Ha Tien Café
คาเฟ่สไตล์แอนทีคกับลุคคูลๆ
จากของเก่าสะสมที่แบ่งปันกันชม
“ผมอยากให้ลูกค้าเข้ามาเพื่อเสพย์บรรยากาศ เสพย์ของเก่า เพราะที่นี่ตั้งใจให้เป็น Antique Café อยากให้ลูกค้าเข้ามาแล้วรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบ้านของเพื่อน เข้ามานั่งดูข้าวของที่เพื่อนเก็บไว้ แล้วก็เสพย์ในสิ่งที่เราตั้งใจจะให้เขาดู ส่วนอาหารกับเครื่องดื่ม อยากให้เป็นตัวเสริมจากบรรยากาศที่เราต้องการจะถ่ายทอดมากกว่า เพราะผมอยากให้คนเข้ามาชื่นชมกับของๆ เรา ที่เราอยากถ่ายทอด ให้ทุกอย่างมัน complete ไปด้วยกัน”
คุณเบิร์ด – เอกภพ โกมลชาติ บอกเล่าถึงความตั้งใจและจุดเด่นของ “Ha Tien Cafe” (ฮาเตียนคาเฟ่) คาเฟ่น้องใหม่ในย่านท่าเตียนที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ โดยคุณเบิร์ดเลือกรีโนเวทบ้านเก่าให้เป็นคาเฟ่บรรยากาศแอนทีค โดยเฉพาะการนำเฟอร์นิเจอร์และของเก่าสะสมมาจัดวางให้ลูกค้าได้เสพย์ไปพร้อมๆ กับจิบเครื่องดื่มแก้วโปรด
“ฮาเตียน คือเป็นชื่อเมืองของประเทศเวียดนาม และก็มันเป็นเหมือนตำนานของท่าเตียนว่า เมื่อก่อนท่าเตียน เราเรียกว่าฮาเตียน เพราะว่าชาวเวียดนามที่เคยอยู่เมืองฮาเตียน มาอยู่ที่ตรงนี้ เลยเรียกพื้นที่ที่ตัวเองมาอยู่ใหม่ด้วยว่าฮาเตียน แล้วเราก็มากร่อนเสียงเพี้ยนเป็นท่าเตียน มันอาจไม่ใช่ประวัติศาสตร์ที่แน่นอน 100% แต่เป็นตำนานของท่าเตียน เลยตั้งชื่อร้านว่าฮาเตียน”
เมื่อเราถามถึงคอนเซ็ปต์ของการตกแต่งร้าน คุณเบิร์ดก็บอกเล่าถึงความตั้งใจว่า “คนไม่รู้เลยว่าท่าเตียนมีที่มาที่ไปยังไง แล้วผมอยากบอกเล่าตำนานบางอย่างที่ถูกลืมไปแล้ว ให้คนที่มาคาเฟ่ได้รับรู้ว่าท่าเตียนมีตำนานอะไรบ้าง คือเราอยากเล่าเรื่องให้คนที่มาคาเฟ่เราได้เห็น เพราะฉะนั้นของที่ผมตกแต่งข้างล่างก็จะเป็นธีมกึ่งๆ จีนปนฝรั่งอย่างที่เราเรียกว่า ชิโนโปรตุกีส
จริงๆ แล้วผมสะสมของเก่า ผมเก็บของพวกนี้มานานกว่า 10 ปี และของที่ผมสะสม มันก็ไม่หลุดออกจากความเป็น Oriental คือเป็นฝรั่งไทยปนกัน เราก็หลีกไม่พ้นจากความเป็น Oriental ทีนี้พอมันได้เรื่องของโครงสร้าง ชื่อ คอนเซ็ปต์ที่ตั้งใจ ซึ่งทุกอย่างมันพอดีกับของที่เราสะสม ดังนั้นพอได้มาเปิดร้าน ผมเลยย้ายทุกอย่างเข้ามาใช้งานจริงๆ”
แล้วไม่เสียดายบ้างหรือคะ คำถามที่เราถามออกไปหลังจากทราบว่าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งภายในร้านทั้งหมดล้วนเป็นของเก่าที่มีคุณค่า และคำตอบที่ได้ก็แสดงให้เห็นความตั้งใจและคุณค่าของคาเฟ่แห่งนี้ โดยคุณเบิร์ดบอกกับเราว่า
“เราอยู่กับมันคนเดียวมา 10 ปี ผมคิดว่าความสุขที่เรามีอยู่ ถ้าเราได้แบ่งปัน เราให้ลูกค้าได้เห็นสิ่งที่เราชื่นชอบ ถ้าลูกค้าเห็นคุณค่ามัน ชอบมันด้วย เราก็โอเค เราก็แฮปปี้ที่ได้เอาออกมาถ่ายทอดให้ลูกค้าได้ใช้ มันก็มีพังบ้างนะครับ มันเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ มันเป็นเรื่องของความเสื่อมสภาพ เราก็บอกลูกค้าว่าทุกอย่างที่เราเอามาให้ใช้ เป็นของเก่านะครับ ถ้าเกิดเขารู้คุณค่าเขาจะช่วยเรารักษา เราให้เขาชื่นชม แล้วเขามีความสุข เราก็ยินดีนะครับ พังก็ซ่อม”
อีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจของ Ha Tien Café คือการออกแบบให้แต่ละชั้นมีบรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เริ่มจากชั้นล่างที่โดดเด่นด้วยเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม ซึ่งคุณเบิร์ดตั้งใจตกแต่งให้เป็นสไตล์ชิโนโปรตุกีส โดยเพิ่มความมีชีวิตชีวาผ่านดอกไม้สด
ขณะที่ชั้น 2 เน้นให้บรรยากาศบ้านเก่าผ่านผนังเก่าทั้งผนังปูนเปลือยและผนังไม้ ซึ่งเป็นของเดิมของบ้านหลังนี้ โดยมุมหนึ่งของชั้น 2 โดดเด่นด้วยผนังสีเขียวเข้มและวางเฟอร์นิเจอร์สีเข้มในสไตล์รัสติกลอฟท์ กลายเป็นมุมเด่นของร้าน ส่วนชั้น 3 เน้นบรรยากาศโปร่งในโทนสีขาว ซึ่งคุณเบิร์ดเลือกที่จะออกแบบชั้นนี้เป็นกลาสเฮ้าส์ที่เน้นบรรยากาศชิวๆ พร้อมทั้งแบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งให้เป็นมุมสวน
“แต่ละชั้นจะมี feeling ที่แตกต่างออกไป อย่างชั้น 2 มันจะรู้สึกถึงความเป็นบ้านเก่า บ้านโบราณ แต่ชั้น 3 ผมอยากให้ฟีลแบบขึ้นไปแล้วดูสบายๆ มากกว่า จริงๆ เป็นคนชอบปลูกต้นไม้อยู่แล้ว เราก็เลยแบ่งส่วนของชั้นบนครึ่งหนึ่งเป็นสวนต้นไม้ อีกครึ่งเป็นห้องกระจก ผมอยากให้เป็นคาเฟ่ที่เหมือนแกลเลอรี่ และมีอารมณ์ของบ้านเก่าไปในตัว ก็แล้วแต่ว่าลูกค้าชอบฟิลไหน ก็ให้ลูกค้าขึ้นไปเลือกนั่งได้เลย มันอาจมีความขัดแย้งอยู่ในตัว แต่จริงๆ แล้วเป็นความชอบที่เราตั้งใจจะทำให้มันออกมาเป็นแบบนั้น”
“…มันอาจมีความขัดแย้งอยู่ในตัว แต่จริงๆ แล้วเป็นความชอบที่เราตั้งใจจะทำให้มันออกมาเป็นแบบนั้น”
เมื่อเราชวนพูดคุยถึงเรื่องเครื่องดื่มและขนม ทำให้เรารู้ว่าเมนูของที่นี่ก็โดดเด่นไม่แพ้บรรยากาศร้าน โดยคุณเบิร์ดบอกกับเราว่า “เมนูกาแฟของผมจะเป็นแบบเครื่อง espresso bar จะไม่มีกาแฟดริป ซิกเนเจอร์ของเราจะเป็นฟิวชั่นกับพวกผลไม้และดอกไม้ คอนเซ็ปต์ให้ดูเข้ากับร้าน ตอนนี้ผมใช้ single origin จากลาว เป็นโบโลเวนครับ แล้วคั่วกลาง ไม่ได้เข้มมาก กาแฟตัวคั่วกลางก็ติด fruity นิดๆ ออกเปรี้ยวหน่อยๆ มีความช็อกโกแลต เพราะว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี่ไม่ชอบทานกาแฟที่คั่วเข้ม
ส่วนขนมเป็นเพื่อนผมทำให้ เราบอกคอนเซ็ปต์เขาไปว่าเราชอบแบบนี้ คาแรคเตอร์ของร้านเราเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นที่ร้านผม เมนูขายดีจะเป็นเมนูชีส พาย พวกเค้กที่ท้อปปิ้งด้วยหน้าผลไม้สด เพราะฉะนั้นมันก็ต้องออกวันต่อวัน”
เริ่มจากเมนูแรก “Rose Latte” (120 บาท) เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่หอมกลิ่นกุหลาบกับกรรมวิธีการปรุงแบบพิเศษ ด้วยการนำชากุหลาบไปต้มกับนมก่อน นมที่ได้จะเป็นนมกลิ่นกุหลาบ แล้วเราก็ท็อปด้วยเอสเปรสโซ่และโรยด้วยกุหลาบแห้ง อีกหนึ่งเมนูกาแฟฟิวชั่นที่แนะนำให้ลองคือ “Ma-Toom Coffee” กาแฟที่เติมรสเด่นด้วยการนำมะตูมไปเคี่ยวเป็นไซรัปรสเข้มข้น เมื่อนำมาชงคู่กับเมล็ดกาแฟจึงได้กาแฟรสมะตูมที่มีเอกลักษณ์
แต่หากใครไม่ชอบกาแฟ แนะนำให้ลิ้มลอง “Yuzu Splash” (95 บาท) เครื่องดื่มชวนสดชื่นในรสหวานซ่อนเปรี้ยวที่นำส้มยูสุมาผสมกับเลม่อนแล้วนำไปปั่น ก่อนจะเติมน้ำแข็งพร้อมเสิร์ฟ ส่วนเมนูขนมนั้นเป็นขนมโฮมเมดที่ทำสดใหม่จากวัตถุดิบพรีเมี่ยมที่นำเข้าจากต่างประเทศ
ไม่ว่าจะเป็น “Fruit Tart” หรือทาร์ตผลไม้ที่ใช้ผลไม้สดคัดใหม่ทุกวัน เพิ่มความพิเศษด้วยการใช้อัลมอนด์แทนแป้ง เป็นอีกหนึ่งเมนูขายดีของร้าน ต่อกันด้วย “Macadamia Cake” เมนูนี้เนื้อเค้กจะเป็นเค้กสไตล์บัตเตอร์ที่มีความแน่น แต่ชุ่มฉ่ำ ตกแต่งด้วยแมคคาเดเมีย ราดด้วยซอสคาราเมลสูตรพิเศษที่ให้รสเค็มเล็กๆ เพื่อตัดรสชาติของเค้กให้ลงตัว ปิดท้ายด้วย “Carrot Cake” ที่มีกิมมิกว่า ‘แครอทต้องทานคู่กับน้ำผึ้งและมะนาว’ ทำให้แครอทเค้กของที่นี่มีเนื้อที่ชุ่มฉ่ำไม่ซ้ำใคร โดยสูตรนี้เป็นสูตรของคุณยายถ่ายทอดกันต่อมา จึงเป็นแครอทเค้กแบบออริจินอล
Ha Tien Café
• Address: ซอยประตูนกยูง ตรงข้ามที่จอดรถวัดโพธิ์ ท่าเตียน
• Map: https://goo.gl/maps/dBQJR9jcf3R2
• Time: เวลา 09.00 – 20.00 น. ปิดวันจันทร์
• Tel: 081 302 0651
• FB: www.facebook.com/hatiencafebkk/
Story: Taliw
Photo: Wara Suttiwan