BMW แชมป์ตัวจริง ที่หนึ่งเรื่องยนตรกรรมพร้อมเผยขุมพลังลูกรักคนใหม่ ALL NEW Series 3 และ การกลับมาของตำนานโรดสเตอร์ตัวจริง บีเอ็มดับเบิลยู Z4

BMW แชมป์ตัวจริง ที่หนึ่งเรื่องยนตรกรรมพร้อมเผยขุมพลังลูกรักคนใหม่ ALL NEW Series 3 และ การกลับมาของตำนานโรดสเตอร์ตัวจริง บีเอ็มดับเบิลยู Z4

เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 7 ของที่สุดแห่งยนตรกรรม พร้อมการกลับมาของตำนานโรดสเตอร์ตัวจริง บีเอ็มดับเบิลยู Z4 และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีล้ำยุคอย่าง 3D Printing มาเพิ่มทางเลือกใน การผลิต ปรับแต่งรถยนต์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น และการเริ่มดำเนินงานสายการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง เพื่อสนับสนุนการผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดให้ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยได้ทันท่วงที

สำหรับความสำเร็จด้านนวัตกรรม บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เปิดตัวเทคโนโลยี BMW ConnectedDrive บริการและแอปพลิเคชั่นเฉพาะบุคคล ให้ผู้ขับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้เพลิดเพลิน กับฟีเจอร์ผู้ช่วยในการขับขี่ ข้อมูลและความบันเทิง รวมถึงการสัญจร เพื่อความสะดวกสบายและ ความปลอดภัยระดับพรีเมียม เมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา นับเป็นการมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อแบบ ครบวงจรผ่านแพลตฟอร์ม Open Mobility Cloud ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ดิจิตอลเข้ากับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้แบบไร้สาย ไม่ว่าจะด้วย iPhone หรือ Apple Watch

ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ ระบบคลาวด์อัจฉริยะที่มาพร้อมความปลอดภัยระดับโลก ช่วยให้ BMW ConnectedDrive สามารถวิเคราะห์และเรียนรู้จากข้อมูลปริมาณมหาศาลที่บันทึกจากการขับขี่รถยนต์
บีเอ็มดับเบิลยู โดยระบบ 
Open Mobility Cloud ของบีเอ็มดับเบิลยูได้เลือกใช้แพลตฟอร์มไมโครซอฟท์ อาซัวร์เป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาบริการอัจฉริยะ เพื่อส่งเสริมให้เกิดประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่มากมาย ที่ไม่เพียงเชื่อมโยงตัวรถเข้ากับสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคอนเทนต์และระบบเครือข่ายอีกมากมายจากภายนอก

ฟีเจอร์พื้นฐานของ BMW ConnectedDrive ประกอบด้วย BMW Teleservices บริการที่ช่วยจัดการ นัดหมายอัตโนมัติผ่านการแชร์ข้อมูลของรถยนต์กับศูนย์บริการบีเอ็มดับเบิลยูที่ลูกค้าเลือกไว้วางใจ หรือผู้ขับขี่สามารถติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยูด้วยตนเองผ่าน BMW Teleservice Call เพื่อนัดหมายการรับบริการล่วงหน้าได้อีกด้วย

ส่วนในภาคการผลิต เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมสำหรับยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งอนาคต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะเริ่มต้นเดินหน้าประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง (High-Voltage Battery – HVBณ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 ภายในปีนี้ โดยได้วางรากฐานเชิงทักษะสำหรับพนักงานไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน 2561 เป็นต้นมา

ไฮไลท์รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดรุ่นใหม่ในปี 2562

  • บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ใหม่

ราคาจำหน่าย: 2,959,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

  • บีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport ใหม่

ราคาจำหน่าย: 3,359,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 โฉมใหม่ มาในดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวสะดุดตา ตอกย้ำความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ด้วยเส้นสายที่แข็งแกร่งและคมชัด ด้านหน้าของตัวรถมาในรูปลักษณ์ที่ดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้นในกรอบที่เชื่อมกับไฟหน้าคู่ LED ทรงเรียวยาวดีไซน์ใหม่ล่าสุด รับกับช่องดักอากาศรูปทรง เพิ่มความโดดเด่นให้แก่ด้านหน้าของรถ ด้านข้างของตัวรถโดดเด่นด้วยกรอบหน้าต่างดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar มอบมิติไร้ขอบหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวยิ่งขึ้นในรูปทรง แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และท่อไอเสียแบบคู่ให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม

BMW Series 3

การออกแบบโครงสร้างและเทคโนโลยีแชสซีใหม่ล่าสุดในบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 มอบการควบคุมที่เฉียบคมและปราดเปรียวยิ่งขึ้น ผสมผสานทั้งความสปอร์ตและความนุ่มสบายไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยประสิทธิภาพของชุดเบรกที่เหนือชั้น จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 นอกจากนี้ ตัวรถยังมีน้ำหนักที่เบาลงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 55 กิโลกรัม จากการใช้วัสดุอลูมิเนียมในชิ้นส่วนและโครงสร้างต่าง ๆ เช่น กระโปรงและกันชนหน้า ส่วนการออกแบบด้านอากาศพลศาสตร์ในบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ช่วยเสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำถึง 0.26 ลดลง 0.03 จากรุ่นก่อนหน้า ทั้งจากระบบ Active Air Flap แผ่นปิดด้านในกระจังหน้าไตคู่เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด และการจัดระเบียบทิศทางการไหลของอากาศผ่าน Air Curtains ที่ช่วยลดแรงเสียดทานอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนล่าสุด มอบพละกำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาทีจากเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบของบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ส่งกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้าที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550 – 4,400 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยทั้งสองรุ่นรองรับระบบ Driving Experience Control ที่มีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกทั้งในโหมด COMFORT, SPORT และ ECO PRO

บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ใหม่ มาพร้อมล้ออัลลอย 18 นิ้วลาย V Spoke และชุดแต่ง BMW Individual high-gloss Shadow Line ด้วยขอบหน้าต่าง ขอบช่องดักอากาศ และซี่บริเวณกระจังหน้าไตคู่สีดำเงาเช่นเดียวกับภายใน ซึ่งตกแต่งด้วยวัสดุอลูมิเนียมลาย Mesheffect พร้อมพวงมาลัยและที่นั่งด้านหน้าแบบสปอร์ต ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport โดดเด่นด้วยชุดแต่ง M Sport ที่ช่วยเสริมทั้งรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวและสมรรถนะปราดเปรียว ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วงล่าง ชุดเบรก และชุดแอโรไดนามิคส์ แบบ M Sport ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้วลาย Double Spokeและพวงมาลัยหนังแท้ ภายในตกแต่งด้วยวัสดุอลูมิเนียม Tetragon

 BMW Series 3

ส่วนห้องโดยสารได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นหัวใจสำคัญ พร้อมแผงหน้าปัดและจอ Control Display ในดีไซน์ใหม่ สะดวกสบายด้วยพื้นที่ด้านหน้าและด้านหลังที่กว้างขวางยิ่งขึ้น รวมถึงพื้นที่จุสัมภาระถึง 480 ลิตร เบาะนั่งสามารถพับได้แบบ 40:20:40 บรรยากาศหรูหราด้วยไฟ ambient light และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 ตอน

ส่วนระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ติดตั้งมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7.0 ในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport และทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวกับระบบ BMW Live Cockpit Professional ระบบผู้ช่วยส่วนตัวนี้สามารถรับคำสั่งจากเสียงพูดในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นอันชาญฉลาดอีกมากมาย สามารถเรียนรู้และจดจำกิจวัตรประจำวันและความชอบส่วนตัวของผู้ขับขี่ได้ ก่อนจะนำมาปรับใช้งานอย่างถูกต้อง แม่นยำ หากผู้ขับขี่รู้สึกว่าอุณหภูมิในตัวรถหนาวเกินไป ก็สามารถพูดออกคำสั่งว่า “Hey BMW, I’m cold” เพื่อให้ระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ปรับการทำงานของระบบปรับอากาศให้เหมาะสม ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยูได้พัฒนาให้ระบบผู้ช่วยส่วนตัวนี้สามารถอัพเกรดเพื่อเพิ่มเติมคุณสมบัติและรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ๆ ได้อีกในอนาคต

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด (Parking Assistant) ในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport ระบบเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง (Park Distance Control) ในบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport รวมถึงระบบการเชื่อมต่อ BMW ConnectedDrive เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไรขีดจำกัด และระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport

  • บีเอ็มดับเบิลยู Z4 sDrive30i M Sport ใหม่

ราคาจำหน่าย: 3,999,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

  • บีเอ็มดับเบิลยู Z4 M40i ใหม่

ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

รถสปอร์ตโรดสเตอร์สุดคลาสสิก บีเอ็มดับเบิลยู Z4 พร้อมแล้วที่จะกลับมาโลดแล่นอีกครั้งในโฉมใหม่ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งกว่า ผสมผสานทั้งรูปลักษณ์ที่สะท้อนทุกชั่วขณะของความเพลิดเพลินบนท้องถนน ทั้งยังเพียบพร้อมด้วยบรรยากาศสุดหรูหราในห้องโดยสาร และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน

BMW Z4

งานออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยู Z4 ใหม่ ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นโรดสเตอร์พันธุ์แท้ด้วยตัวถังเปิดประทุน แบบสองที่นั่ง พร้อมหลังคาผ้าใบที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสในเวลาเพียง 10 วินาที และรองรับการเปิด-ปิดขณะขับขี่ได้ที่ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนกระจังหน้าทรงไตคู่มาในดีไซน์ใหม่แบบตะแกรง เสริมกลิ่นอายความสปอร์ตคู่กันไปกับกระโปรงหน้าทรงยาว ไฟหน้า LED ที่จัดเรียงในแนวตั้ง และช่องรับลมขนาดใหญ่บริเวณซุ้มล้อหน้า ขณะที่ส่วนท้ายรถก็ขับเน้นบุคลิกสุดโฉบเฉี่ยวด้วยสปอยเลอร์ที่ผนึกมาเป็นส่วนหนึ่งของฝากระโปรงท้าย ซึ่งซ่อนพื้นที่เก็บของที่มีความจุถึง 281 ลิตร มากกว่าในรุ่นก่อนหน้าถึง 50%

 BMW Z4

บีเอ็มดับเบิลยู Z4 ใหม่ มีให้เลือกเป็นเจ้าของในสองรุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ZsDrive30i M Sport ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้พละกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์/ 258 แรงม้า และเร่งความเร็วจาก ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 5.4 วินาที ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู ZM40i เสริมความแรงด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบที่ส่งพลังถึง 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้าลงสู่ล้อหลัง
เร่งความเร็ว 
0-100 ได้ภายใน 4.5 วินาที ขณะที่ระบบ Driving Experience Control ในทั้งสองรุ่น สามารถปรับแต่งลักษณะการขับขี่ให้ตรงกับทุกความต้องการ นับจากการโลดแล่นบนท้องถนนในวันสบายๆ ใน
โหมด 
COMFORT ไปจนถึงความแม่นยำและเฉียบคมสไตล์สปอร์ตในโหมด SPORT และ SPORT+

BMW Z4

ทุกสัดส่วนของบีเอ็มดับเบิลยู Z4 ใหม่ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อเสริมความคล่องแคล่วและเพรียวลมบนท้องถนน กระจายน้ำหนักสู่ล้อหน้าและล้อหลังที่อัตราส่วน 50:50 โดยบีเอ็มดับเบิลยูZsDrive30i M Sport เสริมความโฉบเฉี่ยวจากทุกมุมมองด้วยชุดแต่ง M Sport รอบคัน เบาะนั่งหนังแท้ Vernasca พวงมาลัยหนังแท้ และห้องโดยสารที่ตกแต่งด้วยชุดแต่ง Quartz Silverขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู ZM40i เติมความดุดันด้วยระบบช่วงล่างสมรรถนะสูง Adaptive M Suspension ระบบเบรก M Sport เบาะนั่ง M Sport หนังแท้ Vernasca พร้อมพวงมาลัยหนังแท้ดีไซน์ และเข็มขัดนิรภัยลาย แผงคอนโซลวัสดุ Sensatec และชุดเครื่องเสียงแบบเซอร์ราวด์จาก Harman Kardon

 

ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ในบีเอ็มดับเบิลยู Z4 ใหม่ ครบครันกว่ารถสปอร์ตโรดสเตอร์รุ่นไหนๆ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจบนทุกเส้นทาง ขณะที่ระบบ BMW Live Cockpit Professional มาพร้อมกับแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลล้วน และหน้าจอทัชสกรีนขนาด 10.25 นิ้วที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7.0 ซึ่งรองรับการปรับแต่งทุกคุณสมบัติให้เข้ากับการใช้งานจริงของผู้ขับขี่ และทำงานประสานเป็นหนึ่งกับบริการ BMW ConnectedDrive เพื่ออำนวยความสะดวกในทุกจังหวะ ทั้งยังรองรับการอัพเดทซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในอนาคต นอกจากนี้ ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู ZsDrive30i M Sport ใหม่ และบีเอ็มดับเบิลยู ZM40ใหม่ ยังรองรับระบบผู้ช่วยส่วนตัว BMW Intelligent Personal Assistant ที่มาพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง เพื่อความสะดวกสบายของผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น

  • บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่

ราคาจำหน่าย: 399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT สมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูลสกู๊ตเตอร์ขนาดกลาง มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมสมรรถนะการขับขี่แบบทัวริ่งในสไตล์แกรน ทัวริสโม ให้เพลิดเพลินทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ระยะใกล้หรือไกล

บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หนึ่งสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มอบพละกำลังสูงสุด 25 กิโลวัตต์ (34 แรงม้า) ที่ 7,500 รอบต่อนาที ทำงานเข้าจังหวะกับระบบเกียร์ CVTและสวิงอาร์มที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงสั่นสะเทือนและมอบความนุ่มสบายในขณะขับขี่ ส่วนระบบ Automatic Stability Control (ASC) ก็ช่วยให้ตัวรถมั่นคง ปลอดภัยขณะเร่งความเร็ว แม้บนพื้นถนนที่เปียกและลื่น

นอกจากเฟรมเหล็กกล้าที่มอบความแข็งแกร่งให้กับระบบช่วงล่างเช่นเดียวกับในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู C 400 X แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู 400 GT ยังมาพร้อมโช้คหน้าแบบเทเลสโคปิก โช้คหลังแบบสปริงสตรัทคู่ พร้อมด้วยดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวที่ล้อหลัง และระบบ ABS เพื่อมอบความปลอดภัยด้วยแรงเบรกแบบเต็มประสิทธิภาพ

บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT โฉบเฉี่ยวด้วยดีไซน์ที่ผสานทั้งความสวยงามและประโยชน์ใช้สอยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไฟหน้าคู่ LED สร้างเอกลักษณ์โดดเด่นในสไตล์มอเตอร์ไซค์ตระกูล Cพร้อมไฟ LED 
ส่องสว่างตอนกลางวัน 
daytime running light และไฟ Control Brake Light ตอกย้ำความเป็นแกรน ทัวริสโมด้วยกระจกบังลมที่ได้รับการออกแบบมาให้สูงกว่าบีเอ็มดับเบิลยู C 400 X และช่องเก็บของแบ่งพื้นที่ภายในเป็นสองส่วนเพื่อความสะดวกสบายและเป็นระเบียบ พร้อมด้วยช่องเก็บหมวกกันน็อก Flexcase ที่พับเก็บอยู่ใต้เบาะแบบตอนเดียว อีกทั้งยังมอบความสะดวกสบายให้แก่ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยพนักพิงแยกบนที่นั่งสำหรับผู้ขับขี่ และบอร์ดวางเท้าสำหรับผู้โดยสาร ให้ขับขี่อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย ตอบได้ทุกโจทย์ในชีวิตประจำวัน

บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ล้ำสมัยด้วยหน้าจอสีมัลติฟังก์ชั่น TFT Screen ขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยีเชื่อมต่อ BMW ConnectedRide และระบบ Keyless Ride โดยมาให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว Alpine White สีเทา Moonwalk Grey Metallic และสีดำ Blackstorm Metallic

keyboard_arrow_up