ซัมเมอร์นี้! เงยหน้าท้าแดดไม่ต้องกลัวผิวเสีย

ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน (มาก) กันแล้ว นอกจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวและเรียกเหงื่อได้ดียิ่งกว่าการออกกำลังกายแล้ว แสงแดดยังร้อนแสบผิวจนไม่อยากจะออกไปไหน กลัวเหลือเกินว่าผิวสวยๆ ของเราจะหมองคล้ำเพราะแดดเลีย ถึงแม้ว่าคุณจะกางร่มเสมอเมื่อต้องออกไปต่อสู้กับแสงแดด แต่การกางร่มหรือเดินหลบแดดก็ไม่สามารถป้องกันรังสียูวีได้ดีนัก วันนี้เราจึงสรรหาเคล็ดลับป้องกันผิวคล้ำเสียจากแสงแดดมาฝากคุณผู้อ่านกัน

สำหรับเคล็ดลับป้องกันรังสียูวีอย่างมีประสิทธิภาพนี้ มีสิ่งสำคัญเพียงสองอย่างคือ “ครีมกันแดด” และ “แป้งผสมรองพื้น” นั่นเอง แต่จะใช้อย่างไรให้ได้ผลนั้น ตามไปดูกันเลย

 

• ทำความเข้าใจข้อมูลที่ระบุข้างฉลาก

การป้องกันรังสียูวีอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจ ‘ข้อมูลที่ระบุข้างฉลาก’ ของครีมกันแดดก่อนเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะค่า SPF และ PA ที่คุณต้องรู้ว่าค่าเท่าไรจึงจะดีและเหมาะกับผิว

ขอเริ่มจากค่า SPF ซึ่งเป็นค่าที่แสดงระยะเวลาในการป้องกันรังสียูวีบี โดยมีตัวเลขตั้งแต่ 2-50 ซึ่งรังสียูวีบีนั้น เป็นรังสีที่มีพลังงานเข้มข้น เป็นต้นเหตุของอาการผิวไหม้แดด ทำให้ผิวปวดแสบปวดร้อน ซึ่งโดยทั่วไปผิวของเราจะทนต่อรังสียูวีได้ 20 นาทีก่อนที่จะเกิดอาการไหม้แดด ดังนั้นหากทาครีมกันแดดที่มี SPF 2 ก็จะยืดระยะเวลาในการปกป้องผิวได้ 2 เท่าหรือ 40 นาทีนั่นเอง ยิ่งค่า SPF สูง ก็แสดงว่าครีมกันแดดตัวนั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีบีได้นานขึ้นนั่นเอง

ส่วนค่า PA คือค่าที่แสดงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีเอ ซึ่งรังสียูวีเอมีคุณสมบัติทะลุทะลวงถึงผิวชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอย กระ ฝ้า และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวเข้มขึ้น ค่า PA จะแสดงด้วยเครื่องหมาย ‘+’ มี 3 ระดับคือ PA+ PA++ และ PA+++ ซึ่งเครื่องหมาย PA+ มีความหมายว่ามีระดับการป้องกัน 2-4 เท่า ส่วน PA++ ป้องกันได้ 4-8 เท่า และ PA+++ หมายถึงมีระดับป้องกัน 8 เท่า

 

• ค่า SPF และ PA เท่าไรจึงจะดี?

ในชีวิตประจำวันค่า SPF 20 คือค่ามาตรฐานของคนทั่วไป แต่สำหรับคนผิวบางที่ไวต่อแสงแดด หรือต้องอยู่ข้างนอกท้าแดดเป็นเวลานาน ควรเลือกค่า SPF 30 แทน ส่วนค่า PA สำหรับชีวิตประจำวันค่า PA++ ก็เพียงพอสำหรับการปกป้องผิวแล้ว แต่หากไปเที่ยวทะเลซึ่งมีรังสียูวีรุนแรง หรือต้องออกแดดเป็นเวลานานให้เลือกค่า PA+++ จะดีกว่า

ข้อควรระวัง : หลายคนคิดว่ายิ่งค่า SPF และ PA สูงๆ ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีได้ดี แต่คุณต้องไม่ลืมว่ายิ่งค่าการปกป้องสูง ก็ยิ่งสร้างความระคายเคืองให้ผิวมากขึ้นด้วย

sunscreen_02

• ใช้ครีมกันแดดในปริมาณที่เหมาะสม

แม้ฉลากข้างขวดจะมีค่า SPF สูง แต่หากคุณใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะ ก็ไม่อาจป้องกันรังสูยูวีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คุณรู้หรือไม่ ค่า SPF ที่ระบุนั้น คือประสิทธิภาพที่ได้จากการทาครีมกันแดด 2 มิลลิกรัมต่อพื้นผิว 2 ตารางเซนติเมตร และเมื่อทาทั่วหน้าจะต้องใช้ครีมกันแดดในปริมาณเท่าเหรียญ 10 บาท แต่คนส่วนใหญ่มักทาเพียง 1 ใน 5 หรือครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ควรใช้เท่านั้น ดังนั้นหากจะให้ใบหน้าใสไม่หมองคล้ำจึงต้องทาครีมกันแดดในปริมาณที่มากขึ้น แต่ข้อเสียของการทาครีมกันแดดปริมาณมากคือจะทำให้ผิวเหนะแหนะ ดังนั้นอีกหนึ่งตัวช่วยของการป้องกันผิวคือแป้งผสมรองพื้นนั่นเอง

 

• แค่รองพื้นก็ช่วยป้องกันรังสียูวีได้

ไม่เพียงแต่ครีมกันแดดที่ช่วยป้องกันรังสียูวีเท่านั้น แต่แป้งผสมรองพื้นก็ช่วยป้องกันรังสียูวีได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อคุณเพิ่มปริมาณครีมกันแดดจนใบหน้าเหนียวเหนอะหนะ การใช้แป้งผสมรองพื้นป้องกันยูวีจึงเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยปกป้องผิวของคุณได้ เพราะแป้งผสมรองพื้นมีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวีได้ โดยเฉพาะคุณสมบัติเหมือนสารกระจายรังสียูวีที่ช่วยสะท้อนรังสียูวี จึงเพียงพอสำหรับการป้องกันรังสียูวีในชีวิตประจำวัน

แต่สิ่งสำคัญของการป้องกันรังสียูวีคือ ไม่ว่าคุณจะออกไปผจญแดดมากน้อย หรือวันนี้ฟ้าจะครึ้มแดดจะร่มอย่างไร คุณก็ห้ามลืมทาครีมกันแดดหรือแป้งผสมรองพื้นเด็ดขาด เพราะแม้แดดจะร่ม ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีรังสียูวี ดังนั้นการป้องกันรังสียูวีจึงต้องทำทุกวัน ไม่ว่าจะในเวลาใดก็ตาม

 

ข้อมูล : พญ.โยะชิคิ โนะบุโกะ จากหนังสือกฎแห่งผิวสวย สำนักพิมพ์ Amarin Health

keyboard_arrow_up