มีอะไรซ่อนอยู่ใน Nokia 3310 กันแน่!! เทียบรุ่นคลาสสิกปี 2000 กับรุ่นใหม่ปี 2017 ให้เห็นแบบชัดๆ กันไปเลย
WHAT: เทียบกันแบบหมัดต่อหมัด! กับสิ่งที่ซ่อนอยู่ใน “Nokia 3310” รุ่นใหม่ปี 2017 กับรุ่นคลาสสิกปี 2000 ว่ามีอะไรเหมือนและอะไรต่างไปบ้าง?
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้การกลับมาของโนเกีย 3310 (Nokia 3310) ฮือฮาและเป็นที่จับตามองนั้น เป็นเพราะโทรศัพท์รุ่นนี้เป็นมือถือที่ ‘ต้องมี’ จนเป็นเทรนด์ราคาแพงในยุคนั้น และกลายมาเป็นมือถือรุ่นคลาสสิกในตำนานที่ฆ่าไม่ตาย ดังนั้นการกลับมาของโทรศัพท์คลาสสิกในตำนานจึงเรียกความสนใจจากเราได้เป็นอย่างดี
และหลังจากมีกระแสข่าวว่าโนเกีย 3310 กำลังจะกลับมาเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา ช่วงค่ำเมื่อวานนี้ (26 ก.พ. 60) โนเกีย 3310 ก็ได้ปรากฏตัวในงาน Mobile World Congress (MWC 2017) ที่บาร์เซโลน่า ประเทศสเปนตามคำสัญญากับลูกเล่นใหม่ที่ทันสมัยและโฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิม แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เอาไว้หลายฟังก์ชั่นด้วยกัน วันนี้เราจึงขอเปรียบเทียบ “Nokia 3310 รุ่นปี 2000” กับ “Nokia 3310 รุ่นปี 2017” ว่าจะอะไรเหมือนและอะไรที่ต่างกันไปบ้าง ให้เห็นแบบชัดๆ กันไปเลย!
• ตัวเครื่อง : โนเกีย 3310 เวอร์ชั่นใหม่ยังคงอิงดีไซน์ที่มีความใกล้เคียงกับโนเกีย 3310 รุ่นดั้งเดิม เพิ่มเติมคือสีสันที่จัดจ้าน โดยตัวเครื่องเป็นพลาสติกกับปุ่มกดตัวเลขทรงรี เมื่อเทียบกับโนเกีย 3310 รุ่นดั้งเดิมแล้ว ตัวเครื่องของโนเกีย 3310 รุ่นใหม่นี้มีความบางและการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวกว่าในขนาด 15.6 x 51 x 12.8 มม. เพื่อให้โนเกียรุ่น 2017 ดูทันสมัยขึ้นตามที่ HMD Global ได้ประกาศไว้ ในขณะที่โนเกียรุ่นดั้งเดิมมีขนาดที่ใหญ่กว่าคือ 113 x 48 x 22 มม. แต่ HMD Global ยังคงเอกลักษณ์ของโนเกีย 3310 เอาไว้อย่างเหนียวแน่นด้วยลูกเล่น ‘เปลี่ยนหน้ากาก’ ได้เช่นเดิม (ซึ่งโนเกีย 3310 รุ่นดั้งเดิมก็เปลี่ยนได้เหมือนกัน)
• หน้าจอ : โนเกีย 3310 รุ่นดั้งเดิมจะมีหน้าจอสีเดียว นั่นคือสีขาว-ดำ โดยมีความละเอียดอยู่ที่ 84×48 พิกเซลกับขนาดหน้าจอ 1 นิ้ว แต่สำหรับโนเกีย 3310 รุ่น 2017 มีการปรับขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นเป็น 2.4 นิ้วและความละเอียด 240 x 320 พิกเซล 167 ppi โดยมาพร้อมหน้าจอสีอีกด้วย แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นรุ่นคลาสสิกในยุค 2000 หรือรุ่นใหม่ 2017 ไม่สามารถทัชสกรีนหน้าจอได้เหมือนกัน
• เกมงู : เกมงูเป็นไฮไลท์หนึ่งที่เสริมให้โนเกีย 3310 โด่งดัง โดยทั้งสองรุ่นต่างมาพร้อม ‘เกมงู’ ในตำนาน เพียงแต่หากเป็นรุ่นคลาสสิกเกมงูจะมาในรูปแบบขาวดำ ส่วนรุ่นใหม่ที่มีการปรับหน้าจอใหม่เป็นจอสี เกมงูก็ย่อมมีสีตามไปด้วย อีกทั้งยังเปลี่ยนหน้าตาของงูน้อยและเพิ่มลูกเล่นให้สนุกกว่าเดิม นอกจากนี้โนเกีย 3310 รุ่นดั้งเดิมไม่ได้มีเกมงูเพียงเกมเดียว แต่ยังมีเกมอื่นๆ อีก 3 เกมนั่นคือ Pairs II (เกมจับคู่) Space Impact (เกมตะลุยอวกาศ) และ Bantumi (มันกาล่าหรือหมากหลุม) ในขณะที่รุ่นใหม่ยังไม่มีรายละเอียดของเกมที่เหลือเหล่านี้
• กล้องถ่ายรูป : HMD Global เพิ่มฟังก์ชั่นให้โนเกีย 3310 รุ่นใหม่มีกล้องหลังสำหรับถ่ายรูป ซึ่งมีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนยุค 2017 ในขณะที่รุ่นดั้งเดิมเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ย่อมไม่มีกล้องถ่ายรูปอยู่แล้ว
• แบตเตอร์รี่ : อีกหนึ่งคุญสมบัติที่สนับสนุนให้โนเกีย 3310 เป็นมือถือในตำนานคือความอึดทนของแบตเตอร์รี่ที่อยู่ได้ยาวนาน โดยรุ่นคลาสสิกนั้นแบตเตอร์รี่สามารถอยู่ได้นานถึง 260 ชั่วโมงกับความจุ 900mAh ในขณะที่รุ่นใหม่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยแบตเตอร์รี่ความจุ 1200mAh ที่ทำให้อึดถึกกว่าเดิม โดยสแตนบายด์ได้นาน 1 เดือนเต็มหรือหากคิดเป็นชั่วโมงคือ 720 ชั่วโมง จนเราลืมชาร์จไปเลย นอกจากนี้โนเกีย 3310 รุ่นใหม่ยังสามารถโทรคุยต่อเนื่องได้นานสูงสุด 22.10 ชั่วโมงและฟังเพลงได้ต่อเนื่อง 51 ชั่วโมง
• หน่วยความจำ : สำหรับโนเกีย 3310 รุ่นคลาสสิก หน่วยความจำของสมุดโทรศัพท์จะขึ้นอยู่กับซิมการ์ด ซึ่งปกติเราสามารถบันทึกเบอร์โทรศัพท์ได้ที่ 250 คน ในขณะที่โนเกีย 3310 รุ่นใหม่นี้มีหน่วยความจำ 16MB แถมยังรองรับ microSD, microSDHC ความจุสูงสุด 32GB อีกด้วย
• ความทนทานที่เป็นตำนาน : โนเกีย 3310 คลาสสิกปี 2000 ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานที่แม้จะกลิ้งตกบันไดจากชั้นสองก็ไม่เป็นอะไร แต่สำหรับรุ่นใหม่ 2017 นี้ ยังไม่มีใครทดลองคุณสมบัตินี้กันให้เห็น (เพราะเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวาน และ HMD Global ก็ไม่ได้บอกกล่าวถึงประเด็นนี้) ดังนั้นเรื่องความทนทานคงต้องรอการพิสูจน์กันต่อไป
• ริงโทน : เสียงเรียกเข้า เป็นอีกฟังก์ชั่นที่ไม่มีการบอกกล่าวอย่างชัดเจนสำหรับโนเกีย 3310 รุ่นใหม่ ซึ่งคุณสมบัตินี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่ช่วยสร้างสีสันให้โทรศัพท์ในตำนานเครื่องนี้ โดยรุ่นดั้งเดิมนั้นจะมีเสียงเรียกเข้าซึ่งติดตั้งมากับเครื่องถึง 35 เพลง และยังมีพื้นที่ให้แต่งเสียงเรียกเข้าได้เองอีก 7 เพลงอีกด้วย
• ราคา : ในเรื่องราคานั้น ถือว่าโนเกีย 3310 รุ่นคลาสสิกนำหน้าอยู่ เพราะในสมัยโน้นโนเกีย 3310 ถือเป็นเทรนด์ราคาแพงที่ฮิตมากๆ โดยมีราคาขายเริ่มต้นราวๆ 15,000 – 17,000 บาท ในขณะที่โนเกีย 3310 รุ่นใหม่มีราคาเริ่มต้นเพียง 49 ยูโร หรือประมาณ 1,800 บาทเท่านั้น
• คุณสมบัติอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามา : นอกจากคุณสมบัติพื้นฐานเบื้องต้นที่กล่าวไปแล้ว โนเกีย 3310 เวอร์ชั่นใหม่นี้ยังเพิ่มเติมคุณสมบัติอื่นๆ เพื่อตอบสนองการใช้งานของคนรุ่นใหม่ ทั้งรองรับวิทยุ FM, เชื่อมต่อ Bluetooth 3.0, รองรับ 2.5G คลื่นความถี่ 900, 1800 MHz, มีพอร์ตเชื่อมต่อ microUSB, รองรับ 2 ชิมการ์ด และใช้ระบบปฏิบัติการ Nokia Series 30+ อีกด้วย โดยมาในคอนเซ็ปต์ A modern classic reimagined นั่นเอง