หนีงานไปงีบหลับ แต่ยังได้งานที่
NapLab : co-napping workspace
NapLab กับคอนเซ็ปต์ co-napping workspace ที่ให้เรานั่งทำงาน แต่ก็แอบงีบหลับได้ ผ่านการตีโจทย์ ‘อะไรที่ห้องสมุดทำไม่ได้ ให้มาทำที่นี่’ เพื่อให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ทำงานที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย แถมยังเปิดบริการ 24 ชั่วโมงให้เรานั่งทำงานแบบโต้รุ่งกันไปเลย!!
“อะไรที่ห้องสมุดทำไม่ได้ ให้มาทำที่นี่” นี่คือโจทย์แรกที่คุณป๋อง – อาทิตย์ เสมอกาย ให้ไว้กับ ‘ตื่น ดีไซน์ สตูดิโอ’ ทีมดีไซเนอร์ที่จะมาเปลี่ยนอาคารหอพักนานาชาติ ศึกษิตนิเวศน์ที่ถูกทิ้งร้างมานานให้กลายเป็น sharing community ตามความตั้งใจของคุณป๋อง และ co-working space ก็คือหนึ่งในโจทย์หลักของการเปลี่ยนอาคารทิ้งร้างแห่งนี้ให้เกิดประโยชน์ จึงเกิดเป็น NapLab ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ไม่ธรรมดา
ความพิเศษของ NapLab คือการเป็น co-napping workspace ที่ผสมผสานระหว่าง co-working space กับ hostel จนได้พื้นที่ทำงานที่ ‘งีบหลับ’ ได้ “ที่นี่จะนอนได้ แอบงีบได้ แต่ไม่ถึงขนาดนอนสบายเหมือนเป็นอพาร์ทเม้นท์ อย่างเวลาที่ต้องอ่านหนังสือทั้งคืนแล้ว คุณใช้เวลาแอบงีบ 3-4 ชั่วโมงก็ทำให้คุณสดชื่นขึ้นมาได้ แล้วคุณก็พร้อมที่จะไปสอบหรือไปเรียนต่อตอนเช้าได้เลย”
ไอเดียนี้คุณป๋องได้แรงบันดาลใจจากการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง คุณป๋องจึงคิดที่จะสร้างพื้นที่ทำงานให้นิสิตและนักเรียนได้หนีช่วงเวลา rush hour เพื่อให้พวกเขามีพื้นที่นั่งทำงานในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนก็กลับบ้าน และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม co-working space แห่งนี้จึงพร้อมเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
และด้วยความตั้งใจที่จะเปิดพื้นที่ให้คนยุคใหม่ได้นั่งทำงานหรืออ่านหนังสือแบบโต้รุ่งก่อนจะไปเรียนหรือทำงานต่อได้ทันทีในตอนเช้า ภายใน NapLab จึงพร้อมพรั่งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเสมือนโฮสเทล ไม่ว่าจะเป็น Sleep Lab พื้นที่ที่ให้เราได้พักสายตาและชาร์จพลังงาน, ห้องอาบน้ำพร้อมพื้นที่แต่งตัวอย่างเป็นสัดส่วน และแพนทรี่ที่ให้เราทานอาหาร ดื่มกาแฟแก้วโปรดก่อนไปทำงาน ฯลฯ
“คอนเซ็ปต์แรกๆ เราจะเป็นทั้ง hostel และ co-working ด้วย แต่เราก็ไม่อยากทำตัวเป็นโฮสเทล แม้ว่า เราจะเปิด 24 ชั่วโมง เราจะมี Facility เกือบทั้งหมดแทบจะเป็นโฮสเทลได้ แต่เราก็ไม่อยากให้แบ็คแพ็คเกอร์แบกเป้ใหญ่ๆ มานอน เราจึงพัฒนาแบบพัฒนาไอเดียมาเรื่อยๆ จนได้ co-working ที่ทีกลิ่นอายของความเป็นโฮสเทล จนกลายเป็นคอนเซ็ปต์ sharing space , sharing community เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่แชร์ฟังก์ชั่นได้ทั้งหมดแทน”
ภายใน NapLab แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ Chill Lab และ Active Lab โดยพื้นที่ Chill Lab จะเป็นพื้นที่ชั้น 3 ที่ออกแบบให้มีบรรยากาศผ่อนคลาย ประกอบด้วย Nap Cafe คาเฟ่ที่ให้บริการยามหิวที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ใกล้ๆ กันเป็น Pantry ที่ให้เราได้นั่งเติมพลังงานยามหิว และที่ขาดไม่ได้คือ Work Escape Area พื้นที่คลายเครียดผ่านโต๊ะปิงปองและเครื่องเล่นเกม ส่วน Active Lab คือพื้นที่บนชั้นสองของ co-working เป็นพื้นที่ทำงานสำหรับลูกค้าที่ต้องการความจริงจัง โดยบนชั้นนี้ยังมีพื้นที่ Spray Room ให้บริการสำหรับดีไซเนอร์ที่ต้องทำงานสร้างสรรค์อย่างการตัดโมเดล พ่นสี ติดกาว ฯลฯ
แต่หัวใจสำคัญของ NapLab คือ Sleep Lab ซึ่งเป็นทั้งพื้นที่ทำงานแบบนั่งพื้นในบรรยากาศไม่เคร่งเครียดจริงจัง โดย Personal Cave แคปซูลสีเหลืองสดใสที่มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า cave เป็นจุดขายสำคัญ “มีช่วงหนึ่งที่เราอ่านรีเสิร์ช เขาว่าการทำงานถ้าเราได้แอบงีบ เขาเรียกว่า power nap สัก 20-30 นาที มันทำให้เราเหมือนชาร์จพลังกลับเข้าไปใหม่ได้ ก็เลยกลายเป็นคอนเซ็ปต์หนึ่งที่เราน่าจะเอามาใช้ตรงนี้ด้วย ซึ่งก็เป็นที่มาของพื้นที่ที่ดีไซเนอร์เรียกว่า cave ครับ” และเพราะเปิดพื้นที่ให้งีบหลับได้ ที่ NapLab จึงมาพร้อมบริการหมอนและผ้าห่มให้เรายืมใช้อีกด้วย
อีกหนึ่งกิมมิกที่น่าสนใจของ NapLab คือสไลเดอร์ซึ่งเป็น ‘Emergency Work Exit’ หรือ ‘ทางหนีงาน’ ซึ่งคุณป๋องเล่าถึงไอเดียสไลเดอร์นี้ว่า “ดีไซเนอร์คือเขาทำเหมือนให้เป็นมิวเซียม พอเวลาไปเดินมิวเซียมจะเดินเป็นลูป คือพื้นที่ชั้นสองเป็นพื้นที่ทำงานที่ดูไม่จริงจังมาก แต่ถ้าทำงานจริงจังคนเขาก็จะเริ่มเดินขึ้นไปข้างบน ซึ่งเป็นที่นั่งทำงานแบบจริงจงเลย เขาก็เลยตั้งทางหนีงานขึ้นมา ซึ่งมันคือทางลัดที่คุณจะลงมาเล่นเกมลงมารีแล็กซ์ข้างล่าง แค่ 2 วินาทีคุณก็ถึงพื้นที่รีแล็กซ์ ลงมาปุ๊บก็ตีปิงปองได้เลย”
ไม่เพียงแต่พื้นที่นั่งทำงานทั้งแบบจริงจังและผ่อนคลายแล้ว NapLab ยังมี Private Meeting Room ให้บริการโดยมีตั้งแต่ห้องไซส์มินิไปจนถึงห้องประชุมขนาดใหญ่ที่รองรับลูกค้าได้มากถึง 120 ที่นั่งไว้บริการลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและพื้นที่เงียบสงบในการประชุมงาน หรือหากอยากจัดสัมมนาในบรรยากาศสบายๆ ก็มีห้อง Grass Room ให้บริการ
จากคอนเซ็ปต์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ทำให้ NapLab เป็น co-working space ที่มีบรรยากาศผ่อนคลายชวนให้นั่งทำงาน ตั้งแต่การเลือกใช้สีเหลืองสดใส ซึ่งเป็นสีที่ทำให้รู้สึกว่าแอคทีฟ กั้นความเป็นส่วนตัวด้วยเหล็กดัดและตะแกรงเหล็ก พร้อมเปิดสเปซโล่งรับแสงธรรมชาติซึ่งเป็นแสงที่เหมาะกับการทำงานอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ร่มรื่นด้วยร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ ที่สำคัญที่นี่ยังอนุญาตให้ผู้ใช้บริการนำอาหารและเครื่องดื่มจากภายนอกเข้าไปทานได้ด้วย
“co-working มันโตมากับยุค startup ซึ่งมันจะมีคาแรคเตอร์ที่ต้องโตให้ไว ทุกอย่างจะดูเร่งรีบไปหมด ต้องดูซีเรียสดูจริงจัง เราเลยรู้สึกว่า พอตั้งโจทย์แบบนี้พื้นที่มันไม่สนุก อีกอย่างออฟฟิศต่างๆ ในเมืองนอก อย่างออฟฟิศเฟซบุ๊ก ออฟฟิศกูเกิล เขาพยายามทำบรรยากาศให้พนักงานผ่อนคลายที่สุด ซึ่งก็คือไอเดียหนึ่งที่เราดึงมาใช้
อีกหนึ่งไอเดียต์คือเราจำกัดความพื้นที่ตรงนี้ว่า Work – Life Balance เพื่อให้ใช้ชีวิตให้ดีกับสภาพปัจจุบันทั้งหมด เพราะฉะนั้นมาที่นี่ คุณต้องรู้สึกสบายที่สุด”
NapLab : co-napping workspace
• Address: จุฬาลงกรณ์ซอย 6
• Map: goo.gl/maps/guwr8PyAHyT2
• Time: เปิด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
• Facebook: www.facebook.com/NapLab