WHAT: adidas ต่อยอดเทคโนโลยีการผลิตรองเท้าด้วย 3D Printed รังสรรค์พื้นรองเท้าวิ่งรุ่นล่าสุด Futurecraft 4D ที่มีน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง และทนทาน มีแผนออกวางจำหน่ายจริง 5000 คู่ปลายปีนี้
100,000 คู่ พื้นรองเท้าผลิตจาก 3D Printed เตรียมวางจำหน่ายทั้งหมดก่อนสิ้นปี 2018
ในที่สุด adidas ก็ประกาศแผนการทำพื้นรองเท้า 3D Printed อย่างจริงจัง หลังจากมีงานโชว์คอนเซ็ปต์มาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว จนกระทั่งเปิดตัวได้อย่างสมศักดิ์ศรีในระหว่างโอลิมปิกที่กรุง ริโอ เดอจาเนโร สวมบทบาทเป็นของกำนัลจาก adidas ให้แก่เหล่านักกีฬาที่ได้รับเหรียญกลับบ้านทุกคน
The 3D Runner ชื่อรุ่นที่ถูกเคาะเป็นที่เรียบร้อยจากแบรนด์ ผลิตในรูปทรงและสีเดียวกับที่แจกให้กับเหล่านักกีฬาในโอลิมปิก ซึ่งเป็นแผนกเดียวกันกับที่ผลิต adidas Parley for the Oceans (ที่ผลิตขึ้นจากขยะใต้ท้องทะเล) มุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้กับเหล่าชาวสาวกได้สวมใส่กัน
จากกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม ทำให้ adidas ขับเคลื่อนการทำพื้นรองเท้าจากเครื่องพิมพ์ 3D อย่างจริงจัง เกิดเป็นรองเท้ารุ่นล่าสุด รองเท้าสำหรับวิ่งออกกำลังกาย Futurecraft 4D ซึ่งมีความพิเศษที่กระบวนการผลิตพื้นรองเท้า ถูกสร้างด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว แต่ Futurecraft 4D เป็นรุ่นแรกที่ทำงานร่วมกับบริษัท Carbon ใน Silicon Valley โดยใช้กระบวนการผลิต Digital Light Synthesis ผลิตด้วยวัสดุเรซินเหลว และใช้แสงดิจิตอลในการเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งพร้อมทำให้เกิดโครงสร้างพื้นรองเท้า และยังสามารถปรับโครงสร้างของพื้นรองเท้าให้รองรับเท้าสำหรับนักวิ่งได้ โดยเฉพาะส่วนรองรับนิ้วเท้าที่ต้องใช้โครงสร้างที่หนาแน่นเป็นพิเศษ ส่วนพื้นที่รองรับส้นเท้าต้องการโครงสร้างที่ทำให้เกิดความนุ่มนวลกว่า และเมื่อได้พื้นรองเท้ามาแล้ว ส่วนบนจะใช้กระบวนการผลิตเหมือนรองเท้าผ้าใบทั่วไป
จากการที่ adidas นำเทคโนโลยี 3D printed มาใช้ในการผลิตรองเท้าระดับ mass production ทำให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้กำลังจะกลายมาเป็นก้าวแรกของการผลิตรองเท้าแห่งโลกอนาคตเลยก็ว่าได้