จากจุดเริ่มต้นที่อยากฟื้นฟูสุขภาพของตัวเอง ผนวกกับความฝันที่อยากมีคาเฟ่เสิร์ฟเมนูเพื่อสุขภาพและให้พลังงานเพื่อคนออกกำลังกาย จึงก่อเกิดเป็น Seven Café แห่งนี้
ใครจะคาดคิดว่าในกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจะมีคาเฟ่ open air ในบรรยากาศชิลๆ เสมือนอยู่ริมทะเลซุกซ่อนอยู่ในซอยพหลโยธิน 18/1 แน่นอนว่าไม่เพียงแต่บรรยากาศแสนชิลเท่านั้น แต่ที่แห่งนี้ยังเสิร์ฟเมนูที่มีประโยชน์ต่อร่างกายให้เราได้ไปลิ้มลอง จึงไม่แปลกหาก Seven Café แห่งนี้จะกลายเป็นสวรรค์ของคนเมืองที่อยากหลบหนีไปพักผ่อนในวันที่เหน็ดเหนื่อย
ความโดดเด่นของคาเฟ่แห่งนี้ เราขอเริ่มจากที่มาที่ไปที่แสนจะไม่ธรรมดา โดยคุณกั้ง– กฤติยา ศรียะพันธ์ เจ้าของร้านได้เล่าให้ฟังว่า คาเฟ่แห่งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากความต้องการที่จะฟื้นฟูสุขภาพของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านั้นคุณกั้งชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะรักในการทำค็อกเทล ผนวกกับการทำงานหนักในสายงานโฆษณา ทำให้ร่างกายทรุดโทรม จนวันหนึ่งตัดสินใจที่จะออกไปเรียนโยคะ
โดยวางเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นครูสอนโยคะควบคู่กับการเปิดคาเฟ่เสิร์ฟอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เมื่อไม่อาจทำสองอย่างในเวลาเดียวกันได้ คุณกั้งจึงตัดใจเปิดเพียงคาเฟ่ โดยยังคงความตั้งใจเดิมที่อยากให้ Seven Café เป็นคาเฟ่สำหรับนักฝึกโยคะและคนออกกำลังกาย จึงเลือกทำเลใต้สตูดิโอโยคะเป็นที่ตั้งของร้าน
“เริ่มแรกเลยที่กั้งบอกว่าเลิกแอลกอฮอล์ กั้งก็ไปฝึกโยคะที่เชียงใหม่ เป็นคอร์ส Teacher Training เพราะอยากเปิดสอนคลาสโยคะเอง แล้วก็มีร้านอาหารเพื่อสุขภาพอย่างร้านนี้อยู่ด้านล่างสตูดิโอ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะกั้งแยกตัวมาทำไม่ทัน ก็เลยมาเปิดร้านนี้ แล้วเผอิญกับชั้นบนอาคารเป็นสถานที่สอนโยคะด้วยก็เลยลงล็อก”
…แต่ก็มีหลายคนมาบอกเหมือนกันว่ามานั่งร้านนี้แล้วจินตนาการว่าข้างนอกเป็นทะเล ซึ่งก็ดีเหมือนกัน แสดงว่าเอาไว้หลบรถติด
ส่วนการตกแต่งร้านนั้น คุณกั้งเล่าให้ฟังว่าเกิดจากความไม่ตั้งใจและไม่ได้วางแผนให้ร้านมีบรรยากาศแบบนี้ คุณกั้งเพียงต้องการเอาวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่และใบจากมาใช้ โดยผสมผสานกับการนำสิ่งของที่หลายคนไม่เห็นค่าอย่างประตูและหน้าต่างเก่าๆ มารีไซเคิล
“กั้งแค่ต้องการรีไซเคิลเฉยๆ เพราะกั้งอยากเอาของที่เขาไม่เห็นค่ามาใช้ อย่างประตูบานเก่าๆ รวมทั้งวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่ ใบจาก ลูกมะพร้าวมาตกแต่ง กั้งไม่ได้ตั้งใจให้ร้านเป็นบรรยากาศชิลๆ ริมทะเล แค่ชอบวัสดุพวกนี้ พอมารวมตัวกันก็เลยได้บรรยากาศแบบนี้ แต่ก็มีหลายคนมาบอกเหมือนกันว่ามานั่งร้านนี้แล้วจินตนาการว่าข้างนอกเป็นทะเล ซึ่งก็ดีเหมือนกัน แสดงว่าเอาไว้หลบรถติดได้”
“ที่จริงกั้งอยากจะทำข้างหน้าให้พวกนักปั่นจักรยานเข้ามาในร้านได้เลย เอามาจอดห้อยในร้านได้ เพราะอยากสนับสนุนให้คนเล่นกีฬาเป็นประจำ แล้วทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่เป็นเรื่องยาก ส่วนที่ต้องเป็น open air เพราะสำหรับคนฝึกโยคะ เวลาที่ฝึกเสร็จลงมาจากข้างบน ต้องไม่สัมผัสกับอุณหภูมิที่เย็นมาก จริงๆ ควรเป็นอุณหภูมิที่ร่างกายควรเป็นมากกว่า”
จากความต้องการที่เรียบง่ายของคุณกั้ง ทำให้เปลี่ยนบ้านพักอาศัยหน้าตาธรรมดาให้กลายเป็นคาเฟ่ที่มีบรรยากาศเสมือนอยู่ริมทะเลแห่งนี้ โดยเฉพาะเมื่อคุณกั้งเลือกที่จะเปิดคาเฟ่แบบ open air ผนวกกับทิศทางลมที่พัดผ่านร้านตลอดเวลา ทำให้ Seven Café แห่งนี้มีเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร
นอกจากที่มาและบรรยกาศร้านที่ไม่ธรรมดาแล้ว เมนูของที่นี่ยังแตกต่างจากคาเฟ่อื่นๆ อีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อคุณกั้งอยากให้ทุกคนหันมาออกกำลังกาย เมนูที่เสิร์ฟจึงกลายเป็นอาหาร Super Food ที่ให้พลังงานสูง ซึ่งคุณกั้งคิดขึ้นเพื่อคนรักการออกกำลังกายโดยเฉพาะ และที่สำคัญทุกเมนูคุณกั้งจะทดสอบด้วยตัวเองก่อนเสมอ
“อาหารที่นี่ไม่ได้เป็น Vegan นะ แต่มีหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็น vegan ซึ่งกั้งก็กลัวว่าคนที่เขาทาน vegan จริงๆ มาทานแล้วจะไม่ใช่อย่างที่เขาต้องการ และอาหารมันไม่ใช่ organic ด้วย แต่มันเป็น Energy Boosting Food ประมาณว่า Super Food ซึ่งเป็นเมนูที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะว่ากั้งฝึกโยคะ เลยต้องทานอาหารที่ให้พลังงาน อาหารที่อิ่มเร็ว แต่ไม่หนักท้อง เวลาไปฝึกก็ไม่ต้องรอย่อยนาน”
เริ่มจากเครื่องดื่มสีสวย Asian Remedy (95 บาท) ที่นำแก้วมังกรมาผสมกับน้ำมะพร้าว จนได้เครื่องดื่มแก้วอร่อยที่ไม่ซ้ำใคร โดยคุณกั้งเล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่นำน้ำมะพร้าวมาเป็นส่วนผสมว่า ช่วงที่ไปเรียนโยคะที่อินเดีย ที่นั้นเขาจะดื่มน้ำมะพร้าวหลังคลาสกันและดื่มทั้งวันด้วย ผนวกกับเบื่อเมนูมะพร้าวปั้นก็เลยคิดเมนูที่แปลกใหม่เมนูนี้ขึ้นมา
นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มทานง่ายอิ่มเร็ว แต่ไม่หนักท้อง เหมาะสำหรับคนที่กำลังจะไปออกกำลังกายอย่าง Banana Breaky (130 บาท) ประกอบด้วยกล้วยหอม 4 ผล แอลมอน และนม พร้อมใส่เนยถั่วกับช็อกโกแลตเพิ่มความหอมหวาน เติมความอิ่มด้วยการโรยกราโนร่าไว้ด้านบน
ใครอยากลิ้มลองเมนูที่มีคุณสมบัติช่วยคลีนลำไส้และยังชวนอิ่ม ต้องไม่พลาดกับ Oat Porridge (130 บาท) ซึ่งเป็นเมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากซีรีแล็ค ซึ่งเสิร์ฟในชามกะลาเก๋ไก๋ สำหรับเมนูนี้จะประกอบไปด้วยข้าวโอ๊ตเพียว เมล็ดเจียที่แช่นมแอลมอนหนึ่งคืน เพิ่มความหอมด้วย cinnamon หรืออบเชย และยังเติมช็อกโกแลตเพื่อให้เราทานง่ายขึ้น นอกจากนี้คุณกั้งยังเพิ่มความสนุกในการทานด้วยกล้วยหอม แก้วมังกร และมะพร้าวขูด เสิร์ฟพร้อมกับนมแอลมอน
อีกหนึ่งเมนูที่ชวนให้คิดถึงช็อคบอลคือ Energy Ball (35 บาท) เมนูที่คุณกั้งครีเอทขึ้นเพื่อให้นักออกกำลังกายพกติดตัวได้สะดวก เพราะเมนูนี้คล้ายกับขนม แต่ให้พลังงานสูง โดย Energy Ball นี้มีส่วมผสมของอินทผาลัม เมล็ดเจีย ข้าวโอ๊ต จมูกข้าว เติมเอสเพรสโซ่และโกโก้เข้าไป เพื่อให้หอมและทานง่าย
นอกจากเมนูที่ให้พลังงานแล้ว ที่นี่ยังเสิร์ฟเมนูอื่นๆ เป็นทางเลือกให้เราอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตอย่างกาแฟ หรือบรันช์อย่างเมนู Cheesy Toast (110 บาท) เมนูที่มีส่วนผสมของชีทกับต้นทานตะวันอ่อน เสิร์ฟในขนมปังโฮมเมด เป็นอาหารเช้าทานง่ายและเร็ว
นอกจากนี้ภายในร้านยังเปิดพื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรออแกนิก เพื่อสุขภาพของคนรักการออกกำลังกายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ข้าวกล้องที่มาจากฟาร์มสุโขทัย โดยจัดเป็นเช็ทเพื่อให้เรานำไปปลูกเอง เมื่อต้นอ่อนเติบโต สามารถนำไปปั่นทำเป็นน้ำคลอโรฟิวดื่มเพื่อสุขภาพได้ นอกจากนี้ยังมีสเปรย์ Dit Da Jow สเปรย์คลายกล้ามเนื้อที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในคลาสเรียนซี่กง (ซี่กง เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยในการบำบัดโรคและดูแลสุขภาพให้แข็งแรง) รวมทั้งยังมีสเปรย์สำหรับทำความสะอาด mat yoga อย่าง Cow Spray เป็นต้น
ปิดท้ายกันด้วยความหมายของชื่อร้าน SEVEN ซึ่งคุณกั้งบอกเล่าถึงที่มาว่า “จริงแล้วคำว่า Seven มาจาก 7 จักระของร่างกาย ซึ่งก็คือในร่างกายจะมีจุด 7 จุด ถ้าทุกจุดของเราบาลานซ์กัน ร่างกายจะแข็งแรง สุขภาพดี แต่ถ้าจุดไหนบกพร่องก็จะเกิดอาการไม่สบาย ซึ่งการฝึกสมาธิ ฝึกโยคะ กินดีคือกินอาหารคลีนๆ แบบนี้ก็จะช่วยได้ กั้งก็เลยเอาคำว่าบาลานซ์มาเล่นกับสิ่งที่เราทำอยู่ด้วย ก็คือการฝึกสมดุลในร่างกาย จนได้คำว่า Seven Café”
Address : พหลโยธิน 18/1 แยก 2 (ตรงข้ามช่อง 7)
GPS : 13.803714, 100.556299
Time : เปิดเวลา 10.00 – 18.00 น. หยุดวันอังคาร
Facebook : www.facebook.com/sevencafebkk
Instagram : www.instagram.com/sevenbkk