สิ่งแรกที่เราคิดถึงคือความคลาสสิก เพราะไม่ว่าจะนานแค่ไหน เมื่อเอาความคลาสสิกมาจัดวางใหม่มันก็ยังคงมีเสน่ห์อยู่เสมอ
เมื่อก๊วนเพื่อนมีความฝันเดียวกัน แม้จะมีไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนให้พวกเขาหันมาสร้างความสุขร่วมกัน เช่นเดียวกับคาเฟ่แห่งนี้ซึ่งเกิดจากความชอบที่หลากหลายของเพื่อนๆ ผนวกกับความฝันที่คล้ายกันจนเกิดเป็นคาเฟ่สไตล์คลาสสิกในบรรยากาศละมุนแบบ gentleman ในชื่อ “SMITR Café”
หากย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของคาเฟ่ชื่อติดหู “สมิตรคาเฟ่” (คำว่า ‘สมิตร’ มาจากคำว่าสยาม + มิตรสหาย) คงต้องเริ่มจาก Oxford Shirt ที่มีชื่อแบรนด์ว่า ‘Smitr’ เช่นเดียวกับชื่อร้าน ซึ่งแบรนด์นี้เกิดจากการความร่วมมือของคน 4 คนที่เป็นทั้งเพื่อนและหุ่นส่วนนั่นคือ คุณหนุ่ย – ณัฐวุฒิ บุษบก, คุณป๋อมแป๋ม – อังคณา วงษ์พัฒนสิริกุล, คุณสอง – นที เหรียญเสาวภาคย์ และคุณหน่อง – พิชา อัศวาณิชย์
และเมื่อเพื่อนๆ อยากจะมีร้านเป็นช็อปของตัวเอง คุณหนุ่ยและเพื่อนๆ จึงไม่รอช้าที่จะร่วมมือกันเปิด SMITR Café คาเฟ่สไตล์คลาสสิกที่มาพร้อมบรรยากาศละมุนที่ให้คุณได้ช้อปและชิมในที่เดียวกัน คาเฟ่แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนหน้าร้านของแบรนด์ ขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่นั่งชิลทั้งกลางวันและยามค่ำคืน
“แรกสุดเลยผมกับเพื่อนๆ ทำเสื้อเชิ้ต oxford เพื่อนคนหนึ่งเขาเป็นช่างตัดเสื้อ ส่วนเพื่อนอีกคนเขาก็ชอบแต่งตัว แล้วผมเองก็มีร้านนมอยู่แล้ว ชื่อร้านนมบางกรวย เป็นคาเฟ่เล็กๆ เปิดที่เชียงใหม่กับนนทบุรี พอเราทำเสื้อปุบ เราก็มีอารมณ์อยากมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง เพียงแต่ว่าหากเปิดร้านเสื้ออย่างเดียวมันก็จะดูธรรมดา ก็เลยคุยกันว่าอยากใส่เครื่องดื่มและเมนูที่มันเหมาะกับคาเฟ่เล็กๆ ให้ลูกค้าที่มาดูเสื้อผ้าได้มาดื่มมากิน ประกอบกับที่ผมมีระบบพวกนี้อยู่แล้ว ก็เอามาปรับใส่” – คุณหนุ่ยเล่าถึงจุดเริ่มต้นให้เราฟัง
ภายในร้านที่มีขนาดมินิ ประกอบด้วยครัวไซส์จิ๋วสำหรับชงเครื่องดื่มและทำอาหารง่ายๆ อีกฝั่งของครัวเป็นห้องลองเสื้อซึ่งด้านข้างได้นำเสื้อเชิ้ตของแบรนด์มาแขวนไว้ แม้จะเป็นเพียงร้านเล็กๆ แต่คาเฟ่แห่งนี้กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวและความใส่ใจ ไม่ว่าเสื้อเชิ้ต oxford ที่ตัดขึ้นมาด้วยความประณีตแบบตัวต่อตัว พร้อมบริการปักชื่อและเลือกสีด้ายตามต้องการ การตกแต่งร้านที่ใส่ใจทุกรายละเอียด และเมนูอาหารที่คัดสรรมาอย่างดี ฯลฯ
และเพื่อตอกย้ำแบรนด์ Smitr ถึงความคลาสสิกของเสื้อเชิ้ต oxford คาเฟ่แห่งนี้จึงตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิกที่มาพร้อมบรรยากาศละมุนเป็นกันเอง โดยเริ่มจากการเลือกใช้สีน้ำเงินเกือบดำ หรือชื่อที่เจ้าของเรียกกันเล่นๆว่า ‘deep indigo’ สีที่ให้ความรู้สึกละมุมและเคร่งขรึม ขณะเดียวกันก็เป็นสีที่มีเสน่ห์และโดดเด่น โดยเฉพาะเมื่อนำไปผสมผสานกับความหรูหราจากวัสดุสีทอง และของสะสมสไตล์วินเทจซึ่งเพื่อนๆ ได้ขนมาตกแต่งร้าน ทำให้คาเฟ่แห่งนี้อบอวลด้วยกลิ่นอายคลาสสิกในบรรยากาศนุ่มลึกและให้ความรู้สึกเป็นกันเอง โดยมีคอนเซ็ปต์สำคัญคือ ‘ความคลาสสิกที่อยู่ในรูปแบบของเพื่อนสนิท’
“เราอยากให้คาเฟ่นี้เป็นคาเฟ่ gentleman มีความเป็นผู้ชายๆ หน่อย เราเลือกสิ่งที่คุณชอบมาให้คุณ ขณะเดียวกันเราเองก็ชอบสิ่งนั้นด้วย ดังนั้นร้านเราจึงไม่ต้องใหญ่ พอลูกค้าเข้ามาเราก็ได้คุยกับเขา
ส่วนเรื่องตกแต่งผมต้องการ ‘ความคลาสสิกที่อยู่ในรูปแบบของเพื่อนสนิท’ คือเข้ามาแล้วไม่ต้องเกร็ง ทุกคนเข้าถึงได้ แต่ก็มีลูกค้าบางคนบอกว่ามันดูแพงนะ (หัวเราะ) ซึ่งความรู้สึกที่เราต้องการสื่อจริงๆ คือ อยากให้ร้านมีบรรยากาศสบายๆ มีความละมุนของสถานที่มากกว่า
ดังนั้นสิ่งแรกที่เราคิดถึงคือความคลาสสิก เพราะไม่ว่าจะนานแค่ไหน เมื่อเอาความคลาสสิกมาจัดวางใหม่ มันก็ยังคงมีเสน่ห์อยู่เสมอ ซึ่งสไตล์ที่เราทำอยู่ตอนนี้เป็นการย้อนกลับไปในช่วงที่ประเทศไทยยังมีชื่อเรียกว่า ‘สยาม’ ก่อนที่เราจะมาแต่งตัวเป็นบุคลิกลักษณะอย่างนี้ เราได้ผ่านอะไรมาเยอะ ก็เลยคิดว่าไม่อยากให้ร้านไปทางตะวันตกล้วนๆ เราเลยพยายามใส่ความเป็นไทยลงไปด้วย”
คาเฟ่แห่งนี้จึงเลือกสื่อความเป็นไทยผ่านเมนูอาหารที่มีทั้งความเป็นไทยผสมผสานกับความเป็นตะวันตก เริ่มจากเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน Siam Tom Yum Goong Toast (125 บาท) หรือโทสต์ต้มยำกุ้งที่อัดแน่นด้วยเครื่องต้มยำรสเข้มเข้น ทั้งกุ้ง เห็ด และผักโต้วเหมี่ยว ทั้งหมดจัดวางมาอย่างดีบนขนมปังที่อบจนกรอบ ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่ ‘ซอสต้มยำ’ สูตรพิเศษที่ทางร้านครีเอทขึ้นเอง โดยซอสต้มยำนี้แม้จะเข้มข้นถึงเครื่องต้มยำ แต่ก็ไม่เผ็ดจนเกินไป เพื่อให้คนต่างชาติสามารถทานได้นั่นเอง
ต่อกันด้วยเครื่องดื่มที่ใช้ชื่อว่า Unlock เครื่องดื่มที่ช่วยเรียกความสดชื่นเสมือนให้เราปลดล็อกตัวเองจากความวุ่นวายและปัญหา โดยเมนู unlock ที่แนะนำคือ Plum Lime Honey (75 บาท) หรือบ๊วยมะนาวน้ำผึ้ง ซึ่งเราจะได้รสเค็มจากบ๊วย ความหวานจากน้ำผึ้ง และความเปรี้ยวจากมะนาว ผสมผสานกันจนได้รสชาติที่กลมกล่อม
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานที่ห้ามพลาดกับ James Brown Toast (75 บาท) ขนมปังอบน้ำตาลจนหอม โดยมีส่วนผสมของเนยนม หัวใจสำคัญของขนมหวานเมนูนี้คือการโรยน้ำตาลทรายกรวด ก่อนนำไปอบถึงสองครั้ง จนได้โทสต์ที่กรอบและหอมหวานจากน้ำตาลทรายกรวดที่เกรียมเล็กน้อย เป็นเมนูขนมหวานที่เหมาะกับการทานคู่ ‘อเมริกาโน่ร้อนๆ’ เป็นอย่างยิ่ง
Address : สุขุมวิท 50 (ใกล้ BTS อ่อนนุช)
GPS : 13.705849, 100.598793
Time : เปิดทุกวันคือ จันทร์ – พฤหัสบดี 9.00 – 23.00 น., ศุกร์ – เสาร์ 9.00 – 00.00 และอาทิตย์ 9.00 – 23.00 น.
Tel : 092 424 9691 และ 086 515 6519
Facebook : www.facebook.com/smitr.cafe