ที่สุดของการรวมตัวของสุดยอด 6 เชฟมิชลินสตาร์ และ 3 เชฟชื่อดัง จากทั่วโลก ที่พร้อมใจกันมาปล่อยของใน World Gourmet Festival 17 เทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลก
งานเทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลก World Gourmet Festival จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 17 แล้ว และปีนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจาก 9 สุดยอด เชฟมิชลินสตาร์ และ เชฟชื่อดัง จากทั่วโลก ที่ได้รับรางวัลรับรอง ฝีมือ และ รสชาติอาหาร ในระดับสากล รวมทั้งยังติดอันดับ The World’s 50 Best Restaurants บินตรงมาจาก 8 ประเทศทั่วโลกเพื่อมาปรุงอาหารจานเด่นเคียงคู่กับไวน์รสเลิศให้ได้ชิมกันอย่างสุดฝีมือตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 กันยายน ถึง วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2559 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ
เกริ่นมาซะขนาดนี้แล้ว ได้เวลาเปิดตัวสุดยอด เชฟมิชลินสตาร์ และ เชฟชื่อดัง ทั้ง 9 ท่าน พร้อมเผยหน้าตาอาหารจานพิเศษของพวกเขา ตามมาดูกันเลยครับ
เชฟ เมาโร โคลาเกรโค
จากห้องอาหาร Mirazur ประเทศฝรั่งเศส – เชฟมิชลินสตาร์ 2 ดาว
เชฟโคลาเกรโค ชาวอาร์เจนตินา ได้ทำงานกับ เชฟมิชลินสตาร์ 3 ดาวที่ประเทศฝรั่งเศสทั้งหมด 3 ท่าน ได้แก่
เชฟเบอร์นาร์ด ลอยโซ (Bernard Loiseau), เชฟอาแลง พาสาร์ด (Alain Passard) ที่ห้องอาหาร L’Arpège และ เชฟอาแลง ดูคาซ (Alain Ducasse) ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี และใช้เวลาอีก 1 ปีที่ห้องอาหาร Le Grand Véfour
เชฟโคลาเกรโค ได้เปิดห้องอาหาร Mirazur ที่เมืองเมนตัน ประเทศฝรั่งเศส เปิดทำการได้เพียง 6 เดือน ห้องอาหาร Mirazur ก็ได้รับรางวัล Revelation of the Year จาก Gault & Millau ซึ่งเป็นรางวัลสาขาใหม่ที่มอบให้เพื่อเชิดชู ร้านอาหารแนวใหม่ และหลังจากนั้นอีกไม่ถึงปี เขาก็ได้รับ มิชลินสตาร์ ครั้งแรก นอกจากนี้ห้องอาหาร Mirazur ได้รับการคัดเลือกติดอันอับ 1 ใน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมที่สุดในโลกโดยนิตยสาร Restaurant ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก San Pellegrino และ Acqua Panna (The S. Pellegrino World’s 50 Best Restaurant) และ เชฟโคลาเกรโค ก็ได้รับรางวัล “เชฟแห่งปี” จาก Gault & Millau ในปีเดียวกัน
เชฟ แอนโทนี่ เกโนเวส
จากห้องอาหาร Il Pagliaccio ประเทศอิตาลี – เชฟมิชลินสตาร์ 2 ดาว
เชฟเกโนเวส ได้เริ่มต้นการทำงานที่ประเทศฝรั่งเศส ในห้องอาหาร Château Eza ซึ่งได้ มิชลินสตาร์ 2 ดาว ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส (French Riviera) เชฟเกโนเวส ได้ร่วมงานกับเชฟมิชลินตาร์ 2 และ 3 ดาวหลายท่าน ทั้งในประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี เขาเคยทำงานที่ห้องอาหาร Enoteca Pinchiorri ซึ่งได้ มิชลินสตาร์ 3 ดาว ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี และเคยเป็น หัวหน้าเชฟ ที่ห้องอาหาร Enoteca Pinchiorri เป็นเวลา 1 ปี
ในปี 2003 เขาตัดสินใจกลับมาเปิดห้องอาหาร Il Pagliaccio ที่กรุงโรม และไม่นานก็ได้รับ มิชลินสตาร์ 2 ดาว เชฟเกโนเวสได้ตั้งชื่อห้องอาหารของเขาตามละครโอเปร่าเรื่อง Pagliacci ซึ่งประพันธ์โดย รูเจโร ลิองเกวาโล (Ruggero Leoncavallo) เชฟเกโนเวสกล่าวว่า “เชฟก็เช่นเดียวกับตัวตลก ต้องโลดแล่นอยู่ใต้แสงไฟตลอดเวลา ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากจะเป็นอะไร”
เชฟ คาเนซากะ ชินจิ
จากห้องอาหาร Shinji by Kanesaka ประเทศสิงคโปร์ และ เกาะมาเก๊า – เชฟมิชลินสตาร์ 2 ดาว
เชฟคาเนซากะ เป็นหนึ่งในเชฟที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และเป็นเชฟซูชิที่มีอายุน้อยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เขาได้ฝึกฝนฝีมือการทำอาหารที่ห้องอาหาร Kyubey หนึ่งในห้องอาหารที่เก่าที่สุดและได้รับการยอมรับอย่างมากในโตกียว หลังจากนั้นในปี 2000 ขณะที่เขาอายุเพียง 28 ปี เขาได้เปิดห้องอาหาร Shinji by Kanesaka ซึ่งเป็น ร้านซูชิระดับพรีเมียม ในย่านกินซ่าซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญในโตเกียว และต่อมาได้เปิดสาขาในมาเก๊าที่ Crown Tower, City of Dreams โดย เชฟคาเนซากะ มอบความสุขและประสบการณ์การในการรับประทานซูชิแบบดั้งเดิมและสุดยอดให้กับผู้ที่ชื่นชอบซูชิ
ห้องอาหาร Shinji by Kanesaka ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ที่ชื่นชอบซูชิ รวมทั้งผู้นำของประเทศ ผู้มีชื่อเสียงจากต่างประเทศ และดารานักแสดงคาบูกิในประเทศญี่ปุ่น ในปี 2008 ห้องอาหาร Shinji by Kanesaka ที่ญี่ปุ่นได้รับ มิชลินสตาร์ ครั้งแรก และในปี 2015 เป็นเพียง 1 ใน 22 ห้องอาหารในโตเกียวที่ได้รับ มิชลินสตาร์ นอกจากนี้ห้องอาหาร Shinji by Kanesaka ที่มาเก๊า ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน MICHELIN Guide Hong Kong Macau 2016 หลังจากที่ร้านเปิดทำการเพียง 9 เดือน
เชฟ ฮิเดอากิ ซาโตะ
จากห้องอาหาร Ta Vie เกาะฮ่องกง – เชฟมิชลินสตาร์ 1 ดาว
แม้ เชฟซาโตะ จะมีประสบการณ์ในด้านการทำอาหารฝรั่งเศสมานานกว่าสิบปี แต่เขาพบว่าตนเองยังคงชื่นชอบการทำอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอยู่ เขาจึงไปเพิ่มพูนประสบการณ์ที่ ห้องอาหารญี่ปุ่น Ryugin ในโตเกียว ซึ่งได้ มิชลินสตาร์ 3 ดาว โดยมี เชฟเซอิจิ มาโมโตะ เป็นผู้ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ในเดือนมิถุนายน ปี 2012 เขาได้รับความไว้วางใจให้ไปเปิดห้องอาหาร Tenku Ryugin ที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นสาขาแรกของร้าน Ryugin ในต่างประเทศ เพียง 6 เดือนหลังการเปิดทำการ เชฟซาโตะ ก็ได้รับ มิชลินสตาร์ 2 ดาว และในปี 2014 ห้องอาหาร Tenku Ryugin ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 50 ห้องอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียโดย San Pellegrino
ในปี 2015 เชฟซาโตะ ได้เปิดห้องอาหาร Ta Vie ที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นห้องอาหารที่ผสมผสานแนวคิดการปรุง อาหารญี่ปุ่น และ อาหารฝรั่งเศส ได้อย่างลงตัว รวมทั้งนำเอาวัตถุดิบจากเอเชียมาปรุงเป็นอาหารจานพิเศษที่มีความเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ เชฟซาโตะ ซึ่งในปีเดียวกันห้องอาหาร Ta Vie ได้รับ มิชลินสตาร์ 1 ดาว และในปี 2016 ห้องอาหาร Ta Vie ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 50 ห้องอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย
เชฟ มาร์โค สตาบิเล่
จากห้องอาหาร Ora d’Aria ประเทศอิตาลี – เชฟมิชลินสตาร์ 1 ดาว
เชฟมาร์โค เชฟหนุ่มจาก เมืองพอนเตเดรา แคว้นทัสคานี ได้พัฒนาทักษะและความคิดสร้างสรรค์ในการปรุงอาหารในระหว่างที่เขาทำงานอยู่ในห้องอาหารที่ดีที่สุดของ ประเทศอิตาลี อาทิ ห้องอาหาร Baghino ที่เมืองพราโต, ห้องอาหาร Il Salotto del Chianti, ห้องอาหาร Osteria di Passignano, ห้องอาหาร Cavaliere del Castello di Gabbiano, ห้องอาหาร Il Paese dei Campanelli และห้องอาหาร Il Chiasso dei Portici และห้องอาหาร Arnolfo Colle di Val d’Elsa ซึ่งได้รับ มิชลินสตาร์ 2 ดาว เป็นต้น
นอกจากจะมีห้องอาหาร Ora d’Aria เป็นของตนเอง เชฟมาร์โค ยังมีอีกหนึ่งบทบาทสำคัญคือเป็นอาจารย์พิเศษที่ โรงเรียนสอนทำอาหาร ใน ประเทศอิตาลี อาทิ Jesi, Montecatini Terme และ Accademia del Gusto ที่เมืองอเรซโซ นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในทีมงานของ “Jeunes Restaurateurs d’Europe” ที่ทำหน้าที่คัดสรรและนำเสนอห้องอาหารทั่วทั้งยุโรปที่มีความโดดเด่นในเว็บไซต์ http://www.jre.eu/en/home
เชฟ โจเซียน อลิจา
จากห้องอาหาร Nerua สเปน – เชฟมิชลินสตาร์ 1 ดาว
ในปี 2009 เชฟอลิจา ได้รับการยกย่องโดย Identità Golose ให้เป็น เชฟนานาชาติ ที่ดีที่สุด ในปี 2010 เขาได้รับรางวัลในด้านนวัตกรรมแนวคิด และในปี 2011 ห้องอาหาร Nerua ได้รับ มิชลินสตาร์ ครั้งแรกและได้รับรางวัล Repsol Guide 3 ดวง ในปีเดียวกันนั้น เชฟอลิจา ยังได้รับรางวัล Prix du Chef de L’Avenir จาก International Academy of Gastronomy (รางวัลเชฟแห่งอนาคต) เว็บบล็อก Cuaderno Matoses ได้จัดอันดับให้ห้องอาหาร Nerua เป็น ห้องอาหารที่ดีที่สุดอันดับ 2 จากห้องอาหาร 350 ร้านใน 20 กว่าประเทศ
นอกจากนี้ เชฟอลิจา ยังได้รับการยกย่องให้เป็น เชฟที่ดีที่สุดแห่งปี ในปี 2015 ห้องอาหาร Nerua ติดอันดับ 68 จาก 100 ห้องอาหารยอดเยี่ยมที่สุดในโลกจัดโดยนิตยสาร Restaurant ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก San Pellegrino และ Acqua Panna และในปี 2016 ห้องอาหาร Nerua ได้ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 55 ของรายการ
เชฟ อนา โรส
จากห้องอาหาร Hiša Franko ประเทศสโลวีเนีย
สโลวีเนียเป็นประเทศเล็กๆ ตั้งอยู่ทางตอนกลางของทวีปยุโรป (ทางใต้ของเทือกเขาแอลป์ ระหว่างประเทศออสเตรีย และโครเอเชีย) มีทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม แม่น้ำและทะเลสาบที่ใสสะอาด จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจ เชฟอนา งานที่ห้องอาหาร Hiša Franko ซึ่งเป็นธุรกิจในครอบครัวที่เธอทำร่วมกับ วอลเตอร์ สามีของเธอ ตั้งอยู่ในหุบเขา Soca ใกล้กับชายแดนของประเทศอิตาลี ทำให้สามารถมองเห็นเนินเขาที่ลาดชันของ สโลวีเนีย
จินตนาการที่เกิดจากการมองธรรมชาติที่สวยงามทำให้ เชฟอนา รังสรรค์เมนูอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ การปรุงอาหารด้วยดอกไม้ สมุนไพร และธรรมชาติที่ละเอียดอ่อน ทำให้เธอกลายเป็น เชฟผู้หญิง คนเดียวในกลุ่ม Cook It Raw ซึ่งเป็นกลุ่มของเชฟจากทั่วโลกที่มีแนวคิดล้ำสมัย แต่ยังคงผสมผสานการปรุงอาหารแบบดั้งเดิม และสื่อถึงประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และวัฒนธรรม
เชฟ เชฟดาร์ชาน มูนิดาซา
จากห้องอาหาร Ministry of Crab ประเทศศรีลังกา
เชฟดาร์ชาน ได้ก่อตั้งห้องอาหาร Nihonbashi และ Ministry of Crab ซึ่งเป็นสองห้องอาหารที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน ศรีลังกา โดยได้รับการจัดอันดับให้เป็น 2 ใน 50 ห้องอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย ในปี 2014
เชฟดาร์ชาน ได้ก่อตั้งห้องอาหาร Kaema Sutra ซึ่งเป็น ห้องอาหารศรีลังการ่วมสมัย ได้รับแรงบันดาลใจจาก อาหารพื้นเมือง ของ ศรีลังกา ห้องอาหารทั้งหมดของ เชฟดาร์ชาน เน้นวัตถุดิบจากท้องถิ่นที่สดใหม่ควบคู่กับแนวคิดการปรุงอาหารญี่ปุ่น 2 ใน 3 ห้องอาหารของเขาไม่มีนโยบายการใช้ตู้แช่แข็ง เพื่อเน้นการใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ และมีคุณภาพมาปรุงอาหาร
เชฟ บ็อบบี้ ชิน
เซเลบริตี้เชฟ จาก ประเทศอังกฤษ
บ็อบบี้ ชิน ลูกครึ่งชาวจีนและอียิปต์ เกิดที่ ประเทศนิวซีแลนด์ จบการศึกษาจาก ประเทศอังกฤษ เขาเคยทำงานที่ สหรัฐอเมริกา จากนั้นได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อหาประสบการณ์ และในที่สุดก็ได้ตัดสินใจลงหลักปักฐานที่ ประเทศเวียดนาม ในปี 1996
บ็อบบี้ ชิน พัฒนาความสามารถในการปรุงอาหาร ควบคู่ไปกับการมองหารสชาติของอาหารที่แท้จริงจากทั่วโลก ปัจจุบันเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทั่วโลกที่มีความทันสมัย เขาเคยเปิดห้องอาหาร Restaurant Bobby Chinn ที่ฮานอย ในปี 2001 และห้องอาหาร Bobby Chinn Saigon ที่โฮจิมินห์ ในปี 2011 ซึ่งทั้งสองร้านได้รับรางวัลมากมาย ก่อนจะปิดตัวลงและย้ายไปเปิดห้องอาหารแห่งใหม่ The House of Ho ที่ลอนดอน ในปี 2014 ซึ่งเป็น ห้องอาหารเวียดนาม สไตล์โมเดิร์น
นอกจากนี้บ็อบบี้ ชินยังมีอีกสองบทบาทสำคัญคือเป็น ทูตส่งเสริมการผลิตอาหารทะเลอย่างยั่งยืน (Sustainable Seafood Production) ให้กับกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ตั้งแต่ปี 2012 และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตส่งเสริมการท่องเที่ยวของเวียดนามในยุโรปในเดือนกรกฎาคม ปี 2014
ทั้งนี้เชฟรับเชิญแต่ละท่านจะเป็นเจ้าภาพดูแล 2 มื้ออาหารค่ำ รวมทั้งรังสรรค์เมนูอาหารจานพิเศษสำหรับ World Gourmet Brunch ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ ตื่นตาตื่นใจ และได้รับความนิยมที่สุด และในปีนี้ เชฟ บ็อบบี้ ชิน และวงดนตรีของเราจะมาสร้างความบันเทิง ในวันสุดท้ายของเทศกาลอีกด้วย (วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2559)
และอีกหนึ่งความพิเศษของ งานเทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลก ในปีนี้ นอกจากจะได้ลิ้มรสเมนูพิเศษจากเชฟชื่อดังทั้ง 9 ท่านแล้ว ยังมีกิจกรรมมากมายให้ผู้ที่ชื่นชอบ ศาสตร์การเข้าครัว การรับประทาน และ นักดื่ม ได้เข้าร่วม ดังนี้
- การแนะนำศาสตร์ของกลิ่นน้ำหอมจาก Lampe Berger Paris ประเทศฝรั่งเศส นำเสนอคู่กับอาหารจานพิเศษและจับคู่ไวน์ชั้นดี สู่ศาสตร์ของการผสานอรรถรส รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
- การจัดชิมรสชาติของสาเก จัดเข้าคู่ทานกับอาหารตะวันตก โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสาเก จาก Kirinzan Premium Sake ประเทศญี่ปุ่น
- ความสุนทรีในการจิบ แชมเปญ ระดับพรีเมี่ยม (Champagne Journey) กับ ช็อคโกแล็ต Teuscher ที่ขึ้นชื่อติดอันดับหนึ่งในสิบของสวิส
- World Gourmet Afternoon Tea จิบน้ำชายามบ่ายแบบบุฟเฟ่ต์พร้อมชา Mariage Frères ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นชาสัญชาติฝรั่งเศส อันดับ 1 ของโลก
- ค็อกเทลมาสเตอร์คลาส, จินมาสเตอร์คลาส และ Blue Friday Night กับ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล
นักชิมคนไหนสนใจงานเทศกาล World Gourmet Festival ในปีนี้ สามารถติดตามอ่านรายละเอียดและตารางเวลาของเชฟแต่ละท่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://www.worldgourmetfestivalasia.com/
เรียบเรียงโดย The Fool
ข้อมูลและภาพโดย โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ