The Red Turtle

MOVIE SHADES : The Red Turtle หนังเงียบแสดงสัจธรรมของชีวิต

The Red Turtle
The Red Turtle

เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ทาง Academy of Motion Picture Arts and Sciences หรือ AMPAS ผู้จัดงานประกาศรางวัล Oscar ได้ประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 89 ซึ่งมีทั้งหมด 24 สาขารางวัล และหนึ่งในผู้เข้าชิงรางวัลสาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม (Best Animated Film) นั่นก็คือภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง The Red Turtle

 

The Red Turtle

The Red Turtle : เต่าแดง, La tortue rouge เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่เป็นการร่วมงานกันระหว่าง (featured film) บริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์จากเยอรมนีที่ชื่อ Wild Bunch และ Studio Ghibli ภายใต้การดูแลของ Isao Takahata หนึ่งในผู้ถือก่อตั้งที่อยู่เคียงคู่กับ Hayao Miyasaki มาโดยตลอด ซึ่งทาง Wild Bunch ได้เจรจาพูดคุยเกี่ยวกับโปรเจกต์นี้ตั้งแต่ปี 2008 แล้วได้ทาบทามให้ Michael Dudok de Wit ผู้กำกับชาวดัทช์ ที่เคยได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดสั้นเมื่อปี 2000 จากเรื่อง Father & Daughter มากำกับโปรเจกต์ร่วมกันนี้ โดยให้ทางฝ่ายของ Studio Ghibli นำทีมโดย Isao Tahakata (Grave of the Fireflies) รับหน้าที่ดูแลการออกแบบศิลป์ทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายใหม่ของทางสตูดิโล หลังจากที่ได้เคยออกมาประกาศว่าจะงดผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นไปซักระยะหนึ่ง เมื่อปี 2014 และถือเป็นครั้งแรกที่ทางสตูดิโอจะผลิตภาพยนตร์ที่ไม่ใช้ผู้กำกับที่เป็นชาวญี่ปุ่น

The Red Turtle

หนังเรื่องนี้ออกแบบตัวละครและวาดภาพทั้งหมดด้วยทีมงานคนญี่ปุ่น แต่กลับไม่มีเค้าโครงของความเป็นญี่ปุ่น หรือหลงเหลือเอกลักษณ์ของความเป็น Studio Ghibli ไว้เลย ด้วยโจทย์ที่ท้าทาย และเป็นความตั้งใจของผู้กำกับ Michael Dudok de Wit ที่ต้องการทำภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ออกมาให้เป็นกลิ่นไอของตะวันตก หากแต่คงไว้ด้วยความอ่อนโยนของสี ฉาก และโทนภาพ ที่มาจากประสบการณ์การทำงานของ Studio Ghibli ซึ่งตัวผู้กำกับเองก็เป็นแฟนของสตูดิโอนี้มาช้านาน ส่งผลให้แอนิเมชั่นเรื่องนี้มีตัวละครที่เหมือนกับการ์ตูนช่อง (Comic Strips) ของฝรั่ง แต่เล่าเรื่องด้วยภาพที่ดูคล้ายกับนิทานภาพสำหรับเด็ก แต่ก็แฝงไว้ด้วยเรื่องราวที่มีความหมายที่ลึกซึ้ง

The Red Turtle

The Red Turtle นั้นเริ่มเรื่องราวจากเหตุการณ์เรืออับปางของชายคนหนึ่ง ที่ตะเกียกตะกายที่จะเอาชีวิตรอดทะเล ท่ามกลางกระแสคลื่นและพายุ ก่อนที่เขาจะถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นที่ชายหาดของเกาะร้างแห่งหนึ่ง แล้วเขาก็พยายามที่จะมีชีวิตรอดจากการอาศัยธรรมชาติที่มีอยู่บนเกาะนั้น ซึ่งแม้ว่าเขาจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยผลไม้ และปลาต่างๆ แต่ในใจของเขากลับรู้สึกไม่พึงพอใจที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนเกาะนี้ และทำให้เขามีความคิดที่จะต่อแพที่ทำมาจากไม้ไผ่ แล้วออกทะเลไปเพื่อกลับไปสู่แผ่นดินที่เขาได้จากมา แต่แล้วการเดินทางของเขาก็ไม่ง่ายเช่นนั้น เมื่อมีเหตุการณ์ที่ทำให้เรือแพของเขาต้องแตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงทำให้เขาท้อแท้และล้มเลิกที่จะล่องเรือออกไปจากเกาะนี้ จนกระทั้งเมื่อเขาได้พบว่า ผู้ที่ทำให้เรือแพของเขาต้องจมลงคือเจ้า “เต่าสีแดง” ปริศนา ซึ่งทำให้เขาโกรธมาก และได้ส่งผลให้เขาได้ทำเรื่องราวอันเลวร้ายลงไป

The Red Turtle

ด้วยตัวภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่เป็นหนังเงียบ จะใช้วิธีการเล่าเรื่องด้วยภาพ และใช้การเคลื่อนไหวของตัวละคร ที่แฝงไปด้วยเจตนาและความตั้งใจ ที่ทำให้เราสามารถใจจดใจจ่ออยู่กับเนื้อเรื่องที่ค่อยๆเล่าได้ตลอดเวลา บวกกับความรู้สึกของการค่อยๆ ซึมซับอารมณ์ของตัวละคร ที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางผู้กำกับ Michael Dudok de Wit เอง ก็เคยได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดสั้น จากภาพยนตร์เงียบมาแล้วด้วยเช่นกัน เขาจึงได้ใช้การเล่าเรื่องสไตล์นี้อีกครั้งกับหนังเรื่องนี้ แล้วก็ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ

The Red Turtle

แม้ว่าจะไม่มีบทสนทนาใดๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่กลับไม่มีความยากใดๆ ในการเข้าใจเนื้อเรื่อง หรือเจตนาของผู้สร้าง ที่ต้องการให้ผู้ชมได้เข้าถึงความสุขของการได้มีชีวิตอยู่ของมนุษย์คนหนึ่ง ไปพร้อมๆ กับสัจธรรมของชีวิต อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้คือตัวเต็งของออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม ที่มีคู่แข่งเป็นถึงหนังฟอร์มยักษ์ของสตูดิโอดิสนีย์ถึง 2 เรื่อง (Moana และ Zootopia) ซึ่งถ้าหากว่าการประกาศรางวัลสาขานี้ ทางคณะกรรมการได้เห็นถึงความสำคัญของความงดงามแบบเรียบง่ายแล้วล่ะก็ The Red Turtle ก็ถือว่ามีแนวโน้มที่สูงมากๆ ที่จะได้รับรางวัลสาขานี้เลยทีเดียว เว้นเสียแต่ว่าทางคณะกรรมการเองก็จะเล็งเห็นว่า Kubo and the Two Strings ก็ได้ใช้เวลาและความทุ่มเทให้กับความประณีตของเทคนิคแบบ stop motion ด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นก็อาจทำให้ หนังเรื่องนี้ พลาดโอกาสที่จะได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ไป

The Red Turtle

ความเข้าใจในชีวิต และความหมายของการได้มีชีวิตอยู่ บวกกับภาพและฉากความงดงามของธรรมชาติ ที่อาจโอบอุ้มหรือทำลายเราก็ได้ คือหัวใจสำคัญของภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ เพราะทุกๆ การกระทำหรือการเคลื่อนไหวของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ หรือเป็นการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ ต่างแฝงไปด้วยความหมายและนัยยะสำคัญทั้งนั้น จึงทำให้ The Red Turtle เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่งดงามและน่าจับตามอง อีกทั้งยังมาพร้อมกับความน่ายินดี ที่ทาง Studio Ghibli ได้กลับมาผลิตภาพยนตร์อีกครั้งหนึ่งด้วย

The Red Turtle

keyboard_arrow_up