5 เหตุผลทำไม Despacito ถึงกลายเป็นเพลงดังระดับโลก ณ ตอนนี้
ENTERTAINMENT: เชื่อว่าในตอนนี้คงไม่มีเพลงไหนในโลกที่จะมาแรงเกินหน้า “Despacito” ของสองหนุ่ม Luis Fonsi ft. Daddy Yankee ได้อย่างแน่นอน เพราะด้วยยอดดาวน์โหลดในชาร์ตต่างๆที่อยู่ในลำดับต้นๆจนไปถึงการขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 ติดต่อกันถึง 13 สัปดาห์ใกล้เคียงเพลงฮิตอย่าง Uptown Funk!, Blurred Lines และ See You Again ซึ่งยังไม่รวมถึงเวอร์ชั่นรีมิกซ์ที่ได้ Justin Bieber นักร้องหนุ่มสุดฮอตชาวแคนดามาร่วมฟีทจนเป็นที่รู้จักไม่แพ้เวอร์ชั่นออริจินัลเลยก็ตาม
และถึงแม้ในบ้านเราเพลงนี้อาจจะไม่พีคเท่า Gangnam Style ที่มีไวรัลท่าควบม้า แต่เชื่อว่าอีกไม่นาน Despacito จะต้องฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองเหมือนประเทศอื่นๆอย่างแน่นอน วันนี้เราจึงมี 5 เหตุผลว่าทำไมDespacito ถึงได้กลายเป็นเพลงดังระดับโลกแซงหน้าแชมป์เก่าอย่าง Gangnam Style และ See You Again มาฝากชาว Favforward กัน อ่านก่อนรู้ก่อนอย่างแน่นอนครับ
1.เป็นเพลงที่มีจังหวะสนุกสนานและเนื้อหาติดเรทหน่อยๆ
คำว่า “Despacito” นั้นในภาษาสเปนหมายถึง “อย่างช้าๆ” โดยเนื้อหาภายในเพลงก็เป็นอารมณ์สองแง่สองง่ามสื่อถึงการร่วมรักกันให้มันดูนุ่มนวลช้าๆลงหน่อย บวกกับจังหวะลาตินชวนโยกของพาร์ทดนตรีก็ยิ่งทำให้เพลงนี้มีความพับบลิคและเข้าถึงผู้คนได้อย่างไม่ยากเย็น
https://www.youtube.com/watch?v=anzzNp8HlVQ
2.เพราะเป็นเพลงภาษา “สเปน”
นับตั้งแต่เพลงภาษาสเปนของ Los Del Rio อย่าง “Macarena” ได้ขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 ไปเมื่อ 21 ปีก่อน ก็กลายเป็น “Despacito” ที่กำลังจะพีคไปสู่จุดที่ Macarena เคยทำไว้ได้คือ 14 สัปดาห์และอาจแซงหน้าเพลง “We Belong Together” ของมารายห์ที่ครองสถิตินี้มาตั้งแต่ปี 2005 อีกด้วย
โดยต้องยอมรับว่า “ภาษาสเปน” ก็มีส่วนช่วยทำให้เพลงนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยภาษาสเปนก็เป็นอีกหนึ่งภาษาสากลที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศแถบละตินอเมริกา บราซิล เม็กซิโก อาร์เจนตินา ชิลี รวมไปถึงรัฐต่างๆของอเมริกาอย่าง เท็กซัส นิวแม็กซิโก แอริโซนา โคโลราโด ฟลอริดา ลาสเวกัส ซานตาเฟ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งภาษาสเปนนั้นก็เข้ากับท่วงทำนองแบบละตินสุดๆ
3.ได้นักร้องระดับโลกมาช่วยฟีทเจอริ่ง
จุดที่เป็นตัวเร่งกระแสให้เพลงนี้พับบลิคจากแถบละตินมาสู่อเมริกาและทวีปอื่นๆบนโลกได้อย่างรวดเร็วก็คือเวอร์ชั่นรีมิกซ์ภาษาอังกฤษที่ได้นักร้องสุดฮอตอย่าง “จัสติน บีเบอร์” มาร่วมฟีทเจอริ่ง ซึ่งชื่อเสียงของหนุ่มจัสตินตอนนี้ก็เรียกได้ว่าปล่อยเพลงอะไรออกมาหรือไปร่วมฟีทเจอริ่งกับใครก็โด่งดังสุดๆไม่ว่าจะเป็น I’m the One, Love Yourself, Sorry, What Do You Mean? และ Cold Water เป็นต้น
4.มาถูกจังหวะในยุคที่โซเชียลมีเดียบูมสุดๆ
ในยุคที่โซเชียลมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วทั้งโลก ยอดเข้าชมบน YouTube ระดับ 1,000 ล้านจึงกลายเป็นเรื่องง่ายที่นักร้องดังๆก็สามารถทำได้ แต่การที่จะล้มแชมป์เพลงที่มียอดเข้าชมสูงที่สุดในโลกอย่าง “Gangnam Style” นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะด้วยความที่เพลงนี้มีความพับบลิคเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทำนอง ความตลกขบขันของเนื้อหาเอ็มวี รวมไปถึงท่าเต้นที่เป็นไวรัล จึงทำให้ “Gangnam Style” ครองแชมป์เพลงที่มียอดเข้าชมมิวสิควิดีโอบน YouTube สูงที่สุดในโลกมาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี ก่อนที่จะถูก “See You Again” ของ Wiz Khalifa แซงได้ในเดือนกรกฎาคมและเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “Despacito” ก็ได้เบียดสองเพลงที่ว่านี้กลายเป็นเพลงที่มียอดเข้าชมสูงสุดในโลกแทนหลังจากที่ปล่อยออกมาเพียง 200 กว่าวันเท่านั้น
5.ยังไม่มีเพลงไหน “ฮอต” ได้เทียบเท่า
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า “Despacito (Remix Audio) ft. Justin Bieber” จะฮอตต่อเนื่องจนครองอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 มากว่า 13 สัปดาห์โดยไม่มีทีท่าว่าจะมีเพลงไหนที่จะมาล้มได้แต่อย่างใด ซึ่งในอาทิตย์นี้ด้วยยอดสตรีม ดาวน์โหลด และยอดเข้าชมบน YouTube ในระดับที่สูงนั้นก็น่าจะทำให้เพลงนี้ครองอันดับ 1 ไปอีกได้ยาวๆเทียบเท่า “We Belong Together” ของมารายห์ แครรี่ย์ (14 สัปดาห์) เลยทีเดียว
และสำหรับชาว Favforward ที่ไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อน สามารถคลิ้กที่ลิ้งค์วิดีโอด้านล่างเพื่อกดฟังได้ทั้งสองเวอร์ชั่นเลยครับ
เรื่องโดย:Nomad609
ภาพประกอบ: YouTube
See More…
http://www.favforward.com/35598/trend/top-5-most-viewed-youtube-music-videos/
http://www.favforward.com/16395/why/youtube/