ลิสต์มาให้ 5 เกมที่ใครๆ ก็บอกว่าเป็น
The Best ของ Nintendo Switch
หลายคนที่ซื้อ Nintendo Switch เป็นของขวัญให้ตัวเอง แน่นอนว่าย่อมมีเกมในดวงใจที่ยังไงๆ ก็ต้องซื้อมาเล่นให้ได้ แต่นอกเหนือจากเกมที่อยากเล่นแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเกมอื่นๆ ของ Nintendo เกมไหนที่สนุกบ้าง วันนี้เราเลยลิสต์ 5 เกมที่ใครๆ บอกว่าเป็น The Best ของ Nintendo Switch มาให้เป็นตัวเลือกมาฝากกัน
The Legend of Zelda: Breath of the Wild
• ประเภทเกม: แอคชั่นผจญภัย
• ราคา: $59.99 หรือ 1,8xx บาท
• วางจำหน่ายเมื่อ: มีนาคม 2017
The Legend of Zelda เป็นซีรีย์เกมในตำนานของค่าย Nintendo โดยภาคแรกออกมาให้เล่นในปี 1986 สมัยที่เครื่องเกมยังเป็น Famicom และเมื่อใดที่ Nintendo ผลิตเครื่องเกมรุ่นใหม่ The Legend of Zelda ก็จะมีภาคใหม่ออกตามมาด้วย เช่นเดียวกันกับ Nintendo Switch ที่ทางค่ายได้ผลิตภาค Breath of the Wild ออกมาได้เล่นแบบทันที สำหรับภาค Breath of the Wild นี้ แต่เดิม Nintendo วางแผนและพัฒนามาตั้งแต่ปี 2013 ต่อมาในปี 2015 ก็ออกมาประกาศเปิดตัวเป็นครั้งแรก แต่วางจำหน่ายจริงเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมานี่เอง
ความสนุกของเกมนี้อยู่ที่การเป็น Action Open World หรือการออกผจญภัยในโลกกว้าง แน่นอนว่าเพราะเป็น Open World ความสนุกของเกมจึงเปิดกว้างตามไปด้วย โดยไม่จำกัดเพียงพื้นที่เล็กๆ อีกต่อไป แถมการเดินทางยังไหลลื่นแบบไม่มีสะดุด ผนวกกับการใส่รายละเอียดในเกมที่มีมากมาย ทำให้ The Legend of Zelda: Breath of the Wild มีความซับซ้อน จนมีนักรีวิวหลายคนยกให้เกมนี้เป็น The Best อันดับ 1 ของ Nintendo Switch Game เลย
Mario + Rabbids Kingdom Battle
• ประเภทเกม: วางแผนและตามเก็บสมบัติ
• ราคา: $59.99 หรือ 1,8xx บาท
• วางจำหน่ายเมื่อ: สิงหาคม 2017
เกมนี้เป็นผลงานของค่าย UbiSoft กับการนำตัวละครหลักของ Nintendo อย่างลุงหนวด Mario มาจับคู่กับ Rabbids จากเกมซีรีย์เรย์เมนของค่าย UbiSoft เอง เมื่อ 2 เกมสนุกมาเจอกันจึงไม่แปลกหากเกมนี้จะทำยอดขายติดอันดับ 1 ทันทีที่ออกจำหน่าย
ส่วนจุดเด่นที่ทำให้หลายคนตั้งสินใจซื้อมาเล่นนั้น คงเป็น CG สวยๆ ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดกับการเป็นเกมแนว Turnbase แบบ Tactics ซึ่งผู้เล่นต้องบังคับตัวละครหลายตัวไปพร้อมๆ กัน ซึ่งความซับซ้อนนี้อาจจะยากไปซะหน่อยสำหรับคนที่ไม่เคยเล่น แต่เมื่อเล่นเป็นแล้วก็จะได้ความสนุกที่แตกต่าง โดยเฉพาะเมื่อตัวละครแต่ละตัวมีสกิลที่ต่างกัน การควบคุมและการใช้ไหวพริบจึงต้องเฉียบคมตามไปด้วย แม้จะเป็นการเล่นแบบ Turnbase แต่ทาง UbiSoft ก็ออกแบบให้ง่ายต่อการเล่นด้วยการแบ่งช่องตัวละครด้วยสี ทำให้ดูและใส่คำสั่งได้ง่าย และแน่นอนว่าเกมนี้เราสามารถเล่นกันเพื่อนได้
Stardew Valley
• ประเภทเกม: ปลูกผักทำไร่
• ราคา: $14.99 หรือ 400 – 500 บาท
• วางจำหน่ายเมื่อ: กุมภาพันธ์ 2017
เกมนี้มีต้นแบบมาจากเกม Harvest Moon ซึ่งทำให้ Stardew Valley เป็นเกมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำเกษตร ทั้งการปลูกผัก ทำสวน สร้างฟาร์ม ฯลฯ โดยเมื่อปี 2016 Stardew Valley ได้วางขายบน PC และด้วยกระแสตอบรับที่แรง ทำให้ Nintendo นำมาพัฒนาเป็นเกมบน Nintendo Switch นั่นเอง
แม้กราฟฟิกเกมจะเป็นเกมยุค 16 Bit ที่แฝงความเป็นเกม RPG อยู่บ้าง แต่ข้อเสียนี้กลับถูกทดแทนด้วยสีสันและรายละเอียดที่มากขึ้น ทำให้การเล่นเกมนี้มีความสนุก พร้อมด้วยดีเทลที่ทำให้ผู้เล่นอย่างเราค้นหาและต้องคอยสังเกตอยู่เสมอ ขณะที่เพลงประกอบเองก็เป็นดนตรีที่ทันสมัย ช่วยเสริมให้บรรยากาศในเกมสนุกอย่างลงตัว
แม้โดยพื้นฐานของเกมจะไม่ต่างจากเกมปลูกผักอื่นๆ แต่จุดเด่นที่ทำให้เกมปลูกผักนี้แตกต่างคือ การเปิดโลกกว้างและทำให้ผู้เล่นต้องลงมือทำทุกอย่างเอง ไม่ใช่แค่หว่านเมล็ดและรอเก็บเกี่ยว แต่ผู้เล่นยังต้องลงแรงขุดดิน และตัดสินใจเลือกเมล็ดผักมาปลูกให้ตามฤดูกาล นอกจากนี้ผู้เล่นยังต้องสร้างบ้านเองอีกด้วย รวมทั้งการที่ผู้เล่นต้องทำหน้าที่เป็นสายเชื่อมความสัมพันธ์กับคนในหมู่บ้าน หรือจะเดินทางไปผจญหาของแปลก พร้อมต่อสู่กับมอนสเตอร์ก็มีให้เลือกเล่นเช่นกัน ดังนั้นการที่เกมมีดีเทลมากมายอย่างนี้ จึงทำให้ Stardew Valley แตกต่างและได้รับความนิยม
Splatoon 2
• ประเภทเกม: แอคชั่น ยิ่งถล่มทลาย
• ราคา: $59.99 หรือ 1,8xx บาท
• วางจำหน่ายเมื่อ: กรกฎาคม 2017
แม้ Splatoon ภาคแรกจะได้แสียงตอบรับไม่ดีนัก แต่ Nintendo ก็ยังออกภาค 2 มาให้เล่น โดยภาคนี้ได้พัฒนาขึ้นจนคว้ารางวัลเกมยอดเยี่ยมมาครอบครอง โดยส่วนแตกต่างจากภาคแรกคือ การใส่รายละเอียดของฉากและเฟรมเรตที่ลื่นไหลขึ้น แถมยังมีเพลงประกอบดีงามในจังหวะมันๆ เข้ากับฉากยิงไม่ยั้งอีกด้วย
นอกจากนี้เกมนี้ยังเป็นเกม Multiplayer / Third Person Shooter จึงให้เราเล่นกับเพื่อนได้อย่างสนุก ซึ่งจะเป็นการเล่นในมุมของบุคคลที่ 3 โดยมีภารกิจสำคัญคือ การต่อสู้และกู้คืน Zapfish ที่ถูกขโมยไปกลับมา แถมยังมี 2 โหมดให้เลือกเล่นคือ โหมด Hero และโหมด Multiplay นั่นเอง
ไฮไลท์สำคัญของเกมนี้อยู่ที่โหมด ‘ออนไลน์’ ซึ่งให้เราแบ่งทีมแข่งกับเพื่อนแบบ 4 ต่อ 4 โดยจะแข่งกันพ่นหมึกไปตามพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ยังมีโหมด SPlat Zones ซึ่งเป็นการแข่งแย้งพื้นที่ แม้เกมยิงนี้จะเหมือนเกมอื่นๆ แต่ Nintendo ได้สร้างความแตกต่างด้วยการดีไซน์ฉากที่ซับซ้อน เพื่อให้เราคิดวางแผนและวางกลยุทธ์ ซึ่งจุดนี้คือส่วนที่ทำให้ Splatoon 2 แตกต่างจากเกมยิงอื่นๆ
Mario Kart 8 Deluxe
• ประเภทเกม: แข่งความเร็ว
• ราคา: $59.99 หรือ 1,8xx บาท
• วางจำหน่ายเมื่อ: เมษายน 2560
อีกหนึ่งเกมที่ติดโผล่เสมอคือ Mario Kart และเป็นอีกหนึ่งเกมที่ประสบความสำเร็จของ Nintendo โดยมียอดขายแบบถล่มทลายทุกภาค ไม่เว้นแม้แต่ภาค 8 Deluxe โดยก่อนหน้านี้ Mario Kart 8 ได้วางขายบน WiiU ในปี 2014 ต่อมา Nintendo จึงได้พัฒนาเป็น Mario Kart 8 Deluxe เวอร์ชั่น Nintendo Switch
ส่วนความสนุกที่ทำให้ Mario Kart 8 Deluxe ได้รับความนิยมคงเป็นเพลงประกอบที่ใช้เพลง Jazz เป็นเพลงหลัก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ส่งเสริมให้เกมสนุกเร้าใจยิ่งขึ้น แม้เกมจะมีรูปแบบการเล่นยังคงเดิม นั่นคือการแข่งรถที่ไม่เน้นความสมจริง แต่เน้นความสนุกแบบหลุดโลกเป็นสำคัญ
Nintendo เพิ่มความพิเศษให้ Mario Kart 8 Deluxe แตกต่างจากเวอร์ชั่น WiiU ด้วยดีไซน์สนามแข่ง 8 สนามให้เป็นการเล่นแบบดวลกัน พร้อมด้วยไอเท็มใหม่ที่ออกมาขัดขวางการแข่ง รวมทั้งการพัฒนาโหมดใหม่ๆ ให้การดวลกันมันยิ่งขึ้น อาทิ โหมด Shine Thief ที่ให้เราแย่งชิง Shine, โหมด Renegade Roundup การไล่จับที่มีการแบ่งทีม ทั้งทีมไล่จับและทีมหนี ฯลฯ ที่สำคัญ Mario Kart 8 Deluxe ยังออกแบบมาให้เราแบ่งเล่นกับเพื่อน โดยใช้ Joy-Con แบ่งกันได้ แถมยังสามารถเล่นแบบไร้สายได้อีกด้วย
อ้างอิงข้อมูลจาก: www.independent.co.uk