WHO # FAV talk with เติ้น-รัชนีวรรณ คุณกิตติ
ย้อนกลับไปตอนยังเป็นเด็ก เคยฝันอยากเป็นอะไรกันบ้าง?
บางคนฝันอยากเป็น หมอ นางพยาบาล ดารา นักร้อง นางแบบ หรือนางสาวไทย ก็แล้วแต่ แต่ละคนจะฝันกันไป และหนึ่งในคำตอบนั้น สาวๆ บางคนอาจตอบว่า ชั้นอยากเป็นแอร์ (แอร์โฮสเตส) ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรสำหรับเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความฝันอยากติดปีกเป็นนางฟ้า แต่งตัวแต่งหน้าสวยๆ ทำงานอยู่บนเครื่องบิน แต่คงไม่ใช่สำหรับ คุณเติ้น-รัชนีวรรณ คุณกิตติ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอมรับตัวเองว่าเป็น ทอม ที่น่าจะชอบ หรืออยากทำอาชีพอะไรที่ดูแมนๆ ตามเพศสภาพ มากกว่า อาชีพที่ต้องรักสวยรักงามซึ่งต่างกับบุคลิกของเธอโดยสิ้นเชิง เราจึงอยากรู้ว่า เพราะอะไร ทำไม ถึงอยากเป็น แอร์
มีความฝันอยากเป็น แอร์ ตั้งแต่เมื่อไหร่
ตั้งแต่ตอน ป.6 ได้มั้ง เริ่มแรกอยากเป็นผู้พิพากษาก่อน แต่พอได้ขึ้นเครื่องบินแล้วชอบมาก สามารถนั่งมองได้เป็นวันๆ เหมือนคนบ้าเลยเนอะ (หัวเราะ) ตอนนั้นไม่รู้หรอกนะว่า แอร์(แอร์โฮสเตส) คืออะไร ทำงานกันยังไง จนได้มารู้จัก พี่ๆ แอร์ที่ การบินไทย คนแรกชื่อ พี่กิ๊ก เป็นแฟนของน้า คนที่สอง พี่กุ๊กไก่ ได้รู้จักตอนนั่งเครื่องไปนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น และอีกคนคือ พี่ต้อม ทั้งสามคนเป็นแรงบันดาลใจทำให้อยากเป็นแอร์เลยนะ อ่อๆ อีกคนคือ พี่แบงค์ ธนาคาร เผ่าจินดา สจ๊วตหนุ่มรูปหล่อ คนนี้กรี๊ดมาก บอกเลย
แล้วทำไมถึงอยากเป็น แอร์
เราชอบเครื่องบิน อยากทำงานบนเครื่องบิน ใจจริงเราอยากเป็นนักบินนะ พอรู้จักกับพี่กัปตันคนหนึ่ง แล้วเค้าบอกว่า เป็นนักบินต้องเก่งคำนวณ เลยรู้ตัวเองว่า เราเป็นนักบินไม่ได้หรอก เราไม่เก่งคำนวณ เลยเปลี่ยนความคิด อยากเป็น แอร์ แทน คือทำอะไรก็ได้บนเครื่องบิน คิดอย่างนั้นจริงๆ นะ
แต่ แอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงรักสวยรักงาม แต่งหน้าเก่ง แต่งตัวสวยๆ นะ
คิดว่าชั้นไม่ใช่ ผู้หญิง แบบนั้นเหรอ (หัวเราะ) เห็นแบบนี้ตอนเรียนมหาลัย เราก็แต่งตัวแบบผู้หญิงทั่วไปนะ ใส่กระโปรงนิสิตสั้นๆ ใส่เสื้อตัวเล็กรัดติ้ว ใส่รองเท้า สะพายกระเป๋าแบบที่ผู้หญิงนิยมใช้กันในยุคนั้น เวลาพูดจีบปากจีบคอบ้างเล็กน้อย ถ้าไม่บอกว่าเป็น ทอม ใครจะรู้
เล่าถึงตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ฟังหน่อย
ตอนนั้นก็วางอนาคตอยากเป็น แอร์ แบบจริงจังนะ พอจบมัธยมฯ ก็เลยตั้งใจสอบเข้าคณะที่เกี่ยวข้องกับการบิน สมัยนั้นมหาวิทยาลัยรัฐบาลที่เปิดสอน การท่องเที่ยว การโรงแรม ก็มี ม.เกษตร กับ ม.ขอนแก่น สองที่ที่ดังๆ ที่จริงตอน ม.5 เคยเอนฯ (เอนทรานซ์) เข้า ม.เกษตร ไม่ติดมารอบนึงแล้ว พอจบ ม.6 กลัวเอนฯ ไม่ติดอย่างรุนแรง เลยเลือกสอบเข้าที่ ม.ขอนแก่น ก็ติดนะ แต่เป็นหลักสูตรที่เน้นวิชาบริหารธุรกิจ ต้องเรียนเลขเยอะมาก-ก-ก คิดว่าตัวเองไม่รอดแน่ๆ ไม่เอา ไม่ชอบวิชาคำนวณ (น้ำเสียงจริงจัง) ก็เลยดร็อปเรียน แล้วมาเอนฯใหม่ คราวนี้ติด ม.เกษตร สมใจ (คณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาศิลปาชีพ สาขาวิชาการเดินทางและท่องเที่ยว) แต่ถามว่าหนีเลขพ้นมั้ย บอกเลยว่า ไม่พ้น เจอสองวิชา Stat กับ Accounting โหดมาก-ก-ก แต่ก็จบมาได้
ระหว่างเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ไม่มีวอกแวกอยากทำงานอย่างอื่นบ้างเหรอ
ไม่มีนะ เพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกัน จะรู้ว่าเราอยากเป็น แอร์ และมีความมั่นคงที่จะเป็น แอร์ (น้ำเสียงดูจริงจังมาก) จริงจังสิ แล้วความมุ่งมั่นของเรานี่แหละที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ ดีน เพื่อนที่เรียนด้วยกัน อยากเป็นนักบินเลยนะ อันนี้ ดีน มันมาบอกทีหลัง
ตอนที่ใกล้เรียนจบ ช่วงนั้น ICQ msn pirch hi5 webboard ดังมากๆ เราก็เข้าไปเล่นแล้วได้รู้จักเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่ฝันอยากเป็นลูกเรือการบินไทยเหมือนกัน ใช้ชื่อกลุ่มว่า T-Gang มีกันอยู่ห้าคน พี่ต่าย พี่ต๊ะ พี่ต่อ เติ้น และท้อป ชื่อเล่นของทุกคนขึ้นต้นด้วยตัว T เลยเป็นที่มาของชื่อแก๊ง รักกันมาก-ก-ก ตอนหลังมี เจต มาเพิ่มอีกหนึ่งคน ถึงแม้ชื่อขึ้นต้นไม่ใช่ตัว T แต่นางมีความมุ่งมั่นอยากเป็น ลูกเรือ การบินไทย เหมือนกัน พวกเราจึงลงมติรับเข้าแก๊ง หลังจากนั้น พี่ต่าย หัวหน้งแก๊ง ก็ได้เป็น แอร์การบินไทย คนแรก ตามที่ฝันไว้จริงๆ
ยิ่งสานฝันให้น้องเลยสิ
ใช่ น้องๆ ก็แบบ ต้องเป็นแอร์การบินไทยให้ได้ แล้ว พี่ต๊ะ กับ พี่ต่อ ก็สอบติดการบินไทยรุ่น 2003 ทั้งคู่ ทีนี้ก็เหลือน้องเล็ก ยิ่งทำให้เรามีความมุ่งมั่นมากขึ้น ต้องตามพี่ๆ ไปอยู่การบินไทยให้ครบแก๊ง
แล้วหลังจากเรียนจบ มาสมัครเป็น แอร์ เลยรึเปล่า
พอเรียนจบ การบินไทยก็เกิดวิกฤต ก็เกือบไม่ได้เป็นแอร์แล้วล่ะ
เล่าให้ฟังหน่อยว่าเกิดวิกฤตอะไร
พอเรียนจบ ปี 2004 เป็นช่วงเปิดรับแอร์พอดี แต่เป็นช่วงถกเถียงปัญหาระดับชาติ ประมาณวาระแห่งชาติของการบินไทยว่า จะรับแอร์แบบใหม่ เป็นแบบ outsource ให้บริษัทสยามราชธานีเป็นคนรับ เพราะว่าจะลดค่าใช้จ่ายทุกสิ่งอย่าง นึกออกมั้ยว่า สมัยนั้น ทุกคนที่เรียนมาสายนี้ อยากเป็นแอร์การบินไทยกันทั้งนั้นแหละ เพราะว่า เงินดี สวัสดิการก็ดี ได้ไปต่างประเทศ ได้พักโรงแรมดีดี แต่พอ การบินไทย เปลี่ยนรับคนจาก outsource ก็เท่ากับว่าเราเป็นคนของบริษัทอื่นที่การบินไทยไปจ้างมา (ไม่ถือว่าเป็นพนักงานของการบินไทย) สวัสดิการก็ได้ตามบริษัทนั้นๆ และให้บินแต่ดอม (Domestic บินภายในประเทศ) กับ อินโดไชน่า (หมายถึง แผ่นดินใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบไปด้วย กัมพูชา, ลาว, เวียดนาม, ไทย, พม่า, สิงคโปร์ และคาบสมุทรมลายู) รับเงินเหมาจ่าย ใส่ชุดอีกแบบ เอาไงดีล่ะ คืออยากเป็นแอร์ วันนี้ซิดนีย์ พรุ่งนี้ลอนดอน ไม่ใช่ วันนี้อุดร พรุ่งนี้ขอนแก่น ก็ผิดหวังมาก แต่ทุกคนก็ทำอะไรไม่ได้
แล้วทำไมไม่ไปสมัครสายการบินอื่นล่ะ
ความฝันของเราคือ อยากเป็นแอร์การบินไทยเท่านั้น ไม่อยากทำสายการบินอื่น ถ้าไม่ได้เป็นแอร์การบินไทย ก็ไม่ทำแล้วล่ะ คิดอย่างนั้นจริงๆ คือ inspiration ของเราเป็นแอร์การบินไทยทั้งสามคน เข้าใจป่ะ (น้ำเสียงจริงจังอีกแล้ว เข้าใจก็ได้) และความฝันอีกอย่างก็คือ อยากมีแฟนเป็นแอร์การบินไทย (หัวเราะลั่น) (นั่น นั่น คิดไว้แล้วเชียว ยังไม่ทันจะถาม เจ้าตัวก็พูดออกมาเองซะก่อน)
สุดท้ายได้ไปสมัครมั้ย
ก็เกือบไม่ได้ไปนะ ตอนเปิดรับสมัครตรงกับช่วงตรุษจีนพอดี ช่วงนั้นว่างงานไม่มีรายได้ ก็ไปรับอั่งเปาสิคะ รออะไร ไปใช้ชีวิตอยู่กับพี่ป้าน้าอาที่ขอนแก่น ตอนนั้น ท้อป(เพื่อน T-Gang) นางก็ไปสมัครก่อน ส่วนเราก็นอนอยู่บ้านที่ขอนแก่น แต่สุดท้ายนางไม่ยอม จิกเราขึ้นเครื่องบินกลับมากรุงเทพฯ ก่อนวันสมัคร วันสุดท้าย 1 วัน จำได้ว่าเครื่องลงบ่ายแก่ๆ นางขับรถมารับที่สนามบิน พาไปซื้อชุด ซื้อถุงน่อง ชั้นก็เดินลอยไปลอยมา จน ท้อป งอนว่าชั้นไม่สนใจ เลยสะบัดบ๊อบกลับคอนโด (คุยไปคุยมาคนเล่าเริ่มจีบปากจีบคอ เสียงเริ่มจิก เปลี่ยนสรรพนามจาก เรา เป็น ชั้น นางเป็น ทอม แน่รึ ยอมใจนางจริงๆ)
แล้วตอนเช้ามีเพื่อนอีกคนมาช่วยแต่งหน้าให้ เพราะดิชั้นแต่งหน้าไม่เป็นค่ะ พอเสร็จ ท้อป ก็ไปส่งที่กองทัพอากาศ (สถานที่รับสมัครในตอนนั้น) ไปถึงก็ยื่นเอกสาร วัดส่วนสูง-น้ำหนัก แล้วคนวัดจะประกาศว่าผ่านหรือตก นางก็มองชั้นนานมาก-ก-ก คิดในใจว่า จะผ่านเปล่าวะ นางกดให้ชั้นเตี้ยจัง รึว่าชั้นอ้วน(สตั๊นตัวเองไป 3 วิ) สมัยนั้นใช้เกณฑ์ -110 ไม่ใช่ BMI ไง ก็ลุ้นๆ อยู่ แล้วนางก็ประกาศว่า ผ่าน ชั้นก็สะบัดบ๊อบใส่ คนมันจะได้เป็นแอร์อ่ะนะ (หัวเราะลั่น)
คุณพ่อรู้หรือเปล่าว่า ลูกสาวไปสมัครแอร์การบินไทย
รู้ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เค้าก็ตามใจ อยากทำไร…ทำ อยากเป็น ทอม ก็เป็น จริงๆ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยชั้นก็เฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรเลยนะ ที่คณะก็มีผู้หญิงห้าวๆ เยอะแยะ พ่อก็คงไม่คิดอะไรมั้ง ชั้นเดาเอง
คือที่บ้านยอมรับ?
ชั้นไม่รู้ว่ายอมรับรึเปล่านะ ช่วงแรกเค้าก็ศึกษาจากรายการทีวี แม่มาบอกว่าพ่อตั้งใจดูมาก เค้าก็คงรู้และทำความเข้าใจมานานแล้วล่ะ แต่เค้าก็ไม่ว่าอะไร
หลังจากสมัครไปแล้วได้สอบสัมภาษณ์วันนั้นเลยรึเปล่า
ยังนะ รอเรียกสัมภาษณ์อีกที วันสอบสัมภาษณ์ เค้าจะให้อาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาเป็นกรรมการ เรียกเข้าไปเป็นชุดๆ ไปนั่งรอหน้าห้องซึ่งไม่มีประตูกั้น แล้วก็ไม่รู้จะได้เข้าห้องไหน ชั้นก็มองเข้าไป ทันใดนั้น … ชิบหายละ กรรมการท่านนั้น อาจารย์ที่ปรึกษากรู (หัวเราะ)
คราวนี้นั่งไม่เป็นสุขแล้วสิคะ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะดีใจที่ได้เจออาจารย์ที่ปรึกษา แต่ชั้น…ไม่ คือ ถ้าอาจารย์ที่รู้ไส้รู้พุงชั้นหมดแล้ว ถามในสิ่งที่เคยเรียนมา จะตอบยังไง ลืมไปหมดแล้ว-ว-ว พอคิดเหงื่อก็เริ่มแตก ได้แต่ภาวนา ขอให้ได้ห้องอื่นทีเห๊อะ แล้วบุญก็นำพาค่ะ ได้เข้าห้องที่มีกรรมการเป็นฝรั่ง น่าจะมาจาก ม.กรุงเทพ ถ้าจำไม่ผิด แล้วชั้นก็เดินออกมาด้วยความโล่งอก กลับบ้านไปรอฟังผล
แล้วผลเป็นไง สอบติดใช่มั้ย?
ติดสิคะ แต่เรื่องข้อถกเถียงในบริษัทยังไม่จบ รุ่นเราเลยถูกดอง ไม่รู้กำหนดเทรน เกือบๆ สองปี (สมัครปี 2004 ถูกเรียกตัวอีกทีปี 2006) สุดท้าย หลังจากการบินไทยเคลียร์ปัญหาจบแล้ว สรุปคือ ยกเลิกจ้างแอร์จาก Outsource แล้วรับเองเหมือนเดิม
เนื่องจากดองเค็มเด็กรุ่นนี้ไว้นาน การบินไทยเลยเชิญไปดูตัวและสอบสัมภาษณ์อีกครั้งที่สำนักงานใหญ่ คือเรียกไปดูว่า ยังผอมสวยเหมือนเดิมมั้ย บอกเลยตอนนั้นเป๊ะมาก (หัวเราะร่า) ในที่สุดชั้นก็ได้เป็นแอร์สมใจ
หลังจาก เติ้น ได้เป็นนางฟ้าสมใจแล้ว เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง เธอมีเรื่องสนุกๆ มาเม้าท์ให้เราฟัง…คลิกอ่าน เรื่องเล่า เม้าท์กันหลังเครื่อง
Interview : ธนกฤต ชัยสุวรรณถาวร
Photo : วาระ สุทธิวรรณ, ภาพเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คของ เติ้น
Location : ร้าน Bricks & Bone รามคำแหง 24 แยก 20