ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความสว่าง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของบ้านและผู้อยู่อาศัย บ้านที่มีแสงสว่างส่องผ่านค่อนข้างน้อยย่อมให้ความรู้สึกที่ทึบตันและหดหู่ ผิดกับบ้านที่มีความสว่างมากกว่าย่อมให้ความรู้สึกที่ดูโล่ง โปร่งสบาย วันนี้เรามีเคล็ดลับในเรื่องแสงสว่างที่เกี่ยวข้องกับการแต่งบ้านมาฝากกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปชมกันเลยครับ
1.ระดับความสว่าง (Lighting Level) กิจกรรมแต่ละอย่างภายในบ้านนั้น อาจต้องการระดับความสว่างไม่เท่ากัน เช่นเราอาจต้องการระดับความสว่างที่ 100% เพื่ออ่านหนังสือ แต่ในส่วนของการพักผ่อนเราอาจจะต้องการระดับความสว่างเพียงแค่ 50% ก็เป็นได้
2.โทนสีของแสง (Tone Color) โทนสีของแสงหลักๆจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ขาวอุ่น (Warm White) และ ขาวเย็น (Cool White or Day Light) ซึ่งโทนสีขาวอุ่นจะให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ส่วนขาวเย็นจะให้ความรู้สึกที่กระฉับกระเฉงและมีพลัง
3.ความถูกต้องของสี (CRI) ข้อนี้ต้องขึ้นอยู่กับการเลือกใช้หลอดไฟ โดยการเลือกใช้หลอดไฟที่มีค่า CRI ที่สูง ย่อมให้คุณภาพของแสงที่ส่องลงมาลงบนวัตถุ(สีวัตถุที่สมจริง)มากกว่า หลอดไฟที่มีค่า CRI ต่ำ
4.การจัดวางแสง (Lighting Design) ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างอารมณ์และความรู้สึกให้กับตัวบ้าน โดยการจัดแสงที่นิยมใช้หลักๆมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ 1) การจัดแสงแบบโดยตรง (Direct Light) จะเป็นการให้แสงโดยตรงจากหลอดไฟ และ 2) การจัดแสงแบบทางอ้อม (Indirect Light) จะเป็นการเลือกใช้แสงให้สะท้อนกับพื้นผิวของผนังหรือวัสดุต่างๆภายในห้อง เพื่อช่วยเพิ่มมิติและความน่าสนใจให้กับตัวห้องมากยิ่งขึ้น
และในปัจจุบันด้วยคุณสมบัติเทคโนโลยีของหลอดไฟแบบ LED Lighting ทำให้ผู้บริโภคสามารถดีไซน์การให้แสงสว่างได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น การเลือกใช้หลอดไฟ LED ที่มีดีไซน์คลาสสิคเพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับตัวบ้าน เป็นต้น
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ต่อไปในการตกแต่งบ้าน ชาว Favforward ก็อย่าลืมคำนึงเรื่องแสงสว่างภายในบ้านด้วยนะครับผม
ขอบคุณเคล็ดลับดีๆจาก หลอดไฟ Philips LED
เรื่อง – เรียบเรียง : Nomad609
ภาพประกอบ : Pexels