…การทำขนมมันก็แค่ลองทำ ผิดก็ค่อยปรับ แต่บางคนแค่มันไม่สวยก็เฟลแล้ว สองว่าขนมแค่กินได้ก็โอเค ความสวยไม่สวยเอาไว้ปรับทีหลังได้
เมื่อ ‘ความรักในการทำขนม’ มาผสานกับ ‘งานดีไซน์’ และ ‘ฝีมือการวาดภาพ’ จนได้ขนมหวานหน้าตาน่ารักที่เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆ จนทำให้ instagram ที่มีชื่อว่า Song Sweet Song ได้รับความนิยมจากเหล่า Sweet Lover จนมียอด Follow มากถึง 139K วันนี้เราจึงไม่พลาดที่จะออกไปตามล่าชวน คุณสอง – ทรรศนพร รัตนโกเศรษฐ Sweets Lover, Baker, Interior designer และเจ้าของ IG @songsweetsong มาจับเข่าพูดคุยแบบเป็นกันเองถึงความสุขของการรังสรรค์ขนมหวานหน้าตาน่ารักที่ลงใน IG ให้เราได้อมยิ้มทุกครั้งที่ได้เห็น
• คุณสองเริ่มทำขนมหน้าตาน่ารักแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
หากเริ่มจริงๆ เลยคือ เริ่มจากทำเล่นๆ ช่วงที่เรียนสถาปัตย์ฯ คือพอเวลาสองคิดงานไม่ออกก็หาทางออกอื่นๆ ถ้าไม่นอนก็จะมาจบลงที่ทำขนม ได้ทำด้วยได้กินด้วย ทำแรกๆ ก็พลาดอยู่ เพราะอ่านสูตรจากหนังสือแล้วมาทำ มันไม่ใช่แบบที่มโนไว้ ก็เลยปรับสูตรมาเรื่อยๆ เริ่มจากทำแบบขำๆ แล้วหันมาจดสูตรแบบจริงจัง อีกอย่างคุณแม่เคยไปเรียนทำขนมมาเหมือนกัน ที่บ้านก็เลยมีอุปกรณ์ครบหมด เพราะคุณแม่ซื้อมากะว่าตัวเองจะทำ แต่ก็ไม่ได้ทำ สองก็เลยเอามาทำเล่นเอง (หัวเราะ)
• หลังจากนั้นคุณสองก็เริ่มทำขนมน่ารักๆ แบบจริงจังเลยไหม?
เริ่มทำแบบจริงจังเลยคงเป็นหลังกลับมาจากญี่ปุ่น คือสองเรียนจบปริญญาตรีปุบก็ได้ทุนวิจัยไปเรียนที่ญี่ปุ่น 1 ปี พอไปอยู่ที่โน้นก็ได้เห็นขนมน่ารักๆ ของญี่ปุ่นเยอะแยะ แต่อยู่โน้นก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีอุปกรณ์ จะซื้อใหม่ก็กระไรอยู่เพราะอยู่แค่ปีเดียวเอง พอกลับมาไทยก็เริ่มทำแบบจริงจัง อีกอย่างเพราะบริษัทที่ทำงานอยู่ใกล้บ้าน สองเลยมีเวลาเหลือที่จะทำขนม พอเราเริ่มทำก็ถ่ายรูปลง IG ก็มีคนมา Follow เรื่อยๆ เราก็อยากทำไปเรื่อยๆ
• แล้วตอนที่ถ่ายรูปลง IG เคยคิดไหมว่าจะมีคนมา Follow เยอะแยะแบบนี้?
คือจริงๆ ตอนแรกทำลงแค่เฟซบุ๊ก ลงเองแบบขำๆ แค่มีคนมากดไลค์ 10 ไลค์ก็กรี๊ดมีความสุขแล้ว จนมีน้องที่ติด IG มาบังคับให้ญาติๆ สมัคร สองก็เลยเริ่มหันมาเล่น IG แล้วลงรูปเรื่อยๆ ตอนนั้นสองก็ไม่ได้คิดว่าจะมีคนมาตามเยอะ เพราะจุดประสงค์แรกที่เล่น IG เพราะน้องอยากให้มีคนมา Follow เท่านั้นเอง
• รู้มาว่าคุณสองมีอาชีพเป็น Furniture Designer แล้วคุณสองเชื่อมงานอดิเรกเข้ากับงานหลักอย่างไร?
ทั้งสองงานก็เหมือนกันนะคะ เพราะเราออกแบบเฟอร์นิเจอร์ เราต้องสเก็ตภาพก่อนว่าเราจะทำแบบไหน ก็เหมือนกับเวลาสองจะทำขนม สองก็สำรวจในตู้เย็นว่าเหลืออะไรบ้าง แล้วก็จดๆ ว่าเหลือวัตถุดิบอะไร แล้วมันพอจะเอามาทำอะไรได้บ้าง อย่างบางทีสองก็แค่คิดว่าวันนี้เราจะทำคาแรคเตอร์การ์ตูนดิสนีย์ สองก็จะสำรวจวัตถุดิบแล้วร่างภาพว่าต้องใช้อะไรบ้าง สีนี้ใช้ช็อคโกแลตแทนได้ไหม อะไรแบบนี้ คือมันจะต้องมีการสเก็ตดีไซน์คร่าวๆ เหมือนกัน
• ขนมแต่ละเมนู คุณสองได้ไอเดียหรือแรงบันดาลใจจากไหน?
ถ้าสองไม่ได้ดูว่าในตู้เย็นเหลืออะไรบ้าง สองก็จะได้ไอเดียจากคาแรคเตอร์ของตัวการ์ตูน อย่างตัวนี้มีคาแรคเตอร์แบบฟูๆ พองๆ เราก็เลือกทำขนมออกมาให้ดูพองๆ คือสองก็จะดูว่าทำขนมอะไร ต้องใช้ส่วนผสมไหนที่ทำให้ได้ขนมลุคนี้ เพราะแต่ละเมนูมันไม่จำเป็นต้องทำตามสูตรแบบเป๊ะๆ เวลาทำไปเรื่อยๆ เราก็จดเอาไว้ เวลาจดไว้เราก็ได้สูตรใหม่ๆ หรือภาคตกแต่งเราก็ปรับไปได้เรื่อยๆ
เรื่องสูตรขนมสองก็จะมีสูตรเบสิก อย่างคุกกี้ก็จะมีสูตรเบสิกว่าต้องใส่อะไรเท่าไร บางทีเราอยากให้คุกกี้มีความนิ่ม ซึ่งความนิ่มอยู่ที่เนย เราก็แค่เพิ่มเนยเข้าไป มันไม่ค่อยมีหรอกที่ทำแล้วทานไม่ได้เลย
• เคยมีคนมากล่าวหาว่าขนมของคุณสองเป็นงานก๊อปปี้บ้างไหม?
สองไม่ค่อยจะโดนเรื่องนี้นะ คือถ้าเป็นคนอื่น เขาก็จะเริ่มด้วยการเห็นภาพขนมน่ารักๆ ของคนญี่ปุ่น แล้วเขาก็ทำตาม ซึ่งมันก็ได้ชื่อแค่ว่าทำได้ เขาไม่ได้ครีเอทสิ่งใหม่ เขาแค่เห็นแล้วทำตามให้เหมือน เขาก็ดีใจแล้วว่าเขาทำได้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำขึ้นเอง
แต่ของสองจริงๆ แล้วเนี่ย สองจะคิดจะดูจากลักษณะทางกายภาพของขนม เช่น เมนู Spider Web Waffle คือปัจจุบันมันก็มีคนทำเยอะนั่นแหละ ของสองก็อาจจะไปเหมือนกับของใครบ้างก็ได้ โดยที่เราไม่รู้และไม่ได้ตั้งใจจะเหมือนเขา แต่เมนูนี้สองแค่มองดูว่าตัวใยแมงมุมมันเป็นรู แล้วแม่พิมพ์วาฟเฟิลเนี่ยมันก็มีรูๆ ถ้าเราเทเต็มมันก็จะเป็นแผ่นๆ แต่ถ้าเทไม่เต็มมันจะเป็นอย่างไร เราก็เลยลองเทไม่เต็มแม่พิมพ์ก็แค่นั้น ขนมของสองมันจึงไม่ได้เหมือนขนาดนั้น มันก็แค่เป็นกิมมิกที่คล้ายกัน อาจจะไปซ้ำกับใครก็ไม่รู้ แต่สำหรับสองแล้วสองคิดว่ามันเป็นสิ่งใหม่ เลยจะไม่ค่อยโดนว่าไปก็อปเขามา เพราะมันไม่ค่อยมี
แล้วอีกอย่างสองไปเรียนญี่ปุ่นมา สองรู้ว่าคนญี่ปุ่นเขาใส่ใจกับรายละเอียด คือเบนโตะกล่องนึงมีอะไรบ้าง เหมือนเขาคิดมาแล้วทุกดีเทล สองก็เลยเอาข้อดีของเขามาปรับใช้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะก็อปของเขามาทั้งหมด อย่างสองลองทำขนมญี่ปุ่น เป็นบัวลอยอะค่ะ ซึ่งจริงๆ มันคือดังโงะแป้งหนึบที่ต้องใช้แป้งญี่ปุ่นทำ แต่พอกลับมาไทยมันก็ไม่มีขาย เราก็ลองใช้แป้งข้าวเหนียวดู แท็กเจอร์ที่ได้มันอาจจะต่างกันนิดนึง แต่ก็แค่นิดเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก เราก็เอามาปรับๆ ดูว่าวัตถุดิบในท้องตลาดเรามีอะไรบ้าง ใช้อะไรแทนได้บ้าง
• แสดงว่านอกจากการครีเอทการตกแต่งและดีไซน์ขนมแล้ว คุณสองยังต้องครีเอทวัตถุดิบที่ใช้ด้วย?
ใช่ค่ะ ต้องครีเอทหน้าตาให้น่ารักแบบที่เราชอบแล้ว บางครั้งสองก็ลองปรับเปลี่ยนวัตถุดิบที่ใช้ด้วย สองเคยลองทำมาการองซึ่งก็ไปไม่ค่อยรอด (หัวเราะ) คือจริงๆ แล้วมาการองส่วนใหญ่ใส่อัลมอนด์ แต่อัลมอนด์มันแพง ก็เลยลองเอาถั่วอย่างอื่นแทน ผลลัพธ์ก็พอได้อยู่ แต่ถั่วที่ใช้อาจจะบดละเอียดเกินไป เนื้อขนมก็เลยไม่แน่น ซึ่งสองก็จะจดเอาไว้ อีกหน่อยก็จะได้ไม่ทำอีก ซึ่งสองก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ละกัน
• คุณสองคิดว่าหัวใจสำคัญของการทำขนมอยู่ตรงไหน?
สำหรับสองแล้ว สองเริ่มจากไม่ได้ตั้งใจมากมาย แค่ตั้งใจจะทำมากินเอง ทำออกมาสวย ไม่ได้ไปลงเรียน เพราะเราไม่ได้อยากเปิดร้าน แต่ทำเพื่อเป็นงานอดิเรก สองเลยเริ่มจากอ่านหนังสือเอง ปรับสูตรเอง จนรู้สึกว่าเฮ้ย! มันสนุกดี แต่บางคนที่ทำแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย! ไม่เห็นเหมือนในรูป ไม่เห็นเหมือนในหนังสือ เขาก็จะท้อแล้ว แต่จริงๆ แล้วคือมันทานได้อยู่ อย่างบางทีคุกกี้ในสูตรมันเป็นคุกกี้กรอบ แต่เราทำออกมาแล้วนิ่ม มันก็กินได้ มันไม่ได้เป็นข้อผิดพลาดขนาดนั้น บางคนเจอข้อผิดพลาดก็แบบไม่ทำแล้ว
บางคนที่สองฟังเขาเล่ามา เขาบอกว่าอ่านหนังสือแล้วทำเอง มันไม่โอเค มันทำไม่ได้ แต่สองว่าที่จริงไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ เพราะไม่ใช่ว่าทำครั้งแรกปุบก็จะทำได้เลย คือสองเคยเห็นคอมเม้นท์บนเว็บหนึ่งที่เขาสอนทำขนมถ้วยฟูที่มีรูปวาด สองไปอ่านในคอมเม้นท์ เขาเขียนว่าทำเหมือนสูตรเลยค่ะ แต่หน้ามันไม่แตก แต่สองว่ารูปที่ถ่ายออกมาสวยมากเลยนะคะ แค่หน้าขนมไม่แตกเท่านั้นเอง แต่จริงๆ แล้วขนมมันฟูแล้ว กินได้แล้วและสวยแล้ว แต่เขาก็รู้สึกเฟลแล้วเสียใจแล้ว สองคิดว่าคนไทยกลัวที่จะแตกต่างจากคนอื่น เพราะจริงๆ แล้วขนมเนี่ยทำแล้วสามารถกินได้ก็โอเคแล้ว ความสวยมาทีหลัง อันนี้คือทานได้แล้ว แต่เขาทำออกมาแล้วมันไม่เหมือนกับคนอื่นก็คือผิดแล้วอะ
สำหรับใครที่คิดจะทำขนม สองก็อยากให้ลองลงมือทำก่อน ก็แค่ทำ บางคนยังไม่ทันได้ลงมือทำเลยก็ไลน์มาถามแล้วว่า มันต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไหม บางทีคนที่ลองทำแล้วไม่ได้จริงๆ ก็โอเค สองก็จะบอกเท่าที่สองรู้ เท่าที่สองแนะนำได้ บางคนถึงขั้นถามว่าใช้หม้อนึ่งขนาดเท่าไร น้ำต้องเดือดกี่นาที หรือบางคนก็ถามว่าจะอบเค้กคือแบบต้องเปิดเตาเอาไว้ก่อนไหม คือสองไม่เคยลงดีเทลอะไรขนาดนั้น สองเป็นคนทำอะไรให้ง่ายไว้ก่อนและค่อยมาปรับตอนทำ อย่างคุกกี้ที่บอกว่าใช้เวลาอบ 8-10 นาที แต่บางทีมันก็ไม่ได้ ถาดต่อไปเตามันร้อนแล้ว เราก็ต้องไปนั่งจ้องมัน ไปปรับเอาตรงนั้น การทำขนมมันก็แค่ลองทำ ผิดก็ค่อยปรับ แต่บางคนแค่มันไม่สวยก็เฟลแล้ว สองว่าขนมแค่กินได้ก็โอเค ความสวยไม่สวยเอาไว้ปรับทีหลังได้
• แล้วคุณสองเคยโดนคนอื่นวิจารณ์แล้วรู้สึกเฟลบ้างไหม แล้วทำยังไงคะ?
เคยนะ แล้วก็รู้สึกเฟลด้วย แต่สองก็เข้าใจว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางทีสองทำตามสูตรชื่อดัง ทำเสร็จปุบเอาไปให้คนอื่นชิม บางคนเขาก็บอกว่าเค็มไป แล้วสองก็จะโดนตราหน้าว่าเราทำขนมเค็ม (หัวเราะ) แต่ว่าเราทำตามสูตรนะ พอลดวัตถุดิบลงมา บางคนเขาก็บอกว่าไม่อร่อยอีก คือมันต้องหาจุดกึ่งกลางเพราะเราจะทำให้ทุกคนชอบก็คงไม่ได้ เอาที่เราชอบแล้วกัน (หัวเราะ)
• คุณสองมีแผนที่จะเปลี่ยนงานอดิเรกนี้ให้กลายเป็นงานหลักบ้างไหม?
สองเคยรับออเดอร์คุกกี้นะคะ คือหลังจากเปิด IG ตอนนั้นใกล้วาเลนไทน์พอดี น้องคนเดิมนั่นแหละก็เปิดรับออเดอร์จากเพื่อนๆ ที่มหาลัยมาให้สอง สองก็เลยเริ่มทำ พอเราทำเราก็ถ่ายรูปขนมที่ทำเนี่ยแหละลง IG เรื่อยๆ คนจากข้างนอกเขามาเห็นก็สั่งบ้าง ทำประมาณปีหนึ่ง แต่มาหยุดทำตอนทำหนังสือ จริงๆ แล้วมันไม่มีเวลาด้วย เพราะสองทำได้แค่เสาร์-อาทิตย์ก็เลยไม่มีเวลาทำตามออเดอร์ตามที่เขาอยากได้ เช่น ติดต่อวันนี้ อยากได้อีกสามวัน บางทีเราก็ทำให้ไม่ได้ เพราะไม่มีเวลา สองก็เลยพักไว้ก่อนจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับ แล้วก็เลยเปลี่ยนมาเป็นจัดเวิร์คช็อปแทน ซึ่งเราสามารถกำหนดเวลาจัดตารางเรียนวันเสาร์-อาทิตย์ได้ ง่ายกว่าการทำออร์เดอร์
แล้วตอนนี้สองก็กำลังจะทำร้านเป็นของตัวเอง เป็นคาเฟ่ที่เสิร์ฟำขนมน่ารักๆ ในร้านสองก็จะแบ่งสเปซให้จัดเวิร์คช็อปด้วย ซึ่งสามารถสอนได้มากขึ้น เพราะจริงๆ ตอนนี้เปิดสอนได้แต่คุกกี้ แต่พอมีร้านเป็นของตัวเองก็คิดว่ามันน่าจะสอนอย่างอื่นได้นอกจากคุกกี้ เพราะว่าเรามีสเปซเราก็ทำได้เยอะขึ้น
• ในอนาคตนอกจากขนมแนวญี่ปุ่นน่ารักๆ ที่เห็นใน IG แล้วคุณสองได้วางแผนทำขนมอื่นๆ ดูบ้างไหม?
จริงๆ แล้วสองอยากจะทำขนมไทยให้มันน่ารัก หลังจากที่ไปอยู่ญี่ปุ่นมา สองก็คิดว่าคือคนไทยไปคลั่งไคล้ประเทศเขามาก ทั้งๆ ที่เราก็มีความสามารถทำนะ สองก็เลยอยากเอาขนมไทยมาทำให้น่ารักขึ้น แต่คงต้องรอก่อนเพราะสูตรขนมไทยมันไม่ได้ง่าย เมื่อหลายวันก่อนที่สองลองทำข้าวเหนียวมะม่วง …อืม อยากเรียกว่าทำเลยดีกว่า เพราะข้าวเหนียวไปซื้อเขามา (หัวเราะ) แต่พอมาลองทำลองแต่งมันก็ออกมาโอเคนะคะ ต่อๆ ไปก็คงจะลองทำขนมไทยอื่นๆ ไปเรื่อยๆ อยากแบบว่าเฮ้ย! ประเทศไทยก็ทำได้นะ ส่วน IG ตอนนี้สองก็อยากทำไปเรื่อยๆ เห็นคนอื่นมาดูแล้วมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย
ปิดท้ายกันได้ด้วยภาพ Royal Icing Cookies คุกกี้ที่มาพร้อมดีไซน์น่ารัก ซึ่งคุณสองได้สาธิตให้เราได้ชม ซึ่งคุกกี้นี้ใช้ทักษะด้านการวาดรูปซึ่งเป็นสิ่งที่ถนัดที่สุดมาช่วยให้คุกกี้หน้าตาธรรมดากลายเป็นคุกกี้หน้าตาน่ารักจนไม่กล้าหยิบมาทานกันเลยทีเดียว!