Age of Shadows

MOVIE SHADES : Age of Shadows ใต้เงาของการล่า

Age of Shadows
Age of Shadows

Age of Shadows ภาพยนตร์เกาหลีว่าด้วยเรื่อง การเสียสละ ความสามัคคี และความรักชาติ กระตุกต่อมความคิดและทิ่มแทงใจ ให้เราเดินหน้าต่อไปด้วยใจที่รักในแผ่นดินเกิด

หากจะให้พูดถึงประเทศที่เป็นหนึ่งในผู้นำด้านวัฒนธรรมสมัยใหม่ในปัจจุบัน หลายคนก็คงจะนึกถึงประเทศเกาหลีใต้ ที่มีทั้งศิลปิน K-Pop ดารา ซีรี่ส์ และภาพยนตร์มากมายที่ผู้คนทั่วทั้งโลกพากันติดตาม อย่างเช่นล่าสุด Forbes Asia ก็ได้ยกให้หนุ่ม G-Dragon จากวง Big Bang ติดอันดับ 1 ใน 30 บุคคลที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในเอเซีย ซึ่งนอกจาก G-Dragon แล้ว ยังมีศิลปินและบุคคลอื่นที่เป็นชาวเกาหลีใต้อยู่ในการจัดอันดับนี้ถึง 5 คน ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควรเลยที่เดียว แต่ใครจะรู้บ้างว่า ประเทศเกาหลีใต้ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ แทบไม่เคยมีศิลปะหรือวัฒนธรรมเป็นของตนเองเลย จนกระทั่งเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ที่ได้มีการเริ่มสร้างวัฒนธรรม pop culture ขึ้นมาใหม่

Age of Shadows

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลามากกว่าหลายร้อยปีมาแล้ว ประเทศเกาหลีได้ถูกยึดครองโดยต่างชาติเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์ถังที่ได้เข้ายึดครองประเทศเกาหลีตั้งแต่ที่ยังเรียกตนเองว่า “อาณาจักรโกรครูยอ” ก่อนที่ต่อมาจะถูกรุกรานและยึดครองโดยชาวมองโกลในสมัยราชวงศ์หมิง ตามด้วยการปกครองของราชวงศ์ชิง ก่อนที่จะถูกประเทศญี่ปุ่นเข้ายึดครองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งระหว่างนั้น ทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้พยายามที่จะลบล้างความเป็นชาติของประเทศเกาหลี ด้วยเผาหนังสือและตำราเรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีทั้งหมด แล้วบังคับให้คนเกาหลีเรียนภาษาญี่ปุ่นไปพร้อมๆ กับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น รวมไปถึงการห้ามแสดงออกทางวัฒนธรรมทางเกาหลี ที่จะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้ยัดเยียดกฏระเบียบและบทลงโทษเหล่านี้ ให้กับคนเกาหลีเป็นเวลามากกว่า 30 ปี ก่อนที่จะพ่ายแพ้สงครามแล้วถอนกำลังออกจากประเทศเกาหลีทั้งหมดในปี พ.ศ. 2488

Age of Shadows

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง รัฐบาลญี่ปุ่นได้ถอนกำลังและอำนาจการปกครองออกจากประเทศเกาหลี ซึ่งก็น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่ประเทศเกาหลีจะสามารถกลับมาเป็นประเทศของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่าเรื่องราวการถูกยึดครองของประเทศเกาหลีโดยต่างชาตินั้นยังไม่จบเพียงแค่นี้ ในปี พ.ศ. 2496 ประเทศเกาหลีได้ถูกสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต (ประเทศรัสเซียในขณะนั้น) แบ่งออกเป็นฝ่ายเหนือกับใต้ ด้วยการปกครองและระบบเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน โดยทางเกาหลีเหนือจะถูกดูแลด้วยระบอบคอมมิวนิสต์โดยสหภาพโซเวียต และทางเกาหลีใต้จะถูกดูแลโดยสหรัฐอเมริกาด้วยการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตามด้วยสงครามเย็น และสงครามแบ่งแยกดินแดนประเทศของประเทศเกาหลีเหนือกับใต้ ที่ยืดเยื้อจนถึงปี พ.ศ. 2496 ซึ่งทางเกาหลีเองก็พยายามที่จะหาวิธีเจรจาเพื่อรวมประเทศอย่างสันติอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ และยังคงพยายามเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

Age of Shadows

คงไม่มีประเทศใดที่ต้องทนอยู่กับความอัดอั้น ภายใต้เงาของการถูกปกครองโดยประเทศอื่น มากเท่าประเทศเกาหลีอีกแล้ว และสิ่งนั้นเองที่เราสามารถเห็นได้ชัด จากภาพยนตร์ชื่อ Age of Shadows หรือชื่อไทยว่า “คน ล่า ฅน” ภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่เล่าถึงเรื่องราวของกองกำลังต่อต้านรัฐบาลญี่ปุ่น ในยุคที่ประเทศถูกเข้ายึดและปกครองโดยรัฐบาลญี่ปุ่น ด้วยบรรยากาศที่อึมครึมไปด้วยเมฆหมอกของสงคราม และการต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เล่าถึง ศักดิ์ศรีของความเป็นคนเกาหลี และความรักชาติ ที่มาพร้อมกับการดำเนินเรื่องเชิงสืบสวนสอบสวน ภายใต้ฉากและเครื่องแต่งกายของยุคสมัยปี 1920 ที่ทำออกมาได้อย่างดี บวกกับการแสดงของ กงยู ที่มารับบท คิม วูจิน หนึ่งในแกนนำกองกำลังต่อต้าน และ ซอง คังโฮ ที่รับบทเป็น ลี จองซุล ตำรวจเกาหลีที่ต้องทำงานภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาลญี่ปุ่น ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์ลูกผู้ชาย ที่สื่อถึงความรักชาติ และความตื่นเต้นภายใต้บรรยากาศที่กดดัน ได้เป็นอย่างดี

Age of Shadows

จากการกำกับของ คิม จีวูน ที่เคยฝากผลงานสยองขวัญไว้กับ I Saw the Devil (2010) หรือ เกมโหดล่าโหด และ A Tale of Two Sisters (2003) ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ตู้ซ่อนผี ได้มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยการเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม พร้อมกับองค์ประกอบต่างๆ ที่ใส่ใจรายละเอียดเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากนี้ยังมีฉากบางฉากที่มีการดำเนินเรื่องได้อย่างตื่นเต้นภายใต้สภาพแวดล้อมปิด ที่ทำออกมาแล้ว คล้ายภาพยนตร์เรื่อง Train to Busan (2015) อีกด้วย

Age of Shadows

Age of Shadows หรือ คน ล่า ฅน เป็นภาพยนตร์เกาหลีเรื่องแรกของปี ที่เข้าฉายในประเทศไทย และถือว่าเป็นการเริ่มต้นปี ด้วยความรู้สึกที่เข้าใจถึงการเสียสละ ความสามัคคี และความรักชาติ ที่ทำให้เราได้มีโอกาศให้ฉุกคิด แล้วมองย้อนมาที่ตัวเรา ถึงผืนแผ่นดินที่เรายืน ให้เตือนสติของเราว่า พวกเรานั้นโชคดีแค่ไหนที่ประเทศชาติของเราไม่เคยต้องสูญเสียเอกราชให้ใคร และพวกเรานั้น โชคดีแค่ไหน ที่ประเทศชาติของเรานั้นยังคงอยู่ แม้ว่าในปัจจุบัน เราจะแตกสามัคคีกันได้ถึงเพียงนี้ ซึ่งถือว่าเป็นข้อคิดเตือนสติที่ทิ่มแทงใจ และหวังว่าจะทำให้เราเดินหน้าต่อไปด้วยใจที่รักในแผ่นดินเกิดของเรามากขึ้นในอนาคต

Age of Shadows

keyboard_arrow_up