ตามรอย ทรงผมจากหนัง ของ Brad Pitt ชายวัย 55 ที่ยังเท่แบบคลาสสิก
การกลับมาเจอกันอีกครั้งในผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ Brad Pitt และ Leonardo ชาย 2 คนที่มีอายุต่างกันถึง 10 ปี แต่มารับบทเป็นเจ้านายและคนสนิทที่เข้าขากันได้อย่างดีใน Once Upon A Time แม้ตัวหนังจะพาเราย้อนกลับไปสู่ยุค 60s แต่สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้นอกจากลุคการแต่งตัวแบบฮิปปี้ของคนยุคนั้น นั่นคือ ทรงผมจากหนัง ทรงผมถัก ผมบ็อบแสกกลาง หรือผมปาดแบบที่แบรดทำ ซึ่งถือเป็นอีกทรงที่รับกับใบหน้าของเขาได้อย่างไม่เคอะเขิน วันนี้เราจึงอยากพาไปย้อนดูอีก 6 ทรงผมของแบรด พิตต์ที่ทำออกมาได้รับกับใบหน้า และเป็นอินสไปร์ให้หนุ่มๆ ไปตัดตามได้
ผมเซอร์ยาวปะบ่า จากหนังเรื่อง True Romance (1993)
ทรงผมที่เป็นจุดเริ่มต้นของตำนานและเขาก็ไว้ทรงนี้มานานหลายปี ทรงผมยาวปะบ่าแบบเซอร์ๆ ไม่ต้องใช้ไดร์เป่าความยาวโดยประมาณอยู่ที่ 12 นิ้ว เพียงแค่คุณใส่แว๊กซ์ตอนผมกำลังหมาดๆ และรอให้มันแห้งตามธรรมชาติ ก็จะได้ทรงเซอร์ๆ ยุ่งนิดๆ แต่มีสไตล์แบบแบรด
ผมทรง Crop จาก หนังเรื่อง Se7en (1995)
ภาพยนตร์ฆาตรกรรมต่อเนื่องเลียนแบบบาป 7 ประการ ที่แบรด พิตต์ ต้องเล่นเป็นตำรวจใหม่ มาจับคู่กับมอร์แกน ฟรีแมน ซึ่งเป้นตำรวจวัยใกล้เกษียณ ฉะนั้นเขาจึงต้องตัดผมสั้นสไตล์ Crop โดยให้ความยาวด้านบนเหลือไว้ประมาณ 2 นิ้ว ใช้กรรไกรตัดแต่งให้ผมมีความพลิ้วไหวและยุ่งนิดๆ ก่อนจะเซททรงทุกๆ เช้าด้วยการใส่โพเมดขนาดเท่าเหรียญบาทด้วยนิ้วมือ
ผมทรงแทรกข้างเบาๆ ตามยุคจากหนังเรื่อง Meet Joe Black (1998)
เมื่อพระเจ้าต้องลงมายืมร่างของแบรด พิตต์ เพื่อมาดูโลก มาทบสอบจิตใจของมนุษย์ ในขณะที่ร่างจริงของเขากำลังนอนโคม่า ทรงผมของแบรด จึงต้องดูหล่อแบบเท่ๆ หน่อย ด้วยการตัดทรงแสกข้าง เว้นให้ผมส่วนด้านข้างยาวลงมาปกหูเล็กน้อย ใช้กรรไกรตัดทั้งศีรษะเพื่อได้เส้นผมที่ดูเป็นธรรมชาติ ส่วนด้านหลังไว้ยาวลงมาจรดท้ายทอย กันเล็กน้อยให้ดูสะอาดสะอ้าน
ทรง Buzz Cut จากหนังเรื่อง Mr & Mrs Smith (2005)
หนังเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่โด่งดัง และผมของ Mr. Smith ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แบรด พิตต์รับบทเป็นจอห์น ส่วนแองโจลีน่าคือเจน สมิธ เป็นคู่สามีภรรยาธรรมดาๆ ที่มีชีวิตแต่งงานจืดชืดเรียบง่าย ทว่า ต่างฝ่ายต่างก็ซ่อนบางอย่างที่อีกฝ่ายถึงกับยอมฆ่าให้ตายเพื่อให้ได้คำตอบ แท้ที่จริงนายและนางสมิธคือนักสังหารมืออาชีพค่าตัวแพง และทั้งคู่ต่างทำงานให้กับองค์กรที่เป็นคู่แข่งขันกัน ทรงผมของแบรดเรื่องนี้มาอยู่ในสไตล์ Buzz Cut ทรงผมสั้นที่ดีที่สุด ที่จะต้องมีขอบที่เรียบกริบ โดยเส้นผมด้านบนและด้านข้างมีความยาวที่ไม่ต่างกันเท่าไร ซึ่งไม่ว่าคุณจะผมน้อยหรือผมหนาก็สามารถตัดผมทรงนี้ได้ แต่จะค่อนข้างเหมาะกับคนที่มีรูปหน้าเหลี่ยมหน่อย ๆ มีโหนกแก้ม และกรามนิด ๆ ทรงนี้จะต่างจากการสกินเฮดตรงที่ใช้หวีรองในการตัดสั้น ไม่ใช้ปัตตาเลี่ยนเลือกเบอร์แล้วไถเก็บเพียงอย่างเดียว ทำให้เลเยอร์ทรงผมที่สวยงาม
ทรงผมยอดฮิต Undercut จากหนังเรื่อง Fury (2014)
เรื่องราวของหน่วยรถถังอเมริกาที่ผ่านสงครามมาอย่างโชกโชน ในช่วงโค้งสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างกองกำลังพันธมิตรของอเมริกาที่กำลังพยายามบุกเข้าไปในเมืองเบอร์ลินของเยอรมัน เมื่อกองทัพเยอรมันมีการป้องกันที่แน่นหนาจนสหรัฐไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้ เนื่องจากมีความแข็งแกร่งของเกราะมากกว่ารถถังเชอร์แมนของสหรัฐ กองทัพสหรัฐจำเป็นจะใช้รถถังเชอร์แมนถึง 4-5 คัน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หน่วยรถถังของฝ่ายอเมริกาต้องสูญเสียกำลังไปถึง 90% และหนึ่งในนั้นก็คือ สมาชิกคนหนึ่งของหน่วยรถถังที่มีนามว่า “ฟิวรี่”
ในเรื่องของทรงผมที่แบรดปาดผมข้างหน้าเสยขึ้นมาคล้ายๆ กับปอมปาดัวร์ โดยจุดที่ความยาวด้านหน้ายาวที่สุดคือ 7.5 cm. จากนั้นค่อยๆ ไล่มาถึงตอนปลายด้านหลังที่ 5 และ 2.5 cm. ส่วนผมด้านข้างไล่ความยาวจาก 3 -2 มาถึง 0 cm. หรือไถเกรียนนั่นเอง
วิธีจัดแต่งทรงผมโดยการเป่าผมขณะเปียกด้วยความร้อนต่ำ เพื่อจัดทรงด้านบนให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งเล็กน้อยสุดท้ายแล้วใส่น้ำมันเซทผมด้านบนเล็กน้อยเพื่อให้อยู่ทรง
ทรง Throwback Sweepback จากหนังเรื่อง Once Upon A Time In Hollywood (2019)
การกลับมาเล่นหนังรับบทนำอีกครั้งในวัย 55 ปีคู่กับลีโอนาร์โด ผมทรงนี้ดูย้อนยุคไปสู่ 60s กับการเปลี่ยนคาแรกเตอร์เล็กน้อย เป็นการแสกผมข้างเช่นกัน แต่คนละแบบกับเรื่อง Meet Joe Black เพราะความยาวของด้านข้างและด้านบนเกือยจะยาวเท่ากันจนกลายเป็นผมบ็อบ แต่มีการไล่ระดับเล็กน้อยเพื่อให้เห็นเลเยอร์ที่แตกต่าง แต่ทรงนี้จะมีการจัดแต่งทรงด้วยครีมโฟมเพื่อให้ผมดูเปียกนิดๆ คลาสสิกหน่อยๆ ไม่แห้งและดูเชยจนเกินไป