เชื่อว่าสาวกของสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) คงตั้งตารอและกำลังนับถอยหลังรอชมอนิเมชั่น The Red Turtle ที่มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 26 มกราคมนี้กันใช่ไหม? และแม้ว่าอนิเมชั่นเรื่องนี้ทางต้นสังกัดจะไม่ได้โปรโมทกันครึกโครมเหมือนภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องอื่นๆ แต่ด้วยกระแสแบบคลื่นใต้น้ำ ทำให้คอหนังหลายคนติดตามข่าวสารของภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้กันอย่างใจจดใจจ่อ วันนี้เราจึงไม่รอช้าที่จะหยิบยก 7 เรื่องพิเศษของ The Red Turtle มาฝากคุณผู้อ่านที่กำลังลังเลใจว่าจะไปดู The Red Turtle ดีหรือไม่?
เรื่องย่อ : เรื่องเล่าถึง ‘การเดินทางของชีวิต’ ของชายคนหนึ่งที่เรืออับปาง จนต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังบนเกาะร้าง แต่แล้วโชคชะตาก็นำพาให้เขาได้พบกับเต่ายักษ์และหญิงสาวผมแดงจนก่อเกิดเป็นความรัก พร้อมกับการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวบนเกาะร้างแห่งนี้
01. The Red Turtle เป็นผลงานเรื่องใหม่ล่าสุดของ “สตูดิโอจิบลิ” สตูดิโอภาพยนตร์อะนิเมะสัญชาติญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่พิเศษกว่านั้นคืออนิเมชั่นเรื่องนี้นับได้ว่าเป็นผลงานในรอบ 2 ปี หลังจากที่สตูดิโอโอจิบลิประกาศพักงานสร้างภาพยนตร์แบบไม่มีกำหนดในปี 2014
02. อนิเมชั่นเรื่องนี้มีสัญชาติเป็นลูกครึ่ง ‘ฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น’ นั่นเพราะ The Red Turtle เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องแรกที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างสตูดิโอจิบลิจากญี่ปุ่นกับ Wild Bunch จากฝรั่งเศส โดยมีชื่อภาษาฝรั่งเศสว่า La Tortue Rouge
03. นอกจากนี้ The Red Turtle ยังได้ผู้กำกับชาวเนเธอร์แลนด์ “ไมเคิล ดูด็อค เดอ วิท” (Michael Dudok de Wit) มารับหน้าที่ทั้งเขียนบทและกำกับอีกด้วย สำหรับผู้กำกับคนนี้ถือได้ว่าเป็นผู้กำกับมือรางวัลอีกคนหนึ่ง โดยผลงานโดดเด่นที่สร้างชื่อเสียงให้เขาคือเรื่อง Father and Daughter อนิเมชั่นเรื่องสั้นที่ออกฉายในปี 2000 โดยมีรางวัล Oscar สาขา Best Short Film, Animated และรางวัลด้านอนิเมชั่นอื่นๆ กว่า 20 รางวัลมาการันตีฝีมือ
04. ส่วนทางฝั่งสตูดิโอจิบลิก็ได้ส่ง “อิซาโอ ทากาฮาตะ” (Isao Takahata) ผู้กำกับจากอนิเมชั่นเรื่อง Grave of the Fireflies หรือสุสานหิ่งห้อย มาทำงานประกบคู่กัน โดยทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ฝ่ายศิลป์ นอกจากนี้ยังได้นักเขียนบทมือรางวัลอย่าง Pascale Ferran มาช่วยเขียนบทอีกด้วย
05. The Red Turtle เปิดตัวครั้งแรกในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ 2016 โดยนอกจากจะได้รับเสียงวิจารณ์ระดับ A+ จากเหล่าคณะกรรมการและผู้ชมแล้ว อนิเมชั่นเรื่องนี้ยังได้รับรางวัล Un Certain Regard จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2016 อีกด้วย โดยมอบให้ในฐานะภาพยนตร์ที่มีชั้นเชิงในการนำเสนอโดดเด่นและมีเอกลักษณ์นั่นเอง
06. ส่วนเหตุผลที่ทำให้ The Red Turtle มีฐานะเป็นภาพยนตร์ที่มีชั้นเชิงในการนำเสนอโดดเด่นและมีเอกลักษณ์นั้น เพราะว่าอนิเมชั่นเรื่องนี้เล่าเรื่องและสื่ออารมณ์ความรู้สึกของตัวละครผ่านภาพและเสียงประกอบ โดย “ไร้บทพูด” ทำให้อนิเมชั่นเรื่องนี้พิเศษกว่าเรื่องอื่นๆ
07. นอกจากนี้ The Red Turtle ยังเป็นอนิเมชั่นที่มี ‘ลายเส้นแปลกตา’ จากผลงานชิ้นอื่นๆ ของสตูดิโอจิบลิ ขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นอายความเป็นจิบลิที่แฝงอยู่ในพล็อตเรื่องไว้อย่างลงตัว โดยการที่ The Red Turtle มีลายเส้นที่แตกต่าง พร้อมกับการเล่าเรื่องแบบไร้บทพูดนั้น นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวของสตูดิโอจิบลิเลยทีเดียว ดังนั้นแฟนๆ ของสตูดิโอจิบลิควรต้องไปพิสูจน์ความสนุกด้วยตัวเอง