ตามรอยพระบาท, 70 เส้นทางตามรอยพ่อ, 70 เส้นทางตามรอยพระบาท, ททท, นครปฐม, พระปฐมเจดีย์, ราชบุรี, ถ้ำจอมพล, ถ้ำฤาษีเขางู, สุพรรณบุรี, วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร, ถ้ำลับแล, โบราณสถานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ, อยุธยา, ตลาดลาดชะโด, ทุ่งมะขามหย่อง, พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย

ใช้วันหยุดช่วงสั้นๆ เที่ยวตามรอยพ่อ 2 วัน 4 จังหวัด

ตามรอยพระบาท, 70 เส้นทางตามรอยพ่อ, 70 เส้นทางตามรอยพระบาท, ททท, นครปฐม, พระปฐมเจดีย์, ราชบุรี, ถ้ำจอมพล, ถ้ำฤาษีเขางู, สุพรรณบุรี, วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร, ถ้ำลับแล, โบราณสถานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ, อยุธยา, ตลาดลาดชะโด, ทุ่งมะขามหย่อง, พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย
ตามรอยพระบาท, 70 เส้นทางตามรอยพ่อ, 70 เส้นทางตามรอยพระบาท, ททท, นครปฐม, พระปฐมเจดีย์, ราชบุรี, ถ้ำจอมพล, ถ้ำฤาษีเขางู, สุพรรณบุรี, วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร, ถ้ำลับแล, โบราณสถานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ, อยุธยา, ตลาดลาดชะโด, ทุ่งมะขามหย่อง, พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย

เห็นหน้าฟีดเฟซบุ๊กที่เพื่อนๆ ต่างลงรูปท่องเที่ยวอย่างมีความสุขในช่วงนี้ ทำให้เรารู้สึกอยากตามไปเที่ยวด้วย แต่ด้วยภาระงานที่รุมเร้าและจังหวะเวลาที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้คนทำงานอย่างเราๆ ไม่อาจปลีกตัวเดินทางไปท่องโลกกว้างได้อย่างที่ใจคิด

แต่เดี๋ยวก่อน! ใช่ว่าเราจะหมดหนทางที่จะออกไปพักผ่อน รับลมเย็นๆ กันซะทีเดียว เพราะว่าวันนี้ FAVFORWARD ได้จัดทริป พร้อมกับชวนคุณเดินทางไปเปิดโลกกว้างที่ใช้เวลาไม่มาก แต่รับรองว่าสนุกและทำให้เพื่อนๆ เกิดอาการอิจฉาได้ กับการเดินทางที่ใช้ชื่อว่า “ใช้วันหยุดยาวช่วงสั้นๆ เที่ยวตามรอยพ่อ 2 วัน 4 จังหวัด” นั่นเอง

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าทริปนี้จัดขึ้นสำหรับคนทำงานที่ไม่มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวันในการเดินทางไปท่องเหนือและล่องใต้ เราจึงขอคัดสรรค์จังหวัดในเขตภาคกลางที่รับรองว่ามีดีไม่แพ้แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ มานำเสนอ โดยทริปนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก ‘การท่องเที่ยวแห่งประเทศ’ (ททท.) ที่ได้จัดทำโครงการและหนังสือ ‘70 เส้นทางตามรอยพระบาท’ ขึ้นมาเป็นไกด์ให้นักเดินทางผู้ไม่มีเวลาอย่างเราได้ออกไปชมของดีของเมืองไทย

…ดาวน์โหลดหนังสือฟรี ได้ที่นี่ 70waysofking.tourismthailand.org

** อย่าลืมกดรูปภาพ เพื่อชมภาพไซส์ใหญ่แบบเต็มอิ่ม **


ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า

• นครปฐม

“วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร” หรือ “พระปฐมเจดีย์” คือสถานที่แรกที่เราจะพาคุณไปเยือน เพื่อให้คุณได้นมัสการพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระโคตมพุทธเจ้า ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระอารามหลวงแห่งนี้ และชมพระสถูปเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินในขณะทรงผนวช เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2499 และเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2524

นอกจากพระเจดีย์ใหญ่รูประฆังคว่ำซึ่งมีฐานะเป็นมหาธาตุหลวงของแผ่นดินสุวรรณภูมิแล้ว สถาปัตยกรรมแบบไทยของพระปฐมเจดีย์แห่งนี้ยังคงงดงามและสง่า พร้อมกับบรรยากาศเงียบสงบของสถานที่ โดยเฉพาะระเบียงแก้วสองชั้นที่โอบล้อมรอบพระปฐมเจดีย์ อีกทั้งบริเวณพระปฐมเจดีย์ยังมี “ถ้ำลับแล” และ “ถ้ำตะเคียนทอง” ให้เราได้ลงไปสำรวจ พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานภายในถ้ำอีกด้วย

หลังจากนมัสการและสำรวจความงดงามของพระอารามหลวงชั้นเอกกันแล้ว อย่าลืมแวะทานข้าวกลางวันกับร้านเก่าแก่ชื่อดังของจังหวัดอย่างร้าน ‘ตั้งฮะเส็ง’ ร้านข้าวหมูแดงชื่อดังที่มีให้เราเลือกชิมตั้งแต่ ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ข้าวหน้าเป็ด และก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ ส่วนความอร่อยการันตีได้จากจำนวนลูกค้าที่ตบเท้าเข้าร้านไม่ขาดสาย


คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม ตลาดน้ำดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี

• ราชบุรี

เมื่ออิ่มหนำกับของอร่อยในจังหวัดนครปฐมกันแล้ว ก็ได้เวลาออกรถไปเยือนจังหวัดต่อไป นั่นก็คือจังหวัดราชบุรี กับการไป ‘ตื่นใจถ้ำงาม’ อย่าง “ถ้ำจอมพล” ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณสวนรุกขชาติจอมพล ความพิเศษของแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ แน่นอนว่านอกจากการได้ผจญภัยในถ้ำขนาดใหญ่ที่มีความกว้างถึง 30 เมตรและยาว 25 เมตรแล้ว คือบรรดาลิงทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ที่อยู่มากมาย นอกจากความซนและขี้สงสัยของเจ้าจ๋อที่ชวนให้เรานึกเอ็นดูแล้ว การได้ปีนป่ายไปชมความงามที่ธรรมชาติรังสรรขึ้นก็เป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาดของถ้ำจอมพล

โดยเฉพาะหินงอกหินย้อยที่มีรูปร่างต่างๆ พร้อมกับความหลากหลายของชื่อ อาทิ ธารศิลา สร้อยระย้า แส้จามรี ท้องพระโรง ฯลฯ อีกทั้งภายในถ้ำยังมีปล่องกลางถ้ำ ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายเทอากาศ ทำให้ภายในถ้ำไม่อึดอัดหรือร้อนจนเกินไป โดยเฉพาะยามที่แสงแดดส่องเข้ามาถ้ำผ่านปล่องนี้ยิ่งขับให้ถ้ำแห่งนี้งดงามยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ถ้ำจอมพลยังเป็นถ้ำที่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เคยเสด็จประพาสและทอดพระเนตรบ่อยครั้ง โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จประพาสถ้ำและทรงเยี่ยมราษฎร เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2499 รวมทั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารก็เคยเสด็จประพาสถ้ำจอมพลเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันจึงปรากฏพระปรมาภิไธยย่อ “จปร” “ภปร” และ “มวก” อยู่บริเวณผนังปากทางเข้าถ้ำ

และหากยังพอมีเวลาก่อนจะเช็กอินเข้าพัก เราอยากแนะนำให้คุณเดินทางไปนมัสการพระพุทธฉาย ณ “ถ้ำฤาษีเขางู” ซึ่งตั้งอยู่ในสวนสาธารณะเขางู ต.เกาะพลับพลา แหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะทวารวดี โดยเฉพาะบนยอดเขางูซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำฤาษี โดยบริเวณปากทางเข้าโดดเด่นด้วยรอยพระพุทธรูปขนาดใหญ่ อันเป็นศิลปะสมัยทวารวดี นั่งห้อยพระบาทในปางแสดงธรรมเทศนาจำหลักบนผนัง ซึ่งรู้จักกันทั่วไปว่า ‘พระพุทธฉายถ้ำฤาษีเขางู’ นั่นเอง เมื่อเดินเข้าไปภายในถ้ำจะพบกับพระพุทธรูปหินทรายศิลปะสมัยอยุธยาจำนวนมาก นอกจากนี้ใกล้ๆ กันกับถ้ำฤาษีสามารถเดินไปสักการะรอยพระพุทธบาทจำลองที่ทำด้วยศิลาแลงได้อีกด้วย


เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง

• สุพรรณบุรี

หลังจากนอนเต็มอิ่ม เติมพลังด้วยอาหารเช้ากันแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อ โดยจุดหมายต่อไปก็คือจังหวัดสุพรรณบุรี เมืองต้นกำเนิดวรรณคดีเรื่องดังอย่างขุนช้างขุนแผน โดยสถานที่แรกที่เราไปเยือนในจังหวัดนี้คือ “วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร” วัดเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งคาดว่ามีอายุราว 1200 ปี พร้อมกับนมัสการ ‘หลวงพ่อโต’ พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ซึ่งมีขนาดใหญ่ และร่วมทำบุญในพิธีห่มผ้าจีวรหลวงพ่อโต เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากนี้ภายในวัดยังฉากภาพวาดวรรณคดีขุนช้างขุนแผนสำหรับให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พร้อมเล่าเรื่องขุนช้างขุนแผนที่คนรักวรรณคดีไม่ควรพลาด

โดยเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2498 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินนมัสการหลวงพ่อโต และทรงชักผ้าห่มถวายองค์หลวงพ่อโต

ต่อกันด้วยการไปเยี่ยมชม “โบราณสถานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ” ซึ่งแม้จะอยู่ในช่วงบูรณะซ่อมแซมจากกรมศิลปากร แต่เราสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ โดยวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรีนี้เป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองที่ตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์กลางของเมืองโบราณสุพรรณบุรีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น โดยจุดเด่นของที่นี่คือ ‘เจดีย์ทรงปรางค์’ ที่ชวนให้เราคิดถึงโบราณสถาน ณ จังหวัดอยุธยานั่นเอง โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478 อีกด้วย


ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา

• อยุธยา

จังหวัดสุดท้ายของทริป เราก็ขอชวนคุณไปเยือนเมืองเก่าอย่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวกันที่ “ตลาดลาดชะโด” ตลาดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 100 ปี เพื่อชมวิถีริมน้ำของชาวลาดชะโด พร้อมกับชิมขนมโบราณรสดั้งเดิม อาทิ กะหรี่ปั๊บสูตรโบราณที่คุณลุงเจ้าของสูตรนวดแป้ง จับจีบ และทอดให้เห็นกันแบบไม่หวงสูตร สำหรับตลาดลาดชะโดหลายคนรู้จักจากประเพณีงานแห่เทียนพรรษาทางน้ำ ซึ่งเป็นการสืบสานประเพณีเก่าแก่หนึ่งเดียวในไทยให้คงอยู่คู่กับความเป็นเอกลักษณ์ของตลาดลาดชะโดนั่นเอง

โดยในวันที่เราไปเยือนตลาดแห่งนี้ (4 ธ.ค. 59) ชาวลาดชะโดได้จัด ‘พิธีแห่เรือถวายอาลัยแด่พ่อหลวง’ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นการแห่เรือด้วยความจงรักและภักดีที่ยิ่งใหญ่และคงเอกลักษณ์ของวิถีริมน้ำของชาวลาดชะโดได้อย่างงดงาม และเราก็พลาดที่จะเก็บภาพมาฝากคุณผู้อ่านอีกเช่นเคย

และเมื่อมาเยือนอยุธยา ก็ต้องไม่พลาดที่จะตามรอยพระบาท ณ “ทุ่งมะขามหย่อง” เพื่อชมแก้มลิงพระราชทานแห่งแรก โดยเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย เพื่อทรงเยี่ยมเกษตรกรและทอดพระเนตรความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกี่ยวกับการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ เพื่อส่งน้ำให้กับเกษตรกรใช้ในฤดูแล้ง และแก้ปัญหาน้ำท่วม

สำหรับทุ่งมะขามหย่อง นอกจากจะเป็นพื้นที่แก้มลิงที่สามารถจุน้ำได้ถึง 2,100,000 ลูกบาศก์เมตรแล้ว ยังเป็นสถานที่จริงในประวัติศาสตร์ นั่นคือเป็นสมรภูมิรบไทย-พม่าหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งที่แห่งนี้เองที่สมเด็จพระศรีสุริโยทัยทรงทำยุทธหัตถีกับพระเจ้าแปรจนต้องพระแสงของ้าวสิ้นพระชนม์บนคอช้าง โดยพระรูปสมเด็จพระสุริโยทัยหล่อด้วยสำริด มีขนาดหนึ่งเท่าครึ่งขององค์จริง ประทับบนหลังพระคชาธาร มีนักรบจาตุรงคบาทที่มีเค้าโครงหน้าละม้ายนายพลฯ ในยุคนั้น ตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่จำลองค่ายข้าศึกและกองทัพข้าศึก 4 ทัพ พร้อมด้วยกลุ่มอนุสาวรีย์ประติมากรรมประกอบกันทั้งสิ้น 49 ชิ้น กลายเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวอยุธยาและนักท่องเที่ยวนั่นเอง


ขอบคุณข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 

Story : Taliw
Photo : Porko and Taliw
keyboard_arrow_up