MOVIE SHADES: What’s For Dinner Mom? เสียงของแม่ที่เรียกให้กินข้าว

WHY: หนึ่งในความทรงจำที่ทำให้เราระลึกถึงแม่เสมอ คือฝีมือการทำอาหารที่ยังไงซะจะอร่อยหรือไม่อร่อย ก็ถูกบรรจงทำด้วยความรักและความปรารถนาดีของแม่ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คุณหวนรำลึกถึงรสชาติความรักที่ไม่เคยลืมเลือนไปจากใจอีกครั้ง

“โอฟุคุโร่ะ โนะ อาจิ” แปลว่า “รสชาติอาหารฝีมือแม่”

ซึ่งมาจากคำว่า “โอฟุคุโร่ะ” ที่เป็นคำศัพท์เก่าที่ใช้เรียกแทนคำว่า “แม่” ซึ่งนิยมใช้ในช่วงปี 1970 – 1990 โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า “ฟุคุโร่ะ” ที่แปลว่ากระเป๋า และใส่ “โอ” ไว้เป็นคำนำหน้านามเพื่อให้เกิดความสุภาพ ดังนั้นคำว่า “โอฟุคุโร่ะ” จึงแปลตรงตัวได้ว่า “คุณกระเป๋า” เนื่องจากว่าในสมัยก่อนนั้น “แม่” มีหน้าที่เป็นแม่บ้าน และคอยเก็บรักษาเงินกับของมีค่าของครอบครัวเอาไว้ จึงทำให้คำๆนี้ เป็นศัพท์ที่เด็กๆใช้เรียกแทนคำว่า “แม่” นั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งคำโบราณที่ใช้เรียกแทนคำว่าแม่ก่อนคำว่า “โอฟุคุโร่ะ” นั่นก็คือคำว่า “ฮาฮะอุเอะ” ที่เราเคยได้ยินในตอนต้นของเพลงจบของการ์ตูนอิกคิวซังที่ร้องว่า

“ฮาฮะอุเอะ ซามา , โอเกงกิ เดสึ ก๋า ?”

ซึ่งแปลว่า ท่านแม่สบายดีไหม ?

ซึ่งๆแน่นอนว่าเป็นคำที่เก่ามากจริงๆ และไม่มีการนำมาใช้แล้ว ส่วนในปัจจุบัน คำว่า “แม่” ในภาษาญี่ปุ่นนั้น ใช้คำว่า “โอก้าซัง” ที่เราได้ยินกันบ่อยๆนั่นเอง  และถึงแม้ว่ากาลเวลาจะทำให้คำที่ใช้เรียกแทนคำว่า “แม่” ในภาษาญี่ปุ่นนั้นเปลี่ยนไป แต่คำว่า “รสชาติอาหารฝีมือแม่” ยังคงใช้ว่า “โอฟุคุโร่ะ โนะ อาจิ” อยู่ดี ซึ่งเป็นวลีที่ใช้อธิบายรสชาติอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ ทำด้วยความใส่ใจ และใช้ความรักอย่างพิถีพิถัน ซึ่งรสชาติของอาหารของแต่ละบ้านก็จะไม่เหมือนกัน อย่างเช่น ข้าวแกงกะหรี่ ของแต่ละครอบครัว ก็จะมีรสชาติและสูตรของส่วนผสมที่แตกต่างกันไป ต่างกับบรรยากาศของแม่ที่ทำอาหารอยู่ในครัว ที่มีความคล้ายกัน และได้ฝังอยู่ในความทรงจำของลูกๆทุกคน

What’s For Dinner Mom (เมนูนี้ยังคิดถึง) มีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า Mama , Gohan Mada ? (แม่ , ข้าวเสร็จหรือยัง ?) สร้างมาจากนิยายที่เขียนมาจากเรื่องจริงโดย Tae Hitoto (รับบทโดย Haruka Kinami) ลูกสาวคนโตของ Kazue Hitoto (Michiko Kawai) ผู้เป็นแม่ ที่ได้แต่งงานกับสามีชาวไต้หวัน ในช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สิ้นสุดลง และประเทศญี่ปุ่นเอง ก็หมดอำนาจในการปกครองประเทศไต้หวัน ส่งผลให้ไต้หวันเปลี่ยนมาถูกปกครองโดยจีนในเวลาต่อมา ซึ่งสามีของ Kazue (หรือในเรื่องจะเรียกแต่นามสกุลของเธอว่า Hitoto) นั้น ได้แนะนำให้เธอ พาลูกสาวทั้ง 2 คน มาเลี้ยงดูและเติบโตที่ประเทศญี่ปุ่น โดยตัว Hitoto เองนั้น นอกจากลูกสาวทั้ง 2 คนแล้ว ก็มีเพียงฝีมือการทำเมนูอาหารไต้หวันเท่านั้น ที่ติดตัวเธอกลับมาด้วย

รสชาติฝีมือการทำเมนูอาหารไต้หวันของ Hitoto นั้น ไม่เพียงแค่มีรสชาติที่อร่อย และช่วยทดแทนความรู้สึกของการคิดถึงบ้านได้เท่านั้น แต่ยังสามารถบอกได้ถึงความทรงจำในช่วงเวลาที่เธอนั้น ได้พยายามที่จะเข้าหาครอบครัวของฝั่งสามี และความตั้งใจที่จะเป็นศรีภรรยาที่ดีของบ้านให้ได้ อีกทั้งยังเป็นการบอกเล่าถึงความห่วงใยในการเลี้ยงดูลูกสาวทั้ง 2 คน ด้วยสิ่งที่เธอรัก และสิ่งที่เธอถนัดที่สุด นั่นก็คือการทำอาหารอย่างสุดฝีมือ ที่สามารถบอกเล่าถึงตัวตนของเธอที่อบอุ่น และเชื่อมโยงความสัมพันธ์ภายในครอบครัวเข้าไว้ด้วยกัน

What’s For Dinner Mom เป็นภาพยนตร์ที่ใช้วิธีการเล่าเรื่องที่คล้ายกับการอ่านหนังสือ ด้วยการดำเนินเรื่องที่ช้า แต่เต็มไปด้วยความละเมียดละไม ซึ่งสิ่งที่ตัวภาพยนตร์และตัวผู้กำกับ Misuhito Shiraha พยายามจะถ่ายทอดนั้น คือความรู้สึกของการได้เฝ้าดูกิจวัตรประจำวันที่แสนจะธรรมดาของคนเป็นแม่คนหนึ่ง ที่ไม่ว่าใครก็จะมีภาพความทรงจำประเภทนี้ อยู่ในอดีตของเราทั้งสิ้น และแม้ว่าในตัวภาพยนตร์นั้น ได้ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับความพิถีพิถันในการทำอาหารลงไป แต่นั่นกลับทำให้ภาพของแม่ของเราในความทรงจำ ที่กำลังทำอาหารให้เรากินนั้นกลับเด่นชัดขึ้นมา จนแทบจะทำให้เราสัมผัสได้ถึงเสียงและกลิ่นที่โชยมาจากกะทะในครัว ที่ทำให้เราคิดถึงแม่อย่างจับใจ

นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังใช้เพลงประกอบจาก Yo Hitoto (รับบทโดย Izumi Fujimoto) ลูกสาวคนเล็ก ที่เติบโตขึ้นมาเป็นศิลปินแนว Pop Folk ที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่นและไต้หวันในชีวิตจริงอีกด้วย โดยเพลงที่ใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้คือเพลงที่ชื่อว่า Sorane (เสียงจากฟ้า) ที่บอกเล่าถึงความทรงจำเมื่อนึกถึงแม่ ที่แม้ว่าจะทำให้รู้สึกเศร้า แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของแม่ที่เคยดูแลและห่วงใยลูกๆอยู่เสมอ ซึ่งถือว่าเป็นการเขียนและเรียบเรียงเพลงในสไตล์ของ Yo Hitoto ที่ได้รับความนิยมและสร้างชื่อเสียงให้กับเธอ เป็นเวลานานนับ 10 ปี

ทุกวันนี้ แม้คำว่า “โอฟุคุโร่ะ” จะไม่ค่อยถูกนำมาใช้เพื่อใช้เรียกแทนคำว่า “แม่” ซักเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานซักเพียงไหน “แม่” ก็คือ “ผู้ที่เก็บของที่มีค่าของครอบครัว” อยู่เสมอ แม้ว่าบทบาทของแม่ที่ต้องรับผิดชอบครอบครัวอาจแตกต่างไปบ้าง แต่ของมีค่าเหล่านั้น ก็ยังคงถูกเก็บและรักษาไว้โดยแม่อยู่เสมอ ซึ่งอาจไม่ใช่เงิน หรือทรัพย์สินเงินทอง หากแต่เป็นไออุ่นของความรัก และภาพของความทรงจำ ที่ไม่ว่านานสักเพียงไหน เราก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความห่วงใย ที่แม่เคยมีให้เสมอ ไม่ว่าจะในห้องครัว หรือว่าจาก บนฟากฟ้าก็ตาม

keyboard_arrow_up