่อง แต่พออยู่ข้างบน เราอยากให้อะไรทุกอย่างทำออกมาจากมือ เป็นงานคราฟท์หมด เครื่องดื่มแต่ละตัวจะประกอบด้วยชา ประกอบด้วยไซรัปที่มีทำขึ้นพิเศษ แล้วก็ประกอบด้วยน้ำปรุงซึ่งเป็นสูตรที่พวกเราช่วยกันคิดขึ้นมาเอง”
โดยเมนูพื้นฐานของที่นี่จะมี Filtered Coffee ทั้งแบบใส่นมและไม่ใส่นม พร้อมกับเสิร์ฟแบบทั้งร้อนและเย็นให้เราเลือกลิ้มลอง นอกจากนี้ยังมี Thai Tea ซึ่งมีให้เลือกทั้งชานมและชาดำ เพิ่มความพิเศษด้วยการเลือกชาไทยที่ไม่ใส่สีไปเบลนด์กับชาอีกตัว จนได้รสชาติที่ซับซ้อนกว่า และอีกหนึ่งเมนูชวนชิมคือ Vietnamese-Style Tea ซึ่งเป็นชาดอกไม้และชาผลไม้ แต่เสิร์ฟในสไตล์เวียดนาม
แต่ที่พลาดไม่ได้คือ Special Menu ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่คุณอิฐพิถีพิถันปรุงแต่งด้วยการนำวัตถุดิบไทยๆ ทั้งขิง กระเจี๊ยบ ขนมตุ๊บตั๊บ ฯลฯ มาผสมผสานจนได้เครื่องดื่มที่มีรสชาติเอกลักษณ์ในชื่อที่โดดเด่น เริ่มจาก “Chor Ginnaree” (ช่อกินรี – 180 บาท) กาแฟแก้วพิเศษจาก Home Brewed เจือกลิ่นหอมจากขิง และแฝงรสเปรี้ยวเล็กๆ จากกระเจี๊ยบ จนได้เครื่องดื่มที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหลตั้งแต่คำแรกที่ได้ลิ้มลอง โดยเฉพาะดอกกระเจี๊ยบที่จัดช่ออย่างสวยงาม เมื่อเรายกดื่มก็จะได้กลิ่นหอมรวยรินข้างจมูกระหว่างดื่มด้วย
ต่อกันด้วยเมนู “Toob-Tub” (ตุ๊บตั๊บ – 180 บาท) เมนูกาแฟใส่นมที่หอมมันด้วยถั่วลิสง โดยมีขนมตุ๊บตั๊บและท๊อฟฟี่โบราณของไทย (Traditional Thai Toffee) เป็นพระเอก จนได้เครื่องดื่มรสกลมกล่อมที่ทั้งหอมและมัน แต่หากใครไม่ชอบดื่มกาแฟที่นี่ยังมีเมนู Non-Caffeine อย่าง “Sanae Wan-Thong” (เสน่ห์วันทอง – 180 บาท) ซึ่งเป็นน้ำมะขามที่มีความเปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ดอยู่ในรสเดียวกัน
ส่วนเมนูห้ามพลาด “Mongkhud Sumala” (มงกุฎสุมาลา – 180 บาท) เมนูชาที่มีเสน่ห์แบบอโรมาติกด้วยชาขาว มะลิ และว่านหางจระเข้ โดยมี Pink Orange เป็นตัวเชื่อมโยงรสชาติ จนได้เครื่องดื่มที่มีความซับซ้อน ในรสชาติที่ไม่จัดจ้าน แต่กลับให้ความรู้สึกนุ่มละมุน
“มีคนถามมาเยอะว่าทำไมเอาพวกขิง กระเจี๊ยบ ใบเตยมาอยู่ในเครื่องดื่ม คือด้วยความที่เราทำงานเป็นบาริสต้ามาแปดปี เรามีการผสมเครื่องดื่มนู้นนี่นั่นเยอะ ผมรู้สึกว่าส่วนผสมที่หาได้ง่ายๆ ในไทย มันก็มีคาแร็กเตอร์หรือเอกลักษณ์ในตัวมันเอง ถ้าเราจับมาแต่ง มันก็จะมีความโดดเด่นในตัวของมัน แต่ละเมนูมันก็เหมือนคนๆ หนึ่ง มีบุคลิกที่แตกต่างกันไป มีทั้งอาหารตา อาหารจมูก และอาหารปาก”
ส่วนเมนูขนมหวานที่มีให้ทานเสมอเมื่อไปเยือนคือ “Panna Cotta” (150 บาท) โดยมีให้เลือกชิมถึงสี่รสด้วยกันคือ Cold Brewed Coffee, Matcha Green Tea, Hojicha Tea และ Royal Roselle แน่นอนว่าแต่ละรสย่อมมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน อย่าง Hojicha Tea จากคาโกชิมา (Kagoshima) ที่ส่งตรงมาจากญี่ปุ่นกับเสน่ห์จากชาเขียวที่ผ่านการคั่วจนได้กลิ่นและรสสัมผัสที่แตกต่างจากชาเขียวทั่วไป เพิ่มความพิเศษให้รสชาติด้วยกะทิและน้ำตาลมะพร้าว จนได้ Panna Cotta ที่มีรสหวานไทยๆ เป็นสูตรเฉพาะของชั้น ๔ ที่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน
นอกจากเมนู Panna Cotta แล้ว เมนูขนมหวานอื่นๆ ของชั้น ๔ ก็จะหมุนเวียนเป็น Seasonal ให้เราได้เซอร์ไพรส์กันทุกสัปดาห์ ซึ่งเราสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้จาก Instagram ของร้าน และแม้จะหมุนเวียนเปลี่ยนเมนู แต่ที่นี่ยังคงคอนเซ็ปต์ด้วยการเสิร์ฟขนมหวานไทยที่มีความเป็นพื้นถิ่นและความเป็นมา อาทิ ขนมเปี๊ยะเจ้าอร่อยที่ส่งตรงมาจากตรัง เป็นขนมเปี๊ยะสูตรโบราณจากอาม่าชาวจีนที่มีอายุกว่า 90 ปีเป็นเจ้าของสูตร หรือทองม้วนสูตรเฉพาะของร้านด้วยการสอดไส้ครีมใบเตย สอดไส้ครีมกะทิ และสอดไส้ครีมกาละแม เป็นต้น
ในส่วนของบรรยากาศนั้น ที่นี่กลับไม่ซับซ้อนเหมือนเครื่องดื่มด้วยบรรยากาศสบายๆ โดยยังคงเสน่ห์ไทยๆ จากการตกแต่งด้วยไม้และดอกไม้แห้ง ชวนให้คิดถึงชานบ้านเรือนไทย โดยมีเคาน์เตอร์ครัวและบาร์ดีไซน์ฆ้องวงเป็นจุดดึงสายตา เพิ่มความผ่อนคลายด้วยทิวทัศน์จากมุมสูงที่รายล้อมด้วยธรรมชาติสีเขียวจากต้นไม้ใหญ่ “เราไม่ได้ตกแต่งอะไรเยอะ เพราะ เราคิดว่าทำที่นี่ให้คนมานั่งพักผ่อนดีกว่า อยากให้มาแล้วรู้สึกมาพักผ่อนมากกว่า มา Take Time อยู่กับตัวเอง คิดงานหรือคิดอะไรบางอย่างในบรรยากาศสงบๆ”
ชั้น ๔
• Address: บนชั้น 4 ของร้าน Baker Gonna Bake ซอยสุขุมวิท 26
• Map: goo.gl/maps/CXNiLE9D8bz
• Time: 10.00 – 18.00 น.หยุดวันพุธ
• Tel: 099 591 9142
• Facebook: www.facebook.com/4thfloordripbar/
• Instagram : www.instagram.com/4thfloordripbar/
