“เขียวไข่กา” ซ่อนความอร่อยของอาหารไทยภายใต้กลาสเฮ้าส์สไตล์ลอฟท์
WHERE: ร้านอาหารไทยชื่อสะดุดหู “เขียวไข่กา” ที่เสิร์ฟอาหารไทยโบราณและอาหารไทยพื้นถิ่นในบรรยากาศกลาสเฮ้าส์สไตล์ลอฟท์ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ
กลาสเฮ้าส์สีดำเท่ขนาดใหญ่สองหลังที่ตั้งตระหง่านและโดดเด่นท่ามกลางแสงอาทิตย์ในยามบ่าย คือภาพแรกที่ได้เห็น เมื่อเราเดินทางไปเยือนร้าน “เขียวไข่กา” และเราขอบอกเลยว่า นอกจากสถาปัตยกรรมที่ชวนสะดุดตาแล้ว เมนูอาหารของที่นี่ก็สะดุดใจไม่แพ้กัน
การเปลี่ยนพื้นที่รกร้างบนถนนนาคนิวาสให้กลายเป็นร้านอาหารไทยแห่งนี้ มีจุดเริ่มต้นที่เรียบง่ายจากคุณปอย – ณัฐวุฒิ นันต๊ะแขม เชฟอาหารไทยที่สั่งสมประสบการณ์ด้านอาหารมายาวนาน คิดอยากมีร้านอาหารไทยเป็นของตัวเอง และเมื่อจังหวะเวลาเอื้ออำนวย ผนวกกับความบังเอิญ เมื่อไปเจอที่ดินผืนใหญ่ซึ่งถูกปล่อยว่างแห่งนี้เข้า คุณปอยจึงไม่รอช้าที่จะสานฝันให้เป็นจริง
โดยร้านนี้คุณปอยตั้งใจให้เป็นร้านอาหารไทยที่มีบรรยากาศโมเดิร์น ซึ่ง ‘Glass House’ ก็เป็นตัวเลือกในใจตั้งแต่ต้นก่อนทำร้าน ผนวกกับที่ดินแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ คุณปอยจึงเกิดแรงบันดาลใจทำร้านอาหารไทยในบรรยากาศกลาสเฮ้าส์ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ เพื่อสร้างโอเอซิสให้คนกรุงได้มาพักหายใจ
“…เรามาเจอที่ตรงนี้ แล้วมันมีต้นไม้ต้นใหญ่อยู่ตรงกลางก็เลยมองภาพว่า เป็นกลาสเฮ้าส์แบบธรรมชาติน่าจะดี เพราะว่าปัจจุบันในกรุงเทพมีพื้นที่ธรรมชาติเหลือน้อยแล้ว”
เริ่มจากความโดดเด่นและสะดุดตาของสถาปัตยกรรมกลาสเฮ้าส์หน้าจั่วขนาดใหญ่สองหลังที่วางคู่กัน โดยเว้นพื้นที่ตรงกลางให้กับต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคอนเซ็ปต์ ‘ร้านอาหารไทยในบรรยากาศกลาสเฮ้าส์ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ’ โดยนอกจากต้นไม้ใหญ่กลางร้านแล้ว หน้าร้านยังมี ‘ผักชีลาว’ สีเขียวอ่อนกอใหญ่ที่ปลูกตกแต่งเอาไว้อีกด้วย
ภายในร้านคุณปอยเลือกวางไม้ประดับทั้งไม้แขวนอย่างเฟิร์นใบมะขามกับไม้กระถางประดับทั่วร้าน และเมื่อธรรมชาติสีเขียวตัดกับกลาสเฮ้าส์สีดำเข้มสไตล์ลอฟท์ จึงกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว นอกจากนี้ภายในร้านยังโดดเด่นด้วยผนังเพ้นท์ลายต้นไม้สุดอาร์ตที่โดดเด่นด้วยการใช้ ‘สีเขียวศิลาดล’ ซึ่งเป็นเฉดสีที่สื่อถึงชื่อร้าน “เขียวไข่กา”
เมื่อถามถึงเหตุผลของการตั้งชื่อร้านว่า ‘เขียวไข่กา’ คุณปอยก็บอกกับเราว่า “เริ่มแรกที่เราทำเป็นกลาสเฮ้าส์ที่จะมีความเขียวของธรรมชาติ แล้วเผอิญเราไปเจอคำๆ หนึ่งที่เป็นเฉดสีของสีเขียว ชื่อเขียวไข่กา เป็นสีเขียวศิลาดล แล้วประจวบเหมาะกับความหมายที่แฝงอยู่ในคำพอดี คือ “เขียว” หมายถึงธรรมชาติ ความร่มรื่น, “ไข่” ก็เป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหารของคนทั่วโลก และ “กา” ก็ตรงตัวเลย เป็นพวกกาน้ำ กาแฟ”
ส่วนเมนูอาหารนั้น คุณปอยก็เลือกเสิร์ฟตัวตนและความถนัดของตัวเองด้วยเมนูอาหารไทย แต่เป็น ‘อาหารไทยโบราณ’ กับ ‘อาหารไทยพื้นถิ่น’ เริ่มจากอาหารว่างไทยๆ อย่าง “เมี่ยงคำ” (85 บาท) ที่เด็ดด้วยมะพร้าวคั่วหอมๆ กับน้ำเมี่ยงคำรสกลมกล่อมและห่อด้วยใบชะพลูสดกรอบ เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่อร่อยเด็ดจนเราต้องยกนิ้วให้ ต่อกันด้วยอาหารไทยที่ได้ชื่อว่าราชาแห่งปลาเค็มกับเมนู “ปลากุเลาทรงเครื่อง” (260 บาท) กับปลากุเลาชิ้นโตนุ่มฟูที่เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงเพิ่มความจัดจ้านอย่าง พริกสด หัวหอม กระเทียม มะนาว ฯลฯ เมื่อทานกับข้าวสวยร้อนๆ จึงได้ความอร่อยลงตัว
ความอร่อยยังไม่หมดเมื่อคุณปอยยังมีอาหารไทยพื้นถิ่นอีกหลายเมนูมานำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยแท้ๆ “สะเดาน้ำปลาหวานปลาดุกย่าง” (240 บาท) ที่ย่างปลาดุกสุกได้ที่ทานคู่กับใบสะเดากรอบอร่อย เจือความแซ่บด้วยน้ำปลาหวานรสกลมกล่อม หรือจะลิ้มลองอาหารใต้อย่าง “ผัดสะตอกุ้ง” (200 บาท) ที่มีความเด็ดอยู่ที่สะตอกรอบๆ ที่นำมาผัดกับกุ้งและหมู เจือรสเผ็ดที่ปลายลิ้น ซึ่งเป็นรสดั้งเดิมที่ส่งตรงมาจากภาคใต้ ส่วนใครที่ชื่นชอบอาหารเหนือ เราขอแนะนำ “แกงฮังเล” (220 บาท) ที่เข้มข้นมาพร้อมเนื้อหมูนุ่มละลายในปาก ปิดท้ายด้วย “ต้มยำปลาทู” (240 บาท) รสจัดจ้านให้เราซดคล่องคอ
นอกจากอาหารจานหลักชวนอิ่มท้อง เครื่องดื่มของที่นี่ก็คงความเป็นไทยด้วยเช่นกัน โดยร้านเขียวไข่กาเน้นเสิร์ฟเครื่องดื่มสมุนไพร ทั้ง น้ำอัญชันมะนาวโซดา (40 บาท), น้ำเสาวรสโซดา (40 บาท), น้ำกระเจี้ยบ (40 บาท) และน้ำมะตูม (40 บาท) เป็นต้น
ความเด็ดของร้านเขียวไข่กาไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะคุณปอยตั้งใจให้สถานที่แห่งนี้เป็น Community Mall ขนาดย่อม นอกจากร้านอาหารแล้ว คุณปอยจึงเปิดคาเฟ่ข้างๆ กันอีกด้วย โดยคาเฟ่แห่งนี้ยังคงคอนเซ็ปต์กลาสเฮ้าส์ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ พร้อมกับเสิร์ฟกาแฟหอมๆ จาก Artisan ที่ส่งตรงจากเชียงใหม่ พร้อมกับเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าด้วยการเสิร์ฟอาหารฟิวชั่นตะวันตกทานง่าย และขนมหวานจำพวกเค้กให้เราได้นั่งทานคู่กันอีกด้วย
เขียวไข่กา
• Address : ซอยนาคนิวาส 3 ติดถนนนาคนิวาส ลาดพร้าว
• Map : goo.gl/maps/a3s4SsvSiLB2
• Time : 11.00 – 23.00 น. เปิดทุกวัน
• Tel. :095 949 9299
• Facebook : www.facebook.com/kiewkaika
