อ่านให้จบแล้วจะรู้ว่าทำไมต้องตามไปดู … Star Wars หนึ่งในภาพยนตร์มหากาพย์ที่แฟนๆ ทั้งหลายตั้งตารอคอยมากที่สุดเรื่องหนึ่ง เตรียมกลับมาเปิดตำนานครั้งใหม่กับภาพยนตร์เดี่ยวครั้งแรกใน ROGUE ONE: A STAR WARS STORY
ROGUE ONE: A STAR WARS STORY กลับมาสานต่อตำนาน Star Wars ของ จอร์จ ลูคัส ที่บอกเล่าเรื่องราวภายในจักรวาลให้มากขึ้น เพื่อมาเติมเต็มตำนานภาพยนตร์เรื่องนี้ให้สมบูรณ์ และเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของ ลุค สกายวอล์คเกอร์
โร้ค วัน จะพาเราไปร่วมเปิดตำนานครั้งใหม่ สู่มหากาพย์การผจญภัยกับเรื่องราวใหม่ ในช่วงเวลาแห่งความขัดแย้ง กลุ่มวีรบุรุษรวมตัวกันในปฏิบัติการโจรกรรมแผนผังการสร้างดาวมฤตยู (เดธสตาร์) สุดยอดอาวุธมหาประลัยของฝ่ายจักรวรรดิ เหตุการณ์อันสำคัญในเส้นเวลาของสตาร์ วอร์สนี้ ได้นำพากลุ่มคนธรรมดาที่เลือกที่จะทำในสิ่งไม่ธรรมดา
โร้ค วัน บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่ไม่น่าจะเป็นวีรบุรุษ ผู้ที่รวมตัวกันในช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งเพื่อปฏิบัติภารกิจในการขโมยแบบแปลนในการสร้างเดธ สตาร์ อาวุธทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฝ่ายจักรวรรดิ เหตุการณ์สำคัญนี้ในไทม์ไลน์ของ Star Wars เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนธรรมดา ผู้เลือกที่จะทำในสิ่งที่พิเศษสุด และในการทำเช่นนั้น พวกเขาก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวพวกเขาเอง
วันนี้เราขอเก็บเกี่ยว ตำนานสตาร์ วอร์ส ก่อนที่ทุกคนจะไปพบกับการผจญภัยครั้งใหม่ในโรงภาพยนตร์ครับ
- “Rogue One: A Star Wars Story” เป็นภาคแรกในซีรีส์ภาพยนตร์เรื่องเดี่ยว ที่กำลังถูกสร้างขึ้นเพื่อเติมเต็มตำนานหน้าใหม่ของ Star Wars และเปิดโอกาสให้ทีมผู้สร้างได้สำรวจจักรวาลแห่งนี้และได้ทดลองกับสไตล์และวิธีการเล่าเรื่องที่แตกต่างกันออกไป
- “Rogue One” เป็นการกลับมาของตัวละครหลายตัวที่แฟนพันธุ์แท้ของสตาร์ วอร์ส คุ้นหน้าคุ้นตากันดี รวมถึงหัวหน้าสภากลุ่มปฏิวัติ มอน มอธมา ที่รับบทโดย เจเนเวียฟ โอ’ ไรลีย์ อีกครั้งหนึ่ง
- ในการสร้างความรู้สึกเดิมๆ ของ สตาร์ วอร์ส ให้กับ “Rogue One” ผู้กำกับ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ และผู้กำกับภาพ เกร็ก เฟรเซอร์ ได้กลับไปใช้เลนส์กล้องแบบยุค 70s อีกครั้งหนึ่ง และผสมผสานมันเข้ากับเทคโนโลยีดิจิตอลสมัยใหม่
- ในการสร้างลุคของตัวละคร จิน เออร์โซ สำหรับนักแสดงสาว เฟลิซิตี้ โจนส์ ทีมผู้สร้างได้รับอิทธิพลจากนักสู้หญิงเพื่ออิสรภาพชาวเคิร์ดและความเป็นญี่ปุ่น เสื้อด้านในของจินก็มีพื้นฐานการออกแบบแบบญี่ปุ่น
- การสร้าง K-2SO หุ่นยนต์รุ่นใหม่ ที่มีการแสดงผ่าน เพอร์ฟอร์แมนซ์ แคปเจอร์ และพากย์เสียงโดย อลัน ทูดิกค์ ต้องอาศัยทักษะที่ผสมผสานกันของทีมงานที่ Industrial Light & Magic (ILM) and Neal Scanlan และทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งมีชีวิตและหุ่นยนต์ เค-ทูเอสโอ ถูกสร้างขึ้นมาเป็นตัวแบบขนาดเท่าตัวจริงก่อนด้วยฝีมือทีมงานของสแกนแลน ก่อนที่จะถูกสร้างขึ้นภายหลังด้วย วิชวล เอฟเฟ็กต์
- การจำลองลุคของ ดาร์ธ เวเดอร์ ขึ้นมาเป็นความท้าทายสำหรับผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย กลิน ดิลลอนน และเดวิด ครอสแมน เพราะใน Star Wars แต่ละภาค จะมีความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในเครื่องแต่งกายของวายร้ายคนนี้ ยกตัวอย่างเช่น หมวกเกราะที่เวเดอร์สวมใน The Empire Strikes Back จะมีความเงาวาวกว่าในภาคก่อนหน้านั้น แต่หลังจากการปรึกษาหารือกัน ผู้กำกับก็ตัดสินใจว่าเขาชื่นชอบเวอร์ชันสีด้านอย่างที่ปรากฏใน A New Hope มากกว่า ผลก็คือการจำลองลุคของเวเดอร์ขึ้นอย่างตรงไปตรงมา โดยที่กล่องที่เข็มขัดของเวเดอร์จะตรงกับที่ปรากฏใน A New Hope แม้กระทั่งรอยขีดข่วนเล็กๆ และกล่องตรงหน้าอกก็จะเป็นไม้ทาสี ที่มีกระดุมติดเหมือนเดิม
- นอกเหนือไปจาก กลุ่ม สตอร์มทรูปเปอร์ ที่โด่งดังแล้ว ผู้กำกับ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ ยังต้องการให้แฟนๆ ได้เห็นสิ่งใหม่ๆ ที่น่าหวั่นเกรงด้วย นั่นเองจึงเป็นต้นกำเนิดของ เดธ ทรูปเปอร์ พวกเดธ ทรูปเปอร์เป็นแบบดีไซน์ใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อ “Rogue One” โดยเฉพาะ พวกเขาเป็นกลุ่มนักสู้ชั้นสูงที่สวมชุดสีดำ ในขณะที่ชุดของสตอร์มทรูปเปอร์จะถูกสร้างขึ้นสำหรับทุกคนที่มีความสูงเกินกว่าห้าฟุตเก้านิ้ว เดธ ทรูปเปอร์ ผู้น่าสะพรึงกลัวแต่ละคนจะมีความสูงเกินกว่าหกฟุตทั้งนั้น
- ผู้กำกับอยากให้สิ่งมีชีวิตใน “Rogue One” มีความเป็นธรรมชาติและเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้จริงๆ ในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว สิ่งมีชีวิตต่างๆ จึงถูกปฏิบัติราวกับเป็นนักแสดงในฉากด้วย ถึงขั้นที่ว่าทีมงานช่างผมและเมคอัพได้เพิ่มฝุ่น คราบ เหงื่อและรอยเปื้อนให้กับพวกเขา เหมือนกับที่เพิ่มให้กับนักแสดงคนอื่นๆ ด้วย
- ฉากหนึ่งที่แฟนๆ จะคุ้นตากันดีคือ ฐานทัพของฝ่ายกบฏบนดาวยาวิน 4 ที่เราได้เห็นครั้งแรกใน Star Wars: A New Hope แต่ในขณะที่ ลูคัส สามารถสร้างฐานทัพของฝ่ายกบฏได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุผลด้านงบประมาณ และอาศัยการทาสีเพื่อสร้างภาพลวงตาในเรื่องขนาด กองถ่าย “Rogue One” สามารถสร้างฐานทัพนั้นขึ้นมาได้ทั้งหมด นอกเหนือจากนั้น พวกเขายังสามารถไปเยือนโลเกชันเดิมที่ใช้ถ่ายทำฉากดาวยาวิน 4 ซึ่งก็คือสนามบินคาร์ดิงตันในอังกฤษได้ด้วย โรงเก็บเครื่องบินขนาดมหึมาทำให้ผู้ออกแบบงานสร้างมีโอกาสได้สร้างดาวยาวิน 4 ขึ้นมาจริงๆ ฉากที่เสร็จสมบูรณ์มีความยาวประมาณ 350 ฟุตและกว้าง 200 ฟุต
- ฉากโรงเก็บยานบินบนดาวยาวิน 4 ถูกตกแต่งรอบด้าน แม้กระทั่งทีมงานก็ยังต้องสวมเครื่องแต่งกาย ฉากเจดาห์ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน และทีมผู้สร้างก็ถ่ายทำที่โลเกชันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อรักษาความสมจริงให้กับเรื่องและทำตามวิสัยทัศน์ของผู้กำกับ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ แม้กระทั่งตอนที่จำเป็นต้องใช้บลูสกรีน ทีมงานก็ได้สร้างส่วนต่างๆ ของฉากขึ้นมาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้มีสิ่งอ้างอิงจริงๆ ในการช่วยบ่งบอกได้ว่า วิชวล เอฟเฟ็กต์ ควรจะมีลุคและให้ความรู้สึกอย่างไร
- สำหรับแรงบันดาลใจเบื้องหลังการสร้างนครศักดิ์สิทธิ์แห่งเจดาห์ ผู้ออกแบบงานสร้างได้มองไปที่เมืองเก่าแก่อย่างเยรูซาเล็มและป้อมปราการในทะเลทรายมาซาดาในประเทศอิสราเอล อีกหนึ่งอิทธิพลสำคัญในการสร้างเจดาห์คือกรุงปารีสระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
- ด้วยเส้นขอบฟ้าที่เห็นได้ชัดเจนและความเข้าถึงได้ง่าย สนามบินโบวิงดัน ซึ่งเป็นฐานทัพเก่าของกองทัพอากาศ ที่ถูกทิ้งร้างไปเกือบครึ่งศตวรรษ เป็นสถานที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการจำลองมัลดีฟส์ขึ้นมา สิ่งที่ขาดไปมีเพียงแค่ทรายและต้นปาล์ม ดังนั้น ทีมผู้สร้างจึงได้สั่งทราย 2,000 ตันและนำเข้าต้นปาล์มกว่า 60 ต้นจากสเปน รวมถึงพันธุ์ไม้ต่างๆ จากประเทศอังกฤษด้วย นอกจากนั้น พวกเขายังสร้างชายหาดและใช้น้ำรีไซเคิลจากแทงค์น้ำที่ไพน์วู้ดเพื่อไม่ให้เกิดความสิ้นเปลือง ตามความเป็นจริงแล้ว แผนกศิลป์ได้รีไซเคิลน้ำกว่า 211,000 แกลลอนเข้าสู่แทงค์น้ำขนาดใหญ่ที่มีขนาด 200×100 ฟุตด้วย
- ในตอนที่ฉากมัลดีฟส์ที่สนามบินโบวิงดันเสร็จสมบูรณ์ มันก็มีขนาดกว้างใหญ่ถึง 700×500 ฟุต หรือประมาณแปดเอเคอร์ ภายหลัง ทีมงานกลุ่มเล็กๆ ได้ไปถ่ายทำที่มัลดีฟส์ด้วยเช่นกัน
ROGUE ONE: A STAR WARS STORY กำกับโดย แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ และนำแสดงโดย เฟลิซิตี้ โจนส์, ดิเอโก้ ลูน่า, เบน เมนเดลสัน, ดอนนี่ เยน, แมดส์ มิคเคลเซ่น, อลัน ทูดิค, ริซ อาห์เมด, ร่วมด้วย เจียง เหวิน และ ฟอเรสท์ วิธเทเกอร์ แคธลีน เคนเนดี, อัลลิสัน เชียร์เมอร์, ไซม่อน เอมานูเอล เป็นผู้อำนวยการสร้าง ร่วมด้วย จอห์น นอลล์, เจสัน แมคแกทลิน เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหาร เรื่องราวโดย จอห์น นอลล์ และ แกรี่ วิธต้า และบทภาพยนตร์โดย คริส วิทซ์ และ โทนี่ กิลลอย
อ่านจบแล้ว! เตรียมตัวไปผจญภัยกันต่อในโรงภาพยนตร์ และในระบบดิจิตอล 3 มิติ ไอแมกซ์ 3 มิติ และ 4 มิติ เตรียมเข้าฉายในไทยตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมนี้เป็นต้นไปครับ
photo : วอลต์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์ และ โมชั่น พิคเจอร์ส