จริงๆ แล้วเราทำดนตรี เราเล่นดนตรี คือเราอยากสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น เพลงของเราน่าจะเป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับคนอื่น
ทุกคนต่างมีความฝัน เพียงแต่ว่าคุณกล้าที่จะลงมือทำฝันนั้นหรือเปล่า หลายคนเลือกจะวางฝันนั้นไว้ก่อน แล้วหันไปทำอย่างอื่นที่มีความมั่นคงกว่า แต่ก็มีอีกหลายคนที่กล้าจะก้าวเดินตามฝัน แม้ปลายทางแห่งฝันนั้นจะยังมืดมัวไม่แน่นอน และการทำฝันให้เป็นจริงนั้น ไม่ใช่การเดินมุ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว แต่ต้องก้าวเดินอย่างมีแบบแผนด้วย
เช่นเดียวกับ 4 สมาชิกวง “MEAN” วงดนตรีที่เกิดจากการรวมตัวของผู้หลงใหลในเสียงเพลงและชัดเจนในสิ่งที่ชอบ ที่สำคัญพวกเขายังพกความกล้ามาเต็มกระเป๋า เพื่อก้าวเดินบนถนนสายดนตรีด้วยสมองและสองขาของตัวเอง วันนี้เราจึงไม่รอช้าที่จะจับเข่าคุยกับคุณกัปตัน – จิรายุส สุขเกษม, คุณพัด – วรภัทร วังศ์สุคนธ์, คุณปาล์ม – ปวีร์ ปรีชาวีรกุล และคุณกัน – กันตพิชญ์ ยาวิราช
• มารวมตัวกันได้ยังไง?
กัน : เริ่มจากผม ปาล์ม พัด เราสามคนเป็นเด็กธรรมศาสตร์ อยู่ชมรม TU Folksong ซึ่งก็เป็นวงดนตรีของมหาลัย แล้วเราก็มีโอกาสเล่นดนตรีด้วยกัน
ปาล์ม : แล้วตอนที่อยู่ชมรม TU Folksong ก็จะมีศิลปินดังๆ ที่หลายๆ คนรู้จัก อย่างโดม จารุวัฒน์, อะตอม ชนกันต์, ต้น ธนสิทธิ์ ซึ่งพวกเขาเป็นนักร้องกันหมดเลยและเคยทำงานด้วยกันมา แต่ระหว่างที่พวกเรากำลังจะเรียนจบ พวกเขาก็ค่อยๆ ดัง เราก็เลยคุยกันว่าให้มารวมวงกันดีกว่า จะได้ดังบ้าง แต่ทีนี้พวกเราเป็นนักดนตรีกันทั้งสามคน ก็เลยต้องหานักร้อง แต่ที่ชมรมไม่เหลือใครแล้ว เพราะดังกันหมดแล้ว เลยต้องไปหานักร้องข้างนอกเอา ก็ได้กัปตันมา ซึ่งกัปตันเป็นรุ่นน้องของกันที่โรงเรียนสวนกุหลาบ นนทบุรี
กัน : กัปตันเขาก็มีวงดนตรีของเขาในสมัยนั้น แล้วกัปตันเขาไปประกวด Hot Wave Music Awards แล้วคือได้แชมป์มาด้วยก็เลยไปชวนมา
ปาล์ม : คือต้องเล่าให้ฟังก่อนว่ารายการ Hot Wave Music Awards จะมีศิลปินที่ประกวดแล้วประสบความสำเร็จ อย่างพี่ตูน บอดี้สแลม มีวงแคลช มีลาบานูน มีกะลา แล้วทีนี้ผมมีไอดอลเป็นบอดี้สแลม ก็เลยหาว่ายังเหลือนักร้องคนไหนบ้างใน Hot Wave เพราะเราเห็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จจาก Hot Wave เยอะมาก เราก็เลยไปลองดู สรุปว่ามันใกล้ตัวเรามาก เป็นรุ่นน้องของกันนั่นเอง เราก็เลยไปชวนเขามาร่วมวง
• ก่อนที่จะมาตั้งวงดนตรี แต่ละคนทำอะไรกันมาก่อน?
ปาล์ม : ช่วงที่เรียนจบก่อนจะมาตั้งวง คือผม กัน แล้วก็พัดทำงานเบื้องหลัง ผมก็จะทำสายงานเพลงโฆษณา ทำเพลงรายการ พัดเขาก็จะเล่นแบ็คอัพเยอะ คือพวกผมจะเล่นแบ็คอัพมาแล้วเกือบทุกค่าย ทั้ง LOVEiS, Smallroom, RS, Grammy ก็คือเล่มกันมาหมดแล้ว เพราะเราอยากเข้าไปซึมซับว่าเขาทำงานกันยังไง ส่วนกัปตันไม่มีงานทำครับ
กัปตัน : ผมเพิ่งเรียนจบครับ ผมเด็กกว่าทุกคนประมาณ 2-3 ปี ตอนนั้นผมก็เรียนหนังสืออยู่ครับ เรียนเอกดนครี กีต้าร์คลาสสิกที่ศิลปากรครับ
…เราแค่อยากทำให้ทุกๆ วันมันมีความหมาย ให้เพลงของเรามีความหมายกับคนฟังแค่นั้นก็พอแล้ว
• ชื่อวงว่า MEAN มาจากไหน แล้วมีความหมายยังไง?
พัด : คือตอนที่เราตั้งวง เราแต่ละคนก็มีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ก่อนที่จะตั้งวง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ประชุมเรื่องชื่อตั้งแต่บ่ายจนข้ามวันไปถึงตีสาม ก็ยังสรุปไม่ได้ เช้าอีกวันหนึ่งเรามีภารกิจไปหาหลวงพี่
ปาล์ม : คือพวกเราทั้งสี่คนเป็นศิลปินจิตอาสา เรียกว่ากลุ่มปทุมมามหาสิกขาลัย หรือบัวลอย ทีมเวิร์ค ซึ่งถ้าเคยดูก็มีผลงานของพี่ปาน ธนพรที่ร้องเพลงลมหายใจสุดท้าย แล้วยังไงต่อครับ
พัด : อีกวันหนึ่งเรามีนัดกับหลวงพี่ ซึ่งเป็นผู้ดูแลโครงการ คือหลวงพี่ท่านแต่ก่อนเคยทำงานเป็นครีเอทีฟในแกรมมี่มาก่อน เราก็แบบว่าไม่ไหวแล้ว ตั้งชื่อวงไม่ได้ ก็เลยเข้าไปหาหลวงพี่ ขอคำแนะนำ หลวงพี่คือจะตั้งชื่อวงต้องทำยังไงดี หลวงพี่ก็ถามว่าแล้วพวกเราแต่ละคนต้องการอะไร หลวงพี่เขาบอกว่า เราอยากจะให้อะไรคนดูก็ใช้วิธีการนั้น เพราะเราแต่ละคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน แตกต่างกันไป อย่างพี่ปาล์มอยากได้อะไรนะ
ปาล์ม : ผมอยากได้ชื่อที่มันสั้น คือผมชอบโลโซ คือตัวอักษรมันมีแค่สี่ตัว พี่เสกก็เป็นไอดอลคนหนึ่งของผมเหมือนกัน แล้วชื่อผมก็มี 4 อักษรด้วย PALM ก็เลยอยากได้ที่มันสั้น เวลาเขียนแล้วน่าจะบาลานซ์ดี
กัน : ผมอยากได้ชื่อที่มันเท่ๆ หน่อย อยากได้ชื่อที่ฟังดูเท่ๆ เวลาฟังแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย! วงนี้เท่จังเลย
กัปตัน : อย่างผมอยากได้ชื่อที่มันฟังดูเป็นกันเอง เป็นชื่อคน เพราะผมรู้สึกว่ามันเข้าถึงง่าย
พัด : ผมอยากได้ชื่อที่มันมีความหมาย ผมต้องการให้ทุกครั้งที่เราเอ่ยถึงมัน เรารู้สึกได้ สัมผัสไปกับมัน แล้วก็คนที่ฟังรับรู้ไปกับเราด้วยว่าเราต้องการจะสื่ออะไร
ปาล์ม : แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ครับ ด้วยความต้องการเยอะแยะเลย แล้วเราก็ไปนั่งคุยกับหลวงพี่กันนานมากก็ยังไม่ได้สักที ตอนแรกที่เราไปนั่งคุยกันในวัด จนหลวงพี่ไล่ (หัวเราะ) พวกโยมจะไปที่อื่นก็ดีนะ พวกโยมจะไปทำธุระต่อกันใช่ไหม แต่คือเราก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งสำคัญที่สุด ที่พวกเราคุยกันคือ เราต้องการนั่นต้องการนี่ แต่สุดท้ายมันกลับมาที่ท่านบอกว่า จริงๆ แล้วเราควรคิดจากว่าเราอยากจะให้อะไร พอเราได้คีย์เวิร์ดว่าเราอยากจะให้อะไรมา มันเลยกลายเป็นว่า เฮ้ย! จริงๆ แล้วเราทำดนตรี เราเล่นดนตรี คือเราอยากสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น เพลงของเราน่าจะเป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับคนอื่น อยากให้มีความหมายสำหรับคนอื่น
พัด : พอคำว่า “ความหมาย” หลุดออกมาก็เลยเป็น MEAN พอพูดออกมาแล้ว ทุกคนก็เงียบกันไปแป๊ปนึงแล้ว ก็เอาคำนี้เลย
ปาล์ม : เพราะว่าคำนี้ดันตรงกับความต้องการเราด้วย มันได้สี่ตัวอักษร มันดูเป็นกันเองเป็นชื่อคน แล้วก็มีความหมายด้วย แล้วมันก็เท่ด้วย คนอื่นว่าไงไม่รู้ แต่เรารู้สึกว่าชื่อนี้แหละได้แล้ว ลงตัวแล้ว
• ตอนตั้งวงใหม่ๆ วางเป้าหมายไว้ไกลแค่ไหน
ปาล์ม : โห! เป้าหมายเรามีอันเดียวนะครับ ทั้ง 4 คนตอนตั้งวงใหม่ๆ คือ ไปราชมังฯ (ราชมังคลากีฬาสถาน)
กัน : เราอยากจะมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองเหมือนที่ศิลปินดังๆ เขามีกัน อย่างบอดี้สแลม อัศนี คาราบาว ก็คือเราเห็นภาพแล้วก็รู้สึกว่าเราเองก็ต้องไปยืนอยู่ในจุดนั้น
ปาล์ม : นับจากวันนั้นครับ เวลาผ่านไปแล้ว 2 ปี เราลืมไปแล้วว่าเป้าหมายเราคืออะไร แต่ที่บอกว่าลืมไปแล้ว เพราะว่าหลังจากที่เราตั้งวงมา เราพบว่าจริงๆ แล้วตามชื่อวงของเรา คือ เราแค่อยากทำให้ทุกๆ วันมันมีความหมาย ให้เพลงของเรามีความหมายกับคนฟังแค่นั้นก็พอแล้ว
• ซิงเกิลแรกคือเพลง ‘คนในความทรงจำ’ เพลงนี้เป็นมายังไง แล้วใครแต่ง?
พัด : เมโลดี้กันเขาเป็นคนแต่งมานานแล้ว คือวงเราเวลาทำงานจะแต่งเมโลดี้กันมาก่อน แล้วก็กองๆ เก็บๆ กันไว้ ใครชอบอันไหนก็เลือกไปพัฒนาต่อ ทีนี้เมโลดี้นี้ของกันก็ฟังกันในวงก็ชอบ อยากจะลองพัฒนาต่อ แต่ยังไม่มีจังหวะสักที แล้วพอดีช่วงนั้น ผมมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นคือญาติผู้ใหญ่เสีย ผมก็ไปร่วมงานศพอยู่เป็นอาทิตย์
ช่วงนั้นผมใช้เวลากลางคืนเขียนเพลงส่งเพื่อนๆ แล้วก็มีเมโลดี้นี้ที่เราชอบ ก็เลยอยากหยิบมันขึ้นมาเขียน แล้วมีอยู่คืนหนึ่งเป็นความรู้สึกที่ถูกหล่อหลอมอยู่ในช่วงเวลานั้นว่า เราไปงานศพก็จะพบคนที่มาร่วมงานเข้ามาทักทาย เป็นความรู้สึกที่อบอุ่น แบบว่าทุกคนมีความคิดถึง มีความรำลึก เป็นการเอาความรู้สึกดีๆ มามอบให้แก่กัน ก็เลยเขียนออกมาเป็นเนื้อหาเพลงนี้
คืออยากจะบอกกับเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ก็อยากให้รู้ว่าเขายังอยู่ในความทรงจำอยู่เสมอ จำได้เลยว่าประโยคแรกที่เขียนคือ เธออยู่ตรงนั้นเป็นอย่างไร ยังจำฉันได้หรือไม่ หลังจากนั้นก็คือไหลจนจบเพลง เหมือนว่าอยู่บนฟ้าเป็นอย่างไร มีคนคอยห่วงเธอไหม ก็เลยออกมาเป็นเพลงนี้
• ตอนนั้นที่เพลงนี้ติดชาร์ต รู้สึกอย่างไรกันบ้าง
กัปตัน : คือเพลงคนในความทรงจำไปติดชาร์ต Cat Radio ใช่ไหมครับ แล้วเคยติด Fungjai กับ JOOX ด้วย ตอนแรกๆ ก็ตกใจนะ เพราะเพื่อนผมทักเข้ามาเยอะมากเลยครับ แล้วก็ดีใจด้วย เพราะว่าเราไม่ได้มีช่องทางโปรโมทอะไรเลย เพราะเราไม่มีค่าย เราปล่อยแค่ใน Youtube ใน Facebook แต่พอเพลงขึ้นชาร์ตได้ ผมก็ว่ามันมาไกลนะ
กัน : จริงๆ มันเป็นเพลงแรก เป็นก้าวแรกเลย แต่พอมันไปถึงชาร์ต ผมก็ถือว่าเราน่าจะประสบความสำเร็จประมาณนึงเลยอะครับ
พัด : เพลงนี้จริงๆ ต้องบอกว่าเกิดขึ้นในช่วงที่วงกดดันหนักมาก ว่าเราจะเริ่มต้นอย่างไง เป็นก้าวแรกของวง เหมือนเด็กที่เพิ่งจะเริ่มเดินก้าวแรก คือเราก็ประชุมกันนานมาก ผมจำได้ว่าวันก่อนที่จะเริ่มตัดสินใจปล่อยเพลง คือประชุมกันตั้งแต่บ่ายจนถึง 7 โมงของอีกวัน แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุป เลยแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ว่าปาล์มก็ทักมาในกรุ๊ปไลน์ของวง เขาก็บอกว่าจะปล่อยเพลงนี้ ประมาณว่าถ้ามึงไม่มาทำ กูจะปล่อยเดโมแล้วนะ แล้วตอนนั้นก็รู้สึกว่าเราต้องก้าวออกไปก่อน ไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไงก็ตาม ต้องเริ่มเดินออกไปก่อน อาจจะล้มบ้าง ก็ไปว่ากันอีกที
• ทำไมถึงเลือกเป็นอิสระ ไม่สังกัดค่ายใด?
ปาล์ม : คือเราเรื่องมาก จริงๆ เลย คือเรารู้สึกว่าค่ายบางค่ายมันก็ไม่ดีพอสำหรับเรา
กัน : เราก็มีโอกาสได้เข้าไปคุยกับบางค่าย แล้วรู้สึกว่าแนวทางในการทำงานมันไม่ตรงกันมากกว่า
พัด : มันเหมือนว่าเราอาจจะต้องจูนกันอีกหน่อย มันเหมือนกับเราไปคบกับใครสักคนนึง การร่วมมือกับค่ายมันก็เหมือนกัน คือมันไม่สามารถอยู่ดีๆ บุ่มบ่ามเข้าไปได้ เรายังไม่รู้จักเขาดีพอ เขาก็ยังไม่รู้จักเราดีพอ ไปด้วยกันมันอาจจะไปจบกันแบบเจ็บๆ เปล่าๆ
ปาล์ม : แต่ว่ามันไม่ได้มีแค่นั้น จริงๆ แล้วจุดตั้งต้นเลยก็คือว่า ในยุคสมัยนี้ที่วงการเพลงมันกำลังเป็นช่วงขาลง ตอนที่พวกเราเริ่มทำวงกัน เรารู้สึกว่าถ้าเราเข้าไปอยู่ในค่าย ช่วงในการปล่อยเพลงมันจะยาวนาน บางวงก็ต้องรอถึง 3 ปี 5 ปี กว่าจะได้ปล่อยสักหนึ่งเพลง เราเลยรู้สึกว่าตอนที่เรามีกำลังอยู่ เราก็สร้างฐานของเราก่อน ให้มันได้สักประมาณหนึ่ง แล้วเราอาจจะไปอยู่ค่ายหลังจากนั้น ซึ่งช่วงนี้เราก็กำลังคุยกันอยู่เรื่องค่าย เรารู้สึกว่ามันได้แล้วนะ เราย่นระยะเวลาที่ไปนั่งรออยู่ในค่าย 3 ปี 5 ปีมาได้แล้ว คือช่วงต้นวงให้มันยืนได้ก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยขยับ หากเป็นเมื่อก่อนถ้าให้อยู่ค่ายเขาก็จะให้ทำเลย 12 เพลง เราก็มีโอกาสจะได้ปล่อยเพลง แต่ยุคนี้เขาให้คิดทีละเพลง แล้วถ้าเกิดเพลงไม่ผ่านที่ค่าย เขาก็ไม่ให้ปล่อยด้วย แล้วถ้าปล่อยแล้วไม่ดัง เขาก็ดองเราด้วยสัญญา
…ติดตามบทสัมภาษณ์ “พูดคุยกับ 4 สมาชิกวง MEAN กับการเดินบนถนนสายดนตรี ตอนที่ 2” ได้เร็วๆ นี้
ขอบคุณสถานที่ : Pacamara ทองหล่อ 25