เพิ่งผ่านพ้นไปสดๆร้อนๆสำหรับ Apple Event 2016 (งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple) โดยปีนี้จัดขึ้นที่ Apple’s Town Hall เมือง Cupertino สหรัฐอเมริกา ซึ่งในคราวนี้ Apple (แอปเปิ้ล) ก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ อาทิเช่น iPhone SE และ iPad Pro 9.7 ที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท พวกเราเองก็ไม่พลาดที่จะเกาะติดสถานการณ์และได้รวบรวมข้อมูลมาฝากชาว Favforward กัน จะเป็นอย่างไรนั้นไปชมกันเลยครับ
- iPhone SE จอ 4 นิ้ว แต่เสปคเทียบเท่า 6s
สำหรับใครที่เพิ่งซื้อ iPhone 6s ไป คงต้องมีร้องเสียดายกันเป็นแถบๆ ก็ในเมื่อแอปเปิ้ลเล่นออก iPhone SE ที่เป็นรุ่นราคาประหยัด แต่เสปคภายในเทียบเท่า 6s เป๊ะๆ โดย iPhone SE มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 4 นิ้ว บอดี้คล้าย iPhone รุ่นเดิมอย่าง 5s แต่เสปคภายในใช้ชิบเซ็ตเดียวกับ 6s คือ A9 (64-bit) มาพร้อมกล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K และ Live Photo พร้อมทั้งมีระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID และ NFC เพื่อจ่ายเงินด้วยระบบ Apple Pay มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี Space Grey, Silver, Gold และ Rose Gold เช่นเคย สนนราคารุ่น 16 GB อยู่ที่ $399 (ประมาณ 15,000 บาท) และรุ่น 64 GB อยู่ที่ $499 (ประมาณ 18,000 บาท)
แต่เดี๋ยวก่อน ใช่ว่าแอปเปิ้ลจะใจร้ายยัดเสปคเรือธงมาใส่ใน iPhone SE มากจนเกินไป โดยสิ่งที่ 6s ยังคงนำหน้าอยู่ก็คือเรื่องของหน้าจอ 3D Touch ที่รับรู้ขนาดของแรงกด และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล อีกทั้งขนาดของหน้าจอที่ใหญ่กว่ายังเป็นจุดเด่นที่ผู้คนยุคนี้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ โดย iPhone SE อาจจะเหมาะกับผู้ใช้ไอโฟนหน้าใหม่หรือนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการมีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง เพราะจะเห็นได้จากช่องว่างของราคาที่ต่างกันถึงหมื่นกว่าบาทกับไอโฟนรุ่นปกตินั่นเอง
…
- เมื่อ iPad Pro ลดขนาดหน้าจอลงเหลือ 9.7 นิ้ว
ปีก่อนแอปเปิ้ลได้ออก iPad Pro ซึ่งเป็น iPad ระดับไฮเอนที่มาพร้อมหน้าจอ 12.9 นิ้ว และรองรับ Touch Pen หรือที่แอปเปิ้ลเรียกว่า Apple Pencil ซึ่งกระแสตอบรับค่อนข้างคงตัวเนื่องจากมีราคาที่ค่อนข้างสูงและขนาดที่ใหญ่ มาปีนี้แอปเปิ้ลจึงได้ออก The new iPad Pro มาแก้เกมส์ โดย The new iPad Pro ยังคงมาพร้อมกับ หน้าจอ Retina Display (ลดการสะท้อนแสงน้อยลง 40%) ขนาด 9.7 นิ้ว ความละเอียด 2048×1536 (264ppi) ใช้ชิปเซ็ต Apple A9X กล้อง iSight ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล สามารถบันทึก Video ได้ในระดับ 4K และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รองรับการ Facetime แบบ HD (คมชัดสูง) มาพร้อมลำโพงในตัว 4 ช่องทาง และรองรับ Apple Pencil ที่สามารถขีดเขียนบนหน้าจอได้อย่างอิสระ มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี Space Grey, Silver, Gold และ Rose Gold เช่นเคย สนนราคาเริ่มต้นที่ $599 (ประมาณ 22,500 บาท) สำหรับรุ่น Wi-Fi และ $729 สำหรับรุ่น (ประมาณ 27,500 บาท) สำหรับรุ่น Wi-Fi+Cellular
ซึ่งถือว่าเสปคที่ให้มาอยู่ในระดับที่สูงแบบ Pro แต่ขนาดที่ค่อนข้างพกพาได้คล้าย iPad Air2 ซึ่งเราก็ต้องมาดูกันว่า กระแสตอบรับคราวนี้จะดีขึ้นจากครั้งก่อนได้หรือไม่
…
- Apple Watch ปรับลดราคา และเพิ่มสายสีใหม่
Apple Watch นาฬิกาดิจิตอลสุดเจ๋งจากแอปเปิ้ล ก็ได้ปรับลดราคาลงจาก 13,500 เหลือ 11,500 (สำหรับราคาเริ่มต้น) และเปิดตัวสายนาฬิกาสีสันใหม่ถึง 26 สีมาให้แมชท์กับลุคของเราได้ง่ายยิ่งขึ้น
ชาว Favforward ที่สนใจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ที่ www.apple.com ครับผม
เรื่องโดย : Nomad609
ภาพประกอบ : Apple