ย้อนรอยประวัติศาสตร์ 117 ปี “ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” บิ๊กไบค์สัญชาติอังกฤษ
อดีตคือ “ความคลาสสิก” ถ้าพูดถึงมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ ใครก็เชื่อแบบนั้น แต่วันนี้ไทรอัมพ์ไม่ใช่แค่ความคลาสสิก แต่ยังขยายตลาดไปถึงกลุ่มสปอร์ต แอดเวนเจอร์แอนด์ทัวร์ริ่ง ที่เริ่มได้รับความนิยมมากในปีนี้
ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2445 (ค.ศ.1902) ปัจจุบันนับเป็นระยะเวลากว่า 117 ปี และมีพนักงานทั่วโลกราว 2,000 คน รวมถึงมีบริษัทสาขาทั้งในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ บราซิล อินเดีย และประเทศไทย รวมถึงเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายอิสระ และมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 620 รายทั่วโลก โดยในประเทศไทย ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้เข้ามาทำตลาดในนาม บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2558 เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในการเติบโตของตลาดรถมอเตอร์ไซค์พรีเมี่ยมในประเทศไทย ปัจจุบัน ไทรอัมพ์ มีฐานการผลิตรถมอเตอร์ไซค์เต็มรูปแบบ 2 แห่ง ได้แก่ เมืองฮิงค์ลีย์ ประเทศอังกฤษ และที่นิคมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี ประเทศไทย โดยมีกำลังการผลิตรวม 65,000 คันต่อปีโดยประมาณ
สำหรับโรงงานไทรอัมพ์ในประเทศไทยมีการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มโมเดิร์น คลาสสิก (Modern Classic) ทั้ง 13 รุ่น อันประกอบไปด้วย บอนเนวิลล์ ที120 (Bonneville T120) บอนเนวิลล์ ที120 แบล็ค(Bonneville T120 Black) บอนเนวิลล์ที 100 (Bonneville T100) และ บอนเนวิลล์ ที100 แบล็ค (Bonneville T100 Black) รุ่นคลาสสิกร่วมสมัยอย่าง สตรีท ทวิน (Street Twin) และ สตรีท สแครมเบลอร์ (Street Scrambler) อีกทั้งรุ่นโมเดิร์นคลาสสิกที่เป็นที่สุดของการขับขี่เพื่อสายลุยตัวจริงแห่งปี สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี (Scrambler 1200 XC) และ สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี (Scrambler 1200 XE) รวมถึงรถสไตล์ Café Racer ในตำนานอย่าง ทรักซ์ตัน อาร์ (Thruxton R) รุ่นคลาสสิกสวยสะกดทุกสายตาอย่าง บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ (Bonneville Bobber) บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค (Bonneville Bobber Black) บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์ (Bonneville Speedmaster) ตลอดจนพี่ใหญ่โมเดลล่าสุดของตระกูลอย่าง สปีด ทวิน (Speed Twin) ตามมาด้วยกลุ่มแอดเวนเจอร์แอนด์ทัวร์ริ่ง (Adventure & Touring) อันประกอบไปด้วย ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ (Tiger 800 XCA) ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที (Tiger 800 XRT) และไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ (Tiger 800 XR) โฉมใหม่ และกลุ่มเน็กเก็ตโรสเตอร์ (Naked Roadster) ได้แก่ สตรีท ทริปเปิล อาร์เอส (Street Triple RS) ซึ่งกำลังการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ของไทรอัมพ์กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ที่จำหน่ายทั้งในประเทศไทย และทั่วโลกได้ถูกผลิตขึ้น ณ โรงงานไทรอัมพ์ในประเทศไทยแห่งนี้
ในขณะที่ตลาดรถมอเตอร์ไซค์พรีเมี่ยมในกลุ่มแบรนด์สัญชาติยุโรปและอเมริกาในประเทศไทย ไทรอัมพ์ ถือเป็นผู้นำกลุ่มในตลาดดังกล่าวด้วยสัดส่วนกว่า 34% ซึ่งการเติบโตที่แข็งแกร่งของ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ในประเทศไทย เป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกอย่างต่อเนื่องหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การเดินหน้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ปัจจุบันมีโชว์รูมและศูนย์บริการทั้งหมดรวม 14 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงการเปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภค ผ่านทั้งช่องทางออนไลน์ และในงานมหกรรมยานยนต์ทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังได้ให้ความสำคัญต่อการสื่อสารเรื่องแคมเปญหรือกิจกรรมต่าง ๆ บนช่องทางออนไลน์ ที่ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีความสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภค โดยช่องทางดังกล่าวช่วยขยายฐานลูกค้าในกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ระดับพรีเมี่ยมให้กว้างขวางมากขึ้นอีกด้วย ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตลอดจนประสิทธิภาพการบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดกิจกรรมออกทริปสำหรับดีลเลอร์และลูกค้าตลอดทุกเดือน เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในทางบวกแก่ทั้งดีลเลอร์และลูกค้าให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
ล่าสุดไทรอัมพ์เตรียมจัดงาน “ไทรอัมพ์ เดย์ 2019” (Triumph Day 2019) กิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับครอบครัวไทรอัมพ์ที่เป็นมากกว่าคอมมูนิตี้สำหรับคนรักมอเตอร์ไซค์ สุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในไทย ในวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2562 ตั้งแต่เวลา 17.00 – 22.00 น. ณ เสริมสุข แวร์เฮ้าส์ กรุงเทพฯ ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมมากมายที่ขนมาให้เหล่าสาวกไทรอัมพ์ที่มาร่วมงานได้ร่วมสนุกสนานกัน ไม่ว่าจะเป็น การจำลองบรรยากาศคลับ และร้านตัดผมสไตล์อังกฤษ รวมถึงกองทัพรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ทุกไลน์ทุกรุ่นให้มาสัมผัสและถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ตลอดจนสนุกสุดเหวี่ยงไปกับมินิคอนเสิร์ตวงดนตรีชื่อดังที่มาร่วมสร้างสีสัน ความเร้าใจตลอดทั้งงาน และลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษมากถึง 100 รางวัล ทั้งหมดนี้เพื่อส่งมอบประสบการณ์ในค่ำคืนสุดพิเศษแก่ผู้ร่วมงานทุกท่าน เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจแก่กลุ่มลูกค้าทั้งในปัจจุบันและในอนาคตให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุดอันเป็นหัวใจสำคัญควบคู่ไปกับการมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ผสมผสานงานออกแบบที่สวยงามคลาสสิกร่วมสมัยเข้ากับความแม่นยำในการควบคุมและสมรรถนะอันเป็นเลิศ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบตามสโลแกน “ฟอร์ เดอะ ไรด์” (For The Ride) ตอกย้ำตำแหน่งแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์พรีเมี่ยมอันดับ 1 ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การขับขี่ระดับพรีเมี่ยมที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้