Buddha & Pals
คืนชีวิตให้อาคารอนุรักษ์สมัย ร. 5
กับเสน่ห์ที่คงตราตรึง
ใครที่เคยขับรถผ่านถนนกรุงเกษม อาจเคยสะดุดตากับอาคารอนุรักษ์หลังเก่าที่ถูกปรับปรุงให้โดดเด่นด้วยประตูบานเฟี้ยมสีเขียวตัดกับสีขาวของผนังจนอยากจะแวะเข้าไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าตึกเก่าหลังนี้ แต่เดิมเคยเป็นสถานที่ตั้งของโรงงาน ‘น้ำมันมวย’ ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นสถานประกอบธุรกิจอีกหลายแขนง และมาจบที่คาเฟ่ในชื่อ Buddha & Pals
Buddha and Pals คืออะไร เรามองว่า Buddha คือความสุข เข้ามาแล้วมีความสุข ส่วน Pals คือเพื่อนฝูง เหมือนที่นี่เป็นที่แห่งความสุข มีเพื่อน บางคนก็บอกว่าทำไมชื่อดู Sensitive เราก็กลัวเหมือนกันตอนตั้งชื่อ แต่ถ้าให้เราอธิบายจริงๆ Buddha เราไม่ได้หมายถึงศาสนา เราใช้ชื่อนี้ด้วยเคารพด้วยซ้ำว่า นึกถึงพระเจ้า นึกถึงศาสนา เรามีความสุข เหมือนมาแล้วได้รีแลค ซึ่งลูกค้าที่มาก็ซึมซับความตั้งใจนี้ได้
ก่อนที่ Buddha & Pals จะเกิดขึ้น อาคารอนุรักษ์หลังเก่าสมัยรัชกาลที่ 5 ในย่านนางเลิ้งแห่งนี้ ได้ผ่านเรื่องราวมามากมาย ตั้งแต่การเป็นสถานที่กำเนิดของ ‘ยาประสระนอแรด’ หรือ ‘น้ำมันมวย’ ตำรับยายอดนิยมของไทย ก่อนจะผันตัวเองเป็นร้านเสื้อสูท ร้านจิวเวอรี่ และถูกทิ้งร้างไปเป็นเวลากว่า 2 ปี
จนกระทั่ง ‘ทายาทของบริษัทน้ำมันมวย’ และ คุณแมค – ภีระสิทธิ์ สีมูลเสถียร มีความคิดที่จะเปลี่ยนอาคารอนุรักษ์ที่ปล่อยทิ้งร้างให้กลับมามีคุณค่าและชีวิตอีกครั้ง ไม่เพียงแต่การคืนชีพให้ตึกเก่าเท่านั้น แต่คุณแมคยังตั้งใจนำเสนอเสน่ห์ดั้งเดิมของนางเลิ้งให้เราได้สัมผัสอีกด้วย โดยมีอาคารหลังนี้ทำหน้าที่เสมือนหน้าประวัติศาสตร์คอยเล่าเรื่องราวผ่านอิฐ ปูน และโครงสร้างดั้งเดิม
“ผมเข้ามาดูตรงนี้ว่าจะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งคิดว่าน่าจะถ่ายทอดคาแรคเตอร์ของที่นี่ เลยมาทำเป็นที่พักแล้วมีคาเฟ่อยู่ด้านล่าง พอทำเรื่องขออนุญาต ส่งแบบ ทางสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เขาก็โอเค แต่ว่ามีข้อหนึ่งที่สำนักงานทรัพย์สินฯ บอกไว้ว่า ‘ต้องให้เป็นลักษณะดั้งเดิมของนางเลิ้ง’ ผมก็เลยไปศึกษาว่านางเลิ้งดั้งเดิมเป็นแบบไหน
ก่อนหน้านี้สภาพตึกถูกเปลี่ยนไปเยอะ แต่ว่าเราพยายามที่จะกลับไปดูว่าของเดิมเป็นยังไง คือพยายามอิงกลับไปเป็นของเดิม เราคงโครงสร้างหลักเอาไว้ ตรงไหนบกพร่องก็แค่ซ่อมแซมและทำความสะอาด”
Buddha & Pals จึงกลายเป็นคาเฟ่ที่โดดเด่นและสะดุดตาอย่างมีเสน่ห์จากความเป็นอาคารอนุรักษ์เก่าแก่ที่มีอายุเกือบๆ ร้อยปี “เราไม่ได้ชอบแบบเก่าๆ นะ แต่เราอยากถ่ายทอดคาแรคเตอร์ของนางเลิ้ง ดังนั้นคอนเซ็ปต์ของที่นี่น่าจะเป็นประมาณว่า “ซื่อๆ” มากกว่า แบบไม่ต้องประดิษฐ์เยอะ มีลูกค้าฟีดแบคกลับมา บอกว่าที่นี่ดูเป็นธรรมชาติดี มันดูรีแลค เพราะว่าที่นี่มันโดดเด่นด้วยความเป็นตึกดั้งเดิม เป็นเสน่ห์จากตัวตึกเอง”
“คอนเซ็ปต์เราชัดว่า เราต้องการอนุรักษ์นะ ผมเองก็เป็นคนชอบอนุรักษ์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันเลยไม่มีปัญหาหากจะเปลี่ยนตึกเก่านี้ให้เป็นคาเฟ่หรือโฮสเทล…
คนอื่นเรียกอาจจะเรียกว่าเป็นสไตล์รัสติก หรือรัสติกวินเทจบ้าง แต่ของผมเอง ผมมองว่าเราเป็นความ “ซื่อๆ” ครับ คือทุกอย่างเป็นของเดิมเลย เราไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม มีบางส่วนอาจเติมแต่งนิดนึงให้มันดูสะอาดสอ้านขึ้นเท่านั้น”
หากถามเราในฐานะหนึ่งในผู้ที่ได้ไปเยือน Buddha & Pals ว่าชื่นชอบอะไรของที่นี่ เราสามารถตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า ‘ชอบทุกสิ่งที่ประกอบขึ้น’ ตั้งแต่โครงสร้างอาคาร ซึ่ง Buddha & Pals ช่วยลบภาพจำของอาคารเก่าว่า ต้องมาพร้อมบรรยากาศทึบมืด แต่ที่ Buddha & Pals กลับโปร่งโล่งด้วยการเชื่อมอาคารหลายคูหาเข้าด้วยกัน พร้อมเปิดเปลือยเพดานและดึงแสงธรรมชาติให้เป็นส่วนหนึ่งผ่านบานกระจกขนาดใหญ่ โต๊ะเก้าอี้ที่จัดวางอย่างลงตัว ฯลฯ ทุกสิ้งล้วนส่งเสริมให้ Buddha & Pals มีเสน่ห์ในตัวเอง
เมนูอาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ มีทั้งเมนูเบสิคไปจนถึงเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่ครีเอทความอร่อยขึ้นใหม่ เราขอเริ่มจากเมนูเครื่องดื่มกับ Walking Through Grandma Garden (155 บาท) เมนูประเภทกาแฟที่เสริมรสพิเศษด้วยขิงและชินนามอน จนได้กาแฟที่หอมสมุนไพร โดยทางร้านตั้งใจให้เครื่องดื่มแก้วนี้มีความรู้สึกเสมือนเดินเล่นในสวนดอกไม้ของคุณย่าตามชื่อเมนูนั่นเอง
ต่อกันด้วย Bangkok Holiday (145 บาท) เครื่องดื่มกาแฟเช่นกัน แต่เพิ่มเติมความสดชื่นผ่านน้ำมะพร้าว เสิร์ฟพร้อมเนื้อมะพร้าวอ่อน ให้ความรู้สึกแวะมาเที่ยวกรุงเทพในวันหยุด อีกหนึ่งเมนูห้ามพลาดสำหรับสายกาแฟ The Breakfast in Sicily (140 บาท) กาแฟผสมน้ำส้ม เป็นอีกหนึ่งเมนูสำหรับคนที่อยากดื่มกาแฟรสสดชื่น ขณะเดียวกันก็คงเอกลักษณ์ของกาแฟ
นอกจากนี้ยังมีเมนูซิกเนเจอร์อื่นๆ รวม 20 เมนูให้เลือกลิ้มลอง อาทิ Kanvela59 ก็จะเป็นกาแฟผสมน้ำผึ้งมะนาวสูตรลับของร้าน, Old Gangster เมนูชาที่เติมรสแฝงผ่านผลไม้ต่างๆ, Recall เลม่อนโซดาที่เติมรสอร่อยให้แตกต่างด้วยสูตรพิเศษของร้าน เป็นต้น ใครอยากได้เบเกอรี่มาทานคู่กัน Buddha & Pals ก็พร้อมเสิร์ฟเช่นกัน
แต่หากใครหิว Buddha & Pals ก็ยินดีเสิร์ฟเมนูอิ่มท้อง ซึ่งเน้นเป็นเมนูสปาเก็ตตี้ เมนูประเภท Brunch สลัด และสเต็ก อย่างเมนู Spaghetti Seafood (240 บาท) สูตรลับของร้านที่เด็ดด้วยซอสรสจัดจ้าน เสิร์ฟพร้อมซีฟู้ดสดใหม่ หรือจะลิ้มลองเมนู Toast ที่เราเลือกเป็น Bacon & Avocado (245 บาท) ที่ให้รสกลมกล่อมและลงตัวของเบค่อนและอโวคาโด เป็นอีกหนึ่งเมนูชวนอร่อย กระซิบอีกนิดว่าที่นี่เน้นอาหารโฮมเมดเป็นหัวใจหลัก
“อาหารของเรายังไม่เยอะ เพราะว่าเพิ่งจะได้เริ่มทำ อย่างเมนูพาสต้าเราร่วมมือกับเพื่อน ซึ่งเปิดร้าน Sensi Restaurant เป็น Fine Dining โดยเชฟ Stefano Merlo คือเป็นเชฟอิตาเลี่ยน เขาเคยทำอยู่ที่ร้านมิชลินสามดาวที่อิตาลี มาช่วยดูเรื่องพาสต้าให้ โดยเน้นพาสต้าสไตล์คลาสสิก”
ดังนั้นเมื่อมาเยือน Buddha & Pals นอกจากอาหารตาที่ให้เราเสพย์ผ่านบรรยากาศร้านแล้ว ยังมีอาหารปากให้อิ่มท้องอีกด้วย รู้อย่างนี้แล้ว อย่ารอช้าที่จะแวะไปเยือนกัน!
“Kanvela House เป็นชื่อโปรเจ็ค ซึ่งก็คือพื้นที่ตรงนี้ทั้งหมดเลย แต่ว่าเราไม่ได้เรียกที่นี่ว่าโฮสเทล เราเรียกว่า House เพราะเหมือนที่นี่เป็นคอมมูนิตี้หนึ่ง เหมือนมาพักบ้านเพื่อน เหมือนมาบ้านญาติ เราอยากให้เขาเหมือนมีบ้านอยู่ที่นี่ ส่วนข้างล่างก็เป็นตัวคาเฟ่ Buddha and Pals ซึ่งในอนาคตเราก็อาจทำเป็นร้านแจ๊ส ให้นักท่องเที่ยวหรือคนไทยมานั่งคุยกันนี่แหละ เราถึงใช้ชื่อ Pals ด้วย”
Buddha & Pals
- Address: ถนนกรุงเกษม จุดสังเกตุใกล้แยกเทวกรรมและใกล้วัดโสมนัสราชวรวิหาร
- Time: เวลา 09.00 – 18.00 น. เปิดทุกวัน
- FB: https://www.facebook.com/buddhaandpals/
- Tel: 061 585 9283
– คลิก!! เพื่อชมภาพแบบเต็มตา –
Story: Taliw
Photo: Wara Suttiwan