ป่าในกรุง

ป่าในกรุง… ให้ธรรมชาติบำบัดหัวใจ

ป่าในกรุง
ป่าในกรุง

ไม่รู้อะไรดลใจให้เราเดินทางฝ่าไอแดดที่ร้อนระอุในยามบ่าย เพื่อไปสูดออกซิเจนกันที่ “ป่าในกรุง” แถมยังไม่ได้เดินทางไปผจญภัยท่ามกลางรังสียูวีเพียงคนเดียว แต่ยังหอบเอาเพื่อนและกล้องตัวใหญ่ไปด้วย …ลองคิดดูว่าการฝ่าความร้อนของแสงแดดที่ร้อนจัด แล้วยังต้องแบกกล้องตัวใหญ่ไปเที่ยวมันจะน่าอภิรมย์สักแค่ไหนกัน? แต่สุดท้ายผลที่ได้ก็ช่างคุ้มแสนคุ้ม

แรกเริ่มที่ชวนเพื่อนแบกกล้องไปเที่ยว ‘ป่า’ ในเมืองกรุงนั้น เพียงแค่นึกสนุกอยากไปถ่ายภาพสวยๆ ที่มีผืนฟ้าเป็นแบ็คกราว และเดินเล่นชิลๆ ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้ใบหญ้าอย่างที่วัยรุ่นเขาฮิตกัน และแน่นอนว่าเราไม่พลาดที่จะเก็บบรรยากาศมาฝากคุณผู้อ่านอีกเช่นเคย โดยขั้นตอนแรกของการเยี่ยมชมป่าในกรุงคือ การลงชื่อก่อนเข้าเยี่ยมชม ซึ่งสามารถลงชื่อได้ที่ป้อมยามหน้าประตูนั่นเอง และแน่นอนว่า ‘เข้าฟรี’ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

ป่าในกรุง

ก้าวแรกที่เหยียบเข้าสู่พื้นที่ป่าในกรุงที่รายล้อมด้วยรั้วรอบขอบชิด สายตาก็ปะทะกับฝูงไก่ทั้งครอบครัว โดยเฉพาะลูกเจี้ยบตัวเล็กขนสีเหลืองนวลดูนุ่มนิ่มน่ากอด ซึ่งเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดเพราะความน่ารักของลูกเจี้ยบ แต่ถ่ายรูปมาฝากไม่ทันกันแล้ว สิ่งก่อสร้างต่อมาที่ปะทะสายตาของเราคือ “หอชมวิว (Observation Tower)” โดยหอชมวิวของที่นี่มีความสูงราว 23 เมตร จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากสายตาของเราจะเห็นหอชมวิวก่อนเป็นอันดับแรก และการได้เห็นหอชมวิวก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นความตื่นเต้นให้เราอยากไปเยี่ยมชมผืนป่าในมุม Bird eye view กันมากขึ้น

อีกหนึ่งความโดดเด่นชวนตื่นตาเมื่อเราเดินเข้าสู่พื้นที่ป่าในกรุงคือ ‘กำแพงดินสีแดงอิฐ’ สิ่งก่อสร้างสูงใหญ่ที่ทอดตัวอยู่ท่ามกลางหมู่ไม้ ซึ่งกำแพงแดงอิฐนี้เป็นทางเดินนำเราเข้าสู่อาคารนิทรรศการและสำนักงานของที่นี่ โดยเรารู้มาว่ากำแพงสีแดงอิฐที่เห็นนี้ เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของนวัตกรรมอาคารสีเขียว เพราะวัสดุที่ใช้เป็น “ดินบดอัด” ซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติ จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แล้วยังเป็นวัสดุต้านทานความร้อนได้ดี ดังนั้นทันทีที่เราก้าวสู่อาคาร เราจึงรู้สึกเย็นสบายกว่าภายนอก

ป่าในกรุง

ตลอดทางเดินจากทางเข้าสู่โถงกลางอาคาร เสมือนว่าเรากำลังเดินอยู่ท่ามกลางผาหินธรรมชาติ นั่นเพราะมีกำแพงดินบดอัดขนาบทั้งซ้ายและขวา โดยเฉพาะเมื่อทางเดินนี้ไม่ได้ทอดตัวตรง แต่ออกแบบให้เป็นทางเดินโค้ง ทางเดินที่ขนาบข้างด้วยกำแพงสีแดงอิฐนี้จึงกลายเป็นมุมสวยที่ให้เราได้ถ่ายภาพจนกลายเป็นอีกหนึ่งมุมมหาชนที่ห้ามพลาด และแน่นอนว่าตลอดสองข้างทางนั้น ทางกลุ่ม ปตท. ได้นำเมล็ดของพันธุ์พืชพื้นถิ่นมาจัดแสดง สมกับเป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติอีกแห่งของกรุงเทพ

ทันทีที่เข้าสู่โถงกลางอาคารซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาแนะนำสถานที่ โดยทางซ้ายของโถงกลางเป็นห้องนิทรรศการ ส่วนทางขวาเป็น Mini Theater สำหรับชมภาพยนตร์สั้น ซึ่งการเดินชมป่าเพื่อเรียนรู้ธรรมชาติจะเริ่มสตาร์ทจากจุดนี้นั่นเอง แต่ก่อนที่เราจะชวนกันไปเดินบน Skywalk และขึ้นหอชมวิวนั่น อย่าลืมแวะไปชม Rooftop Garden หรือสวนบนหลังคาของอาคารหลังนี้กันก่อน โดยสวนบนหลังคานี้ก็เป็นอีกหนึ่งแนวคิดของอาคารสีเขียว เพราะการปลูกสวนบนหลังคาก็เสมือนเราติดตั้งฉนวนกันความร้อนให้อาคารนั่นเอง

ป่าในกรุง

จุดเด่นของป่าในกรุง คือ Skywalk หรือในอีกชื่อว่า ‘ทางเดินชมเรือนยอด’ โดย Skywalk เป็นทางเดินที่ให้เราได้เรียนรู้และชมยอดไม้ของพืชพื้นถิ่นของกรุงเทพ ซึ่งทางกลุ่ม ปตท. ได้คัดสรรค์มาแล้วว่าเหมาะกับสภาพอากาศของบ้านเรา สำหรับทางเดิน Skywalk นั้น ออกแบบให้มีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับพื้นดินถึงระดับความสูง 10.2 เมตรจากพื้น และมีระยะทาง 200 เมตร โดยจุดหมายปลายทางของ Skywalk คือหอชมวิวนั่นเอง

และแน่นอนว่าตลอดระยะทาง 200 เมตรบน Skywalk นี้ เป็นอีกหนึ่งมุมสวยให้เราได้เก็บภาพมาแชร์กัน โดยพื้นที่ป่าที่เราเดินชมนี้ เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ คิดเป็น 75% ของพื้นที่ เพื่อให้เราจะได้เห็นการเติบโตของป่าผ่าน Skywalk นอกจากนี้ป่าในกรุงแห่งนี้ยังให้ความสำคัญกับ ‘แหล่งน้ำ’ ด้วย จากมุมสูงเราจะเห็นว่าป่าในกรุงได้ออกแบบให้มีพื้นที่รับน้ำเป็นลักษณะวงรอบพื้นที่ป่า เพื่อสร้างความชุ่มชื่นให้ผืนป่า โดยเพิ่มระบบหมุนเวียนน้ำให้ดีขึ้นด้วยน้ำตก ส่วนพื้นที่ริมตลิ่งก็ปลูกพืชน้ำและหญ้าแฝกที่ช่วยรักษาหน้าดินเอาไว้

ป่าในกรุง

หลังจากขึ้นหอชมวิวไปยังชั้นสูงสุด เพื่อเก็บบรรยากาศของผืนป่าในมุม Bird eye view กันแล้ว ก็ได้เวลาเดินกลับ โดยให้เดินย้อนลงมาถึงชั้นล่างสุดของหอชมวิว ก็จะพบกับทางเดินเล็กๆ ที่รายล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ซึ่งเส้นทางการเรียนรู้ผืนป่าแห่งนี้จะเดินเป็นวงกลมนั่นเอง โดยเส้นทางเดินกลับคุณจะได้ชมและสัมผัสกับต้นไม้และธารน้ำอย่างใกล้ชิด

ข้อแนะนำสำหรับการเยี่ยมชมป่าในกรุงคือควรพกหมวกมาด้วย โดยเฉพาะในช่วงซัมเมอร์ที่ดวงอาทิตย์ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าป่าในกรุงจะมีร่มคันใหญ่ให้เราได้หยิบยืม แต่เราก็ไม่แนะนำให้ถือร่ม โดยเฉพาะเมื่อคุณคิดจะเดิน Skywalk ชมยอดไม้ด้วยแล้ว เพราะบน Skywalk แม้จะร้อนจากแดดที่แผดเผา แต่ก็มีลมพัดช่วยคลายร้อนตลอดด้วยเช่นกัน และแม้ลมจะไม่ได้พัดแรง แต่การถือร่มคันใหญ่เดินเล่นก็เป็นเรื่องลำบากและอันตราย เพราะบางช่วงลมที่พัดเอื่อยๆ ก็ทวีความแรงขึ้น โดยเฉพาะจุดสูงสุดของ Skywalk และบนหอชมวิว

แม้ป่าในกรุงแห่งนี้จะมีพื้นที่กว่า 12 ไร่ ซึ่งนับว่าไม่กว้างใหญ่มากมาย แถมยังเป็นป่าที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ แต่ป่าในกรุงแห่งนี้ก็เป็นพื้นที่หนึ่งที่ให้เราได้สูดอากาศบริสุทธิ์ พร้อมพาครอบครัวมาเรียนรู้ผืนป่าและพันธุ์ไม้พื้นถิ่นของกรุงเทพได้ เพราะอย่างน้อยเราก็ยังมี ‘ป่า’ ให้เรียนรู้ แม้จะอยู่ในเมืองกรุง

ป่าในกรุง

ส่วนการเดินทางไปเยือนป่าในกรุง ซึ่งตั้งอยู่ที่สุขาภิบาล 2 เขตประเวศนั้น ไม่ใช่เรื่องยากลำบาก แม้ว่าคุณจะไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เพราะคุณสามารถนั่งแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ จากสถานีพญาไทไปลงสถานีทับช้าง แล้วต่อด้วยการเรียกใช้บริการจากพี่แท็กซี่ ซึ่งเสียค่าบริการให้แท็กซี่ไม่เกินร้อยบาท

สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจอยากเยี่ยมชมป่าในกรุง สามารถเดินทางไปเยือนได้ทันที ทุกวันอังคาร – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. หรือจะจองก่อนล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์ www.pttreforestation.com ซึ่งข้อดีของการจองล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์คือ จะมีเจ้าหน้าที่พาชม พร้อมอธิบายพื้นที่ป่าแห่งนี้ และยังได้ชมภาพยนตร์สั้นอีกด้วย

 

Address : โครงการป่าในกรุง สุขาภิบาล 2 เขตประเวศ
GPS : 13.691476,100.702347
Time : เปิดให้บริการวันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) ตั้งแต่ 9.00-16.00 น.
Phone : 02-1366380
Web : www.pttreforestation.com
E-mail : [email protected]

Story : Taliw
Photo : Wara Suttiwan
keyboard_arrow_up