ครั้งแรกของ G-SHOCK ใช้วัสดุแสตนเลส สตีลทั้งตัวเรือน รุ่นเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปี

นาฬิกา G-SHOCK 5000 Series รุ่น Full Metal ครั้งแรกที่ G-SHOCK ใช้วัสดุแสตนเลส สตีลทั้งตัวเรือน เฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปี

จากแรงบันดาลใจ ของ มร. คิคูโอะ อิเบะ ที่ต้องการรังสรรค์นาฬิกา “ที่ไม่พังแม้จะทำตก โจทย์อันท้าทายที่ มร. คิคูโอะ อิเบะได้รับมอบหมายเมื่อ 35 ปีก่อนในห้องประชุม แนวคิดที่แสนเรียบง่ายแต่ยากที่จะปฏิบัติในช่วงเวลานั้นกับเครื่องประดับอย่างนาฬิกา ตัวแทนของความแม่นยำที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนอันละเอียดอ่อนและบอบบาง จากนั้น มร.คิคูโอะทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิจัย และทดลองโยนนาฬิกาเรือนแล้ว เรือนเล่าออกออกจากออฟฟิศของเขาบนตึกสูง โดยไม่ประสบความสำเร็จเลย แต่แล้วโชคชะตาก็เข้าข้าง เมื่อ มร.คิคูโอะ ออกไปพักสูดอากาศนอกหน้าต่าง และได้มองเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เล่นลูกบอลยางอยู่นอกหน้าต่าง ภาพที่เห็นนั้นได้สร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบโครงสร้างนาฬิกาแบบใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ โดยออกแบบให้ตัวกลไกและฟันเฟืองต่างๆ อันเป็นหัวใจหลักของนาฬิกา มีโครงสร้างแบบลอยตัว เพื่อลดแรงกระแทก เพิ่มความต้านทาน จนกลายมาเป็นนาฬิกาอันทรงพลังอย่าง G-SHOCK ในทุกวันนี้

และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปี ของ G-SHOCK  ได้เปิดตัวรุ่นล่าสุด G-SHOCK 5000 Series รุ่น Full Metal ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ G-SHOCK ผลิตนาฬิกาโดยใช้วัสดุแสตนเลส สตีลทั้งตัวเรือน โดยนาฬิการุ่นพิเศษนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาต้นแบบรุ่น ORIGINS  ที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1983 พร้อมดีไซน์สไตล์สตรีท ลักซ์ชัวรี่ ที่เท่ห์แบบไร้กาลเวลา ด้วยตัวเรือนที่ทันสมัย เงางาม และคงต้นแบบหน้าเหลี่ยมของ G-SHOCK ไว้ นาฬิการุ่น Full Metal ที่เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น GMWB5000D-1 (Silver Edition) และ GMW5000TFG-9 (Gold Limited Edition)  และรุ่นพิเศษ GMW-B5000TFG-9 (Porter Limited Edition) สีดำ

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการ G-SHOCK ORIGINS  ที่เผยให้เห็นถึงแรงบันดาลใจและความพยายามของ มร. คิคูโอะ อิเบะ อันเป็นต้นกำเนิดของนาฬิกา G-SHOCK ที่ทนทานต่อแรงกระแทก ซึ่งเป็นจุดกำเนิดที่ทำให้แตกต่างจากนาฬิกาอื่นๆ ที่มีอยู่ในสมัยนั้น

นับตั้งแต่การเผยโฉมนาฬิการุ่นแรกอย่าง ORIGINS  ในปี 2526 นาฬิกา G-SHOCK ORIGINS  ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ทำให้นาฬิการุ่น ORIGINS  เป็นที่รู้จักด้วยเอกลักษณ์ตัวเรือนรูปทรงสี่เหลี่ยม และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายต่อมา ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา G-SHOCK ยังยึดมั่นในการนำเทคโนโนโลยีการกันกระแทกที่โดดเด่น (Shock – Resistance) จากรุ่น ORIGINS  ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์ มาต่อยอดและพัฒนานาฬิกาอื่นๆผ่านคุณสมบัติ 4 ประการดังต่อไปนี้

 

  • โครงสร้าง โครงสร้างแบบลอยตัว มอบการปกป้องและความแข็งแกร่งรอบด้าน พร้อมหน้าปัดสี่เหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์
  • ฟังก์ชัน ฟังก์ชั่นหลากหลาย ครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟ พลังงานแสงอาทิตย์ การควบคุมเวลาอย่างแม่นยำด้วยสัญญาณวิทยุ รองรับการใช้งานทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก อากาศร้อนอบอ้าว หรือ อุณหภูมิติดลบก็ตาม
  • การออกแบบ โดดเด่นด้านดีไซน์ กับการปฏิวัติแห่งสีสัน ตั้งแต่สาย ไปจนถึงลูกเล่นบนจอไฟ EL ที่หลากหลาย เหมาะสมกับทุกสไตล์ และทุกโอกาส
  • คุณภาพ คุณภาพที่เหนือกว่า กับการใช้งานทุกรูปแบบ ตอบโจทย์ตั้งแต่การสวมใส่เพื่อกิจกรรมเอาท์ดอร์ ไปจนถึงการสวมใส่ในวันธรรมดา

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา G-SHOCK เน้นการสร้างสรรค์นาฬิกาที่มีมาตรฐานชั้นนำของโลก โดยพิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุและโครงสร้างที่มีคุณภาพสูง จากเดิมด้วยสายเรซิน พัฒนาจนมาถึงเรือนแสตนเลส สตีลล้วนแบบ Full Metal ในปัจจุบัน นอกจาก นาฬิกา G-SHOCK รุ่นใหม่แล้ว ยังมีฟังก์ชันอื่นๆที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และคล่องตัวในการใช้นาฬิกา อาทิ ไฟหลัง LED พลังงานแสงอาทิตย์ การควบคุมวิทยุ โหมดกีฬา ความต้านทานต่ออุณหภูมิ และฟังก์ชันการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน นาฬิกา GMW-B5000 รุ่นล่าสุดนี้แสดงให้เห็นถึงแก่นแท้อันดั้งเดิมของนาฬิกา G-SHOCK รุ่น ORIGINS  ที่แท้จริงที่ประสานกับนวัตกรรมทันสมัยที่คัดสรรตั้งแต่วัสดุแบบใหม่จนถึงโครงสร้างตัวเรือนและฟังก์ชั่นการใช้งาน ทั้งยังใช้โครงสร้างแบบใหม่ที่ทนต่อแรงกระแทกได้มากขึ้น โดยใช้วัสดุเรซินคุณภาพสูงผสานเข้ากับรอยต่อระหว่างตัวเรือนสตีลและขอบตัวเรือนเพื่อดูดซับแรงกระแทก

นาฬิกา GMW-B5000 เสริมฟังก์ชั่น Connected Engine ที่เชื่อมต่อเวลาเซิฟเวอร์กลางผ่านทางสมาร์ทโฟนและสัญญาณวิทยุเวลา โดยผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อนาฬิการุ่นนี้ผ่านแอพพลิเคชั่น G-SHOCK Connected บนสมาร์ทโฟน เพื่อการใช้งานที่สะดวกง่ายต่อการตั้งค่ายิ่งขึ้น เช่น การตั้งเวลามาตรฐานโลกและฟังก์ชั่นตั้งปลุก เป็นต้น รับรองความเที่ยงตรงของนาฬิการุ่น GMW-B5000 ทุกการใช้งานทั่วทุกมุมโลก

นาฬิการุ่นพิเศษ รุ่น GMW-B5000TFG-9 (Gold Limited Edition) ที่ผลิตขึ้นพิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 35 ปีของ G-SHOCK มีตัวเรือนที่ผลิตจากแสตนเลส สตีลเคลือบทองด้วยเทคนิค ion plating พร้อมสลักอักษร G-SHOCK 35th anniversary บนฝาหลังตัวเรือนเพื่อเพิ่มความพิเศษให้แก่นาฬิการุ่นนี้ และยังมาพร้อมกับชุดแพคเกจรำลึกการครบรอบอีกด้วย

นาฬิกา GMW-B5000TFC-1 (Porter Limited Edition) เป็นอีกหนึ่งรุ่นพิเศษที่พัฒนาขึ้นร่วมกับ Yoshida & Co., Ltd. บริษัทผู้ผลิตประเป๋าชั้นเยี่ยมจากแดนญี่ปุ่น โดยผลิตเพียง 500 เรือนทั่วโลกเท่านั้น โดยในประเทศไทยวางจำหน่ายเพียง 8 เรือน หลังจากเปิดตัว รุ่น Porter Limited Edition ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และจัดจำหน่ายไปแล้วอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ลงทะเบียนร่วมลุ้นเป็นผู้มีสิทธ์ซื้อกว่า 1,000 คน นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมกับกระเป๋าเก็บนาฬิกาซึ่งทำขึ้นพิเศษโดย Yoshida & Co., Ltd. ภายใต้ชื่อแบรนด์กระเป๋า PORTER นาฬิการุ่นนี้ผลิตจากสตีลเคลือบสีด้วยเทคนิค DLC พร้อมสลักอักษร G-SHOCK 35th anniversary บนฝาหลังตัวเรือนเพื่อเพิ่มความพิเศษ

GMW-B5000 Full Metal รุ่นสีเงินและสีทองรวมถึง G-SHOCK ORIGINS ซีรี่ย์อื่นๆ มีวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ร้าน G-SHOCK CASIO, WATCH STATION และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

สาวก G-SHOCK ORIGINS ที่ติดตาม รุ่น Full Metal CASIO จะเผยโฉมผลงานล่าสุดกับ GMW-B5000KL นาฬิการุ่นพิเศษ ผลงานความร่วมมือระหว่าง G-SHOCK และแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำ kolor จากประเทศญี่ปุ่น ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งแห่งคอลเลคชั่น G-SHOCK ORIGINS นาฬิกากันแรงกระแทกสูง สุดพิเศษที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 700 เรือนทั่วโลกเท่านั้น

 

นาฬิกา G-SHOCK x kolor จะเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในงาน Central International Watch Fair 2018 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2561 และมีจำนวนจำกัดในประเทศไทย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ G-SHOCK รุ่น ORIGINS  ละนาฬิกา G-SHOCK รุ่นอื่นๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่  www.casio-cmg.com หรือ Facebook / Casio.Thailand

keyboard_arrow_up