ความเบ่งบานของหนุ่มสาว ดนตรีแจ๊สที่สดใส และความอิสรเสรีแห่งยุค Jazz Age หรือ ยุคแกสบี้ (1920’s) จนถึงช่วงคาบเกี่ยวของยุค 1930’s กลายเป็นมนต์เสน่ห์ให้ทุกคนอยากหยิบจับกลิ่นอายแห่งยุคมาปัดฝุ่นบ่อยครั้งทั้ง หนัง เสียงเพลง และแฟชั่นการแต่งตัว รวมถึง Woody Allen นักเขียนบทและผู้กำกับหนังชาวอเมริกันชื่อดังแห่งยุค และแน่นอนเขาเป็นนักคลาริเนตแนวแจ๊ส ที่ทำให้เขาหลงใหลอะไรที่เกี่ยวกับแจ๊ส ล่าสุดเขามีผลงานหนัง Café Society ยุคคาบเกี่ยวกับ Jazz Age ที่ฉายอยู่ในโรงหนังขณะนี้
Café Society หนังรักตลกร้าย เสียดแทงความคิดและจิกกัดสังคมฮอลลีวู้ดในช่วงปี 1930 ที่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่แทรกอยู่ในบทหนัง ตัวละครสามสี่ตัวที่วิ่งวุ่นชลมุนรักจนยากจะคาดเดา แม้กระทั่งเดินออกจากโรงแล้ว เรายังหวนคิดว่า ถ้าตัวละครยังดำเนินต่อไป เขาและเธอจะหวนกลับไปเริ่มต้นความสัมพันธ์กับคนเก่าหรือไม่
- หนังเรื่องนี้เป็นการโคจรกลับมาเจอกันของ เจสซี ไอเซนเบิร์ก และ คริสเตน สจ๊วต เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งก่อนหน้านี้เขาและเธอเคยร่วมงานกันมาแล้วจาก Adventureland (2009) และ American Ultra (2015)
- บทหนังเรื่องนี้ ถ้าฟังกันดีดี จะซ่อนอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้อย่างแยบยล ใครที่ชื่นชอบบทหนังสวยๆ เรื่องนี้ไม่ควรพลาด
- Café Society คือผลงานหนังเรื่องล่าสุดของผู้กำกับฝีมือดี Woody Allen ที่ได้รับเลือกให้ฉายเปิดงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
- และนับเป็นครั้งที่สามที่หนังของ Woody Allen ได้ฉายเปิดงานที่ Cannes ก่อนหน้านี้ คือ Hollywood Ending ปี 2002 และ Midnight in Paris ปี 2011 นั่นเอง
พอได้ดู Café Society แล้ว ทำให้เรานึกย้อนถึงหนังอีกเรื่องของ วู้ดดี้ อัลเลน ชื่อ Magic in the Moonlight (2014) ที่ทั้งภาพและบทหนังตลกร้ายที่กลายเป็นลายเซ็นของเขาไปแล้ว หนังเรื่องนี้เปิดเรื่องด้วยฉากโรงมหรสพแสดงมายากลในปี 1928 เป็นที่มาของชื่อเรื่อง แต่ไม่รู้ว่า มายากลหรือมนต์สะกดของ โซฟี ร่างทรงสาวชาวฝรั่งเศสกันแน่ ที่ทำให้ สแตนลี่ย์ นักมายากลชื่อดังชาวอังกฤษที่ตั้งใจจะ เปิดโปง คนทรงเก๊ แต่กลับกลายเป็น เปิดใจ รับโซฟีเข้ามานั่งอยู่ในใจแทน สงสัยต้องโทษดาว โกรธพระจันทร์ ที่เป็นใจให้เขาตกหลุมรักเธอ
- Magic in the Moonlight มีชื่อภาษาไทยว่า “รักนั้นพระจันทร์ดลใจ” ตั้งใจหรือบังเอิญใช้ภาษาวินเทจขนาดนี้นะ
- นอกจากแบล็กกราวน์หนังย้อนยุค เสียงเพลงแจ๊ส และบทหนังอารมณ์ขันที่พาเพลินตามสไตล์ของ วู้ดดี้ อัลเลน แล้ว ตัวละครนำ โซฟี ที่แคสนักแสดงมาได้ลงตัวมากอย่าง เอ็มม่า สโตน ที่ถ่ายทอดความน่ารักและแก่นเล็กๆ บวกกับดวงตากลมโตทรงเสน่ห์ของเธอ ก็ทำให้เราเผลอตกหลุมรักการแสดงของเธออย่างไม่รู้ตัว
- รวมถึง โคลิน เฟิร์ธ ที่มารับบท สแตนลี่ย์ นักแสดงมายากล มาดผู้ดี ช่างคิด ช่างตอบโต้เจรจาที่มักเบรคตัวเองไม่ค่อยได้ เวลาปะทะกับ โซฟี แต่ละครั้ง เหมือนพระจันทร์เล่นกล เคมีช่างเข้ากันดีจริง
Story : The Fool
Photo : ภาพจากหนัง