Save the Date แล้วตามไปชม!!! ศิลปะการแสดง และ ดนตรีระดับโลก
ศิลปะการแสดง หลากหลายอรรถรส พร้อมแล้วที่จะกลับสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนไทยอีกครั้งใน “มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ ครั้งที่ 18 กรุงเทพฯ”
กลับมาสร้างตำนานอีกครั้งสำหรับ “มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ” ที่จัดแสดงผลงาน ศิลปะการแสดง เชิงวัฒนธรรม เป็นประจำทุกปี ต่อเนื่องตลอดหนึ่งเดือนเต็ม มหกรรมนี้ เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2542 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จนกลายธรรมเนียมปฏิบัติประจำปี โดยในปีนี้ นับเป็นครั้งที่ 18 แล้ว เรียกได้ว่า เป็นตำนานเพียงหนึ่งเดียวในการจัดแสดง มหกรรมทางศิลปะการแสดงและดนตรี ที่ยาวนานที่สุดของประเทศไทย และยังเป็นหนึ่งในเทศกาลที่นำเสนอ ศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียอีกด้วย
“มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ” ถือเป็น เทศกาล ศิลปะการแสดง หนึ่งเดียวในประเทศ ที่รวบรวมศิลปิน คณะนักแสดง พร้อมด้วยทีมเบื้องหลังที่ มากประสบการณ์ และคุณภาพระดับโลก จากทั่วทุกมุมโลก มาร่วมเปิดแสดงศิลปะชั้นเยี่ยม ในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ โอเปรา บัลเล่ต์ ซิมโฟนีออร์เคสตรา แจ๊ส การเต้นรำร่วมสมัย รวมถึงหลากหลายการแสดงเชิงวัฒนธรรมอันน่าตื่นตาตื่นใจ สร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้แก่ผู้ชมจำนวนมาก ทั้งนี้ ยังเป็นการปักหมุดให้ กรุงเทพมหานคร กลายเป็น “มหานครแห่งศิลปวัฒนธรรม” ได้อย่างเต็มภาคภูมิ โดยในปีนี้ได้คัดสรร การแสดง และดนตรีชั้นเลิศ จากนานาประเทศ มาให้ชมกัน จากทั้ง 12 ประเทศ 16 ชุดการแสดง จัดแสดงรวมทั้งสิ้น 21 รอบ ระหว่างวันที่ 8 กันยายน ถึง 17 ตุลาคมนี้
BALLET
เริ่มเปิดม่านการแสดงในปีนี้ด้วยระบำปลายเท้าสุดคลาสสิก Swan Lake (8-9 กันยายน) ได้ยินชื่อแล้วอย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าก็คงเหมือนเคยๆ สวอนเลก ครั้งนี้เป็นผลงานของคณะ Stanislavsky Ballet จากมอสโก อีกหนึ่ง คณะบัลเล่ต์ ชั้นนำของรัสเซียที่ว่ากันว่า สร้างสรรค์ สวอนเลก ได้เหนือกว่าคณะบัลเล่ต์ชื่อก้องโลกอย่าง บอลชอย และ คิรอฟ ดีงามถึงขั้นที่ว่า ทุกครั้งที่แสดงที่นั่งไม่ใช่แค่เต็มแต่ถึงขั้นล้นโรงละครจนเกรงว่าอาจเกิดจลาจลได้
ปัจจุบัน ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ สตานิสลาฟสกี บัลเลต์ คือ Igor Zelensky อดีตนักเต้นเอกแห่ง มาริอินสกี บัลเล่ต์ โคเวนต์การ์เดน และนิวยอร์กซิตี้ บัลเล่ต์ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมระบำปลายเท้าของคณะนี้ถึงตรึงตราประทับใจผู้ชมได้อย่างมากมาย คณะสตานิสลาฟสกีบัลเลต์ยังมาพร้อมกับ Giselle (11 กันยายน) ผลงานการประพันธ์ของ อดอลเฟ อดัม ที่เขียนไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2384 (175 ปีที่แล้ว) ออกแบบท่าเต้นโดย มาริอุส เปติปา นักออกแบบท่าเต้นระดับตำนาน จีเซลล์ คือ สาวน้อยชาวไร่ ผู้ตกหลุมรัก ชายหนุ่มสูงศักดิ์ ซึ่งมีคู่หมายแล้ว แม้เธอจะอกหักจนตัวตาย แต่วิญญาณของเธอก็ยังคอยปกป้องคนรักและชนะทุกสิ่ง นี่เป็นบัลเล่ต์อีกเรื่องที่มีลีลาสวยๆ แบบ บัลเล่ต์ คลาสสิก ขนานแท้ ที่สะกดคนดูได้เสมอ
คนชอบบัลเล่ต์คลาสสิก ยังฟินได้อีกกับ Nutcracker – A Christmas Carol (8-9 ตุลาคม) เรื่องราวการผจญภัยของสาวน้อยกับตุ๊กตาไม้ในโลกของเล่น แสดงโดยนักบัลเล่ต์มากความสามารถ 31 ชีวิตจาก 13 ประเทศ ที่รวมตัวอยู่ในคณะ Karlsruhe Ballet หนึ่งในสามคณะที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำด้าน บัลเล่ต์คลาสสิก ของเยอรมนี กำลังหลักของคณะฯ คือ Birgit Keil และ Vladimir Klos เคยเป็นนักเต้นเอกของ ชตุทท์การ์ทบัลเล่ต์ ทั้งคู่ ซึ่งนักเต้นในคณะคาร์ลสรูเออฯ กว่าครึ่งก็ได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธ์โดยตรงจากสองปรมาจารย์นี้
ขยับจากความคลาสสิกมาสู่ดรามาติกบัลเล่ต์ Tristan and Isolde (24 กันยายน) โดยคณะ The Geneva Ballet หรือ Ballet du Grand Théâtre de Genève สวิตเซอร์แลนด์ “ทริสทันอุนด์อิโซล” เป็นเรื่องราวความรักที่ไม่ถูกที่ถูกเวลาของ ทริสทัน อัศวินหนุ่ม กับ อิโซล เจ้าหญิงแห่งไอริช ผู้กำลังจะเป็นเจ้าสาวของกษัตริย์ แรกเริ่ม บทประพันธ์ชิ้นนี้เป็นโอเปรา 3 องก์ แต่ริชาร์ด วากเนอร์เจ้าของบทประพันธ์เรียกงานของตัวเองว่าเป็นเรื่อง “ดรามา” เพราะนอกจากจะได้แรงบันดาลใจจากตำนานของชาวเคลต์แล้ว ว่ากันว่า วากเนอร์แต่งเรื่องนี้โดยอิงจากชีวิตจริงของตัวเองที่ไปหลงรักภรรยาของผู้มีพระคุณ จนทำให้ครอบครัวของตนล่มสลาย Joëlle Bouvier นักออกแบบท่าเต้นของคณะเจนีวาบัลเล่ต์ หยิบบทประพันธ์นี้มาทำเป็นบัลเล่ต์ร่วมสมัย และน่าดีใจที่ผู้รับบทเจ้าหญิงอิโซลครั้งนี้คือ ปิ๊ก–ศรวณีย์ ธนะธนิต นักบัลเล่ต์สาวชาวไทยหนึ่งเดียวของคณะฯ ซึ่งถ้ายังจำกันได้ เมื่อ 3 ปีก่อน ปิ๊ก-ศรวณีย์ เคยมาแสดงฝีมือเป็นครั้งแรกในบท จูเลียต (Romeo & Juliet) พร้อมกับเจนีวาบัลเล่ต์เช่นกัน
การแสดงอีกหนึ่งชุดของคณะเจนีวาบัลเล่ต์ในปีนี้คือ Carmina Burana (26 กันยายน) งานชิ้นเอกของ คาร์ล ออฟฟ์ ที่อิงกับบทกวียุคกลาง 24 ชิ้น เจนีวาบัลเล่ต์เลือกนำเสนอ คาร์มินา บูรานา ในรูปแบบคอนเทมโพรารีบัลเล่ต์ ออกแบบท่าเต้นโดย Claude Brumachon ซึ่งใช้ประสบการณ์กว่า 30 ปีสร้างสรรค์ท่าเต้นที่จะถ่ายทอดออกมาได้อย่างทรงพลังเช่นบทประพันธ์ และเพิ่งจัดแสดงครั้งแรกไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี่เอง
ร่วมสมัยกันต่อกับ Romeo & Juliet (12 ตุลาคม) โดยคณะ Ballet Preljocaj จากฝรั่งเศส ความร่วมสมัยในทั้งในแง่รูปแบบ รวมถึงการตีความในปริบทที่ร่วมสมัย Angelin Preljocaj นักออกแบบท่าเต้น ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของคณะฯ ตีความงานอมตะของเช็กสเปียร์ให้เป็นโศกนาฏกรรมรักในยุคเผด็จการของยุโรปตะวันออก เป็นเรื่องราวการเผชิญหน้าระหว่างทหารกับคนไร้บ้าน ณ ช่วงเวลาที่กำแพงเบอร์ลินถูกทลาย ท่าเต้นที่ออกแบบโดย เพรลโจกาซ ร่วมด้วยดนตรีของ แซร์เก โปรโคเฟียฟ และ โรเมโอ แอนด์ จูเลียต ที่ไม่ใช่เรื่องรักระหว่างสองตระกูลคู่แค้นเป็นอย่างไร ต้องลองดู
OPERA
เรื่องโอเปราต้องยกให้เทศกาลนี้ ที่ยังหาญกล้านำเข้ามาให้ดูทุกปี ทั้งเป็นอุปรากรของแท้โดยคณะโอเปราชื่อดังจากยุโรป (จะว่าไป อุปรากรจีน หรือ งิ้ว ก็เคยมาแล้วเช่นกัน) เรื่องที่เลือกมาก็เป็นโอเปราที่นิยมกันทั่วโลก จากบทประพันธ์ของคีตกวีระดับตำนาน แถมยังมีการแปลบทร้องเป็นสองภาษา ไทยและอังกฤษ (สามภาษา ไทย-จีน-อังกฤษ ก็เคยเช่นกัน) ทำให้ดูเข้าใจง่ายขึ้น เรียกได้ว่า ลงทุนสูงแต่ยังสู้ เพื่อให้กรุงเทพฯ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหนึ่งของโลกที่มีพื้นที่สำหรับงานศิลปวัฒนธรรมนานาชาติ รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้คนในเมืองไทยได้ดูงานดีๆ ระดับโลกในราคาย่อมเยากว่า
ปีนี้ คณะ Helikon Opera Theatre จากมอสโก นำโอเปรามาแสดงสองเรื่องจาก 50 เรื่องที่มีอยู่ในมือซึ่งล้วนเป็นที่ชื่นชอบของทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ เรื่องแรกคนไทยอาจไม่คุ้นนัก Un Ballo in Maschera (18 กันยายน) บทประพันธ์ของ จูเซปเป แวร์ดี คำร้องโดย อันโตนิโย ซอมมา แต่งไว้ตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ. 2400 “อุน บัลโล อิน มัสเกรา” เป็นเรื่องราวของอำนาจ ความรัก การหักหลังของเพื่อน และแผนลับทางการเมือง โอเปราเรื่องนี้ถูกสั่งห้ามเล่นในอิตาลี จนต้องเปลี่ยนทั้งชื่อเรื่องและฉากในเรื่องอยู่ราวสามครั้ง กว่าจะกลายเป็นชื่อนี้และให้แสดงได้เป็นครั้งแรกที่กรุงโรมในปี พ.ศ. 2401
เรื่องที่สองคือ Carmen (20 กันยายน) อุปรากร 2 องก์ของ จอร์จ บิเซต์ การ์เมน ชุดนี้เป็นผลงานที่ได้รับความนิยมสูงสุดของคณะฯ และคว้ารางวัล Golden Mask Award ในสองสาขาคือ ผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยม และนักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม ประสบความสำเร็จทุกครั้งที่เปิดแสดงไม่ว่าจะในรัสเซียหรือต่างประเทศ นอกจากจะมีผู้กำกับฯ และนักแสดงระดับรางวัลแล้ว นักร้องประสานเสียงของคณะก็ได้รับรางวัลจากงาน The Opera Awards (2013) ซึ่งถือว่าเป็นงานประกวดด้านโอเปราที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก ขณะที่ผู้กำกับเวที และวาทยกร เป็นศิลปินแห่งชาติของรัสเซีย และผู้ออกแบบท่าเต้นก็เป็นศิลปินเกียรติยศของรัสเซีย เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งคณะโอเปราคุณภาพจริงๆ
MUSIC
นอกจากบัลเลต์และโอเปราแล้ว อีกหนึ่งการแสดงที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลนี้ก็คือ ดนตรีในแนวคลาสสิกอย่างออร์เคสตราและแจ๊ส ใครชอบอลังการงานดนตรีอย่าง ออร์เคสตรา ปีนี้จัดมา 2 วงจาก 2 ประเทศ The Israel Camerata Orchestra (22 กันยายน) หนึ่งในวงดุริยางค์ชั้นนำของอิสราเอล ควบคุมวงโดย Avner Biron วาทยกรและผู้อำนวยการฝ่ายดนตรีที่ทั้งบุกเบิกและพัฒนาจนวงเข้าสู่มาตรฐานสูงสุดถึงขั้นมีรางวัลเป็นประกัน อิสราเอล คาเมอราตา มีการแสดงกว่า 100 ครั้งต่อปีทั้งในอิสราเอลและต่างประเทศ แสดงตั้งแต่ดนตรีบาโรกจนถึงคลาสสิกร่วมสมัย ครั้งนี้วงจะบรรเลงบทเพลง Divertismento for String Orchestra ของ เบลา บาร์ต็อก Cello Concerto No.1 ของ โจเซฟ ไฮเดิน Kaddish ของ มาร์ก โคปีต์แมน และ Symphony No. 5 ของ ฟรันซ์ ชูเบิร์ต
วงดุริยางค์ที่สองมาจากตุรกี The Presidential Symphony Orchestra (14 ตุลาคม) เป็นวงออร์เคสตราที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของตุรกีและเก่าแก่ที่สุดวงหนึ่งของโลก ก่อตั้งตามความประสงค์ของสุลต่านมาห์มุดที่สอง ประมาณช่วงปี พ.ศ. 2369 โดยเชิญ จูเซปเป โดนิเซตติ จากราชสำนักออสเตรีย-ฮังการี มาช่วยตั้งและกำกับวง กระทั่งบ้านเมืองเปลี่ยนเข้าสู่ยุคสาธารณรัฐ นี่ก็ยังเป็นวงเดียวที่ได้แสดงในพระราชวัง หัวหน้าวาทยกรคนปัจจุบันคือ Rengim Gokmen โดยครั้งนี้จะบรรเลง Kocekce (Dance Rhapsody) ของอูลวี เคมาล เออร์กิน The Moldau ของเบดริช สเมตานา Hungarian Rhapsody ของฟรานซ์ ลิซต์ และ Symphony No. 2 ของแซร์เก รัคมานินอฟฟ์
อีกหนึ่งคืนที่ขาดไม่ได้คือ ค่ำคืนแห่งแจ๊ส (3 ตุลาคม) วันที่แสนคุ้มค่าสำหรับคนรักดนตรีแจ๊ส ด้วยราคาบัตรเริ่มต้นแค่ 600 บาท แต่ได้ดื่มด่ำกับวงดนตรีแจ๊สคุณภาพ 2 วงในค่ำคืนเดียว วงแรก The Suffle Demons (3 ตุลาคม) วงดนตรีฟิวชั่นแจ๊สจากแคนาดา ที่สร้างปรากฏการณ์ในแคนาดาด้วยการนำเสนองานดนตรีที่มาพร้อมความบันเทิง พวกเขามีผลงานมาแล้ว 8 ชุด มีคอนเสิร์ตเฉพาะในแคนาดา 25 ครั้ง และอีกเกือบ 30 ครั้งในต่างประเทศ
วงที่สองมาจากเบลเยียม Belgian Saxophone Ensemble (3 ตุลาคม) วงดนตรีแซกโซโฟนล้วน โดยนักแซกโซโฟน 13 คน คงไม่บ่อยนักที่เราจะได้ดูได้ชมได้ฟังดนตรีจากวงดนตรีแบบนี้ แซกโซโฟน 13 ตัวจะสร้างเสียงประสานกันออกมาเป็นบทเพลงได้ไพเราะขนาดไหน น่าสนใจมาก
และค่ำคืนที่เชื่อว่าทุกคนจะร้องตาม คือค่ำคืนของ Hollywood Sound of Cinema (27 กันยายน) คอนเสิร์ตเพลงประกอบภาพยนตร์โดยนักร้องนานาชาติ 8 คน การแสดงชุดนี้ประสบความสำเร็จมากที่ประเทศจีน โดยเปิดแสดงอยู่ร่วม 4 เดือน และอีก 4 เดือนกับการทัวร์ในยุโรป ทั้งได้รับรางวัลและได้รับเชิญไปร่วมรายการดังๆ ในยุโรปมากมาย คนเรามักมีโลกส่วนตัวที่ฝังติดอยู่กับเพลงที่คุ้นหู ว่าช่วงเวลานั้นๆ เรากำลังทำอะไรอยู่ คอนเสิร์ตนี้จะพาเรากลับไปสู่โลกตรงนั้น และเชื่อว่าแต่ละคนจะกลับไปพร้อมความประทับใจที่ไม่เหมือนกัน
ACROBATICS, FOLK DANCE and MODERN DANCE
กายกรรม เป็น การแสดง ที่น่าดูเสมอ ทั้งน่าตื่นตา น่าหวาดเสียว น่าทึ่ง และสวย โดยเฉพาะกายกรรมจากจีน China Natinal Acrobatic Troupe (30 กันยายน, 1-2 ตุลาคม) คณะกายกรรมแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อตั้งโดยรัฐบาลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 และเป็นหนึ่งในคณะกายกรรมที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดของจีน เปิดการแสดงมาแล้ว 124 ประเทศ ได้รับรางวัลจากเวทีต่างๆ ทั่วโลกรวม 58 เหรียญทอง การแสดงที่นำเสนอครั้งนี้เป็นผลงานใหม่ ที่ผสมผสานกายกรรมเข้ากับการเต้น และอารมณ์แบบละคร เรียกได้ว่า ยังคงผาดโผนเร้าใจเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือ ดรามา กายกรรมแบบดรามาเป็นอย่างไร ปลายเดือนกันยายนนี้ได้พิสูจน์กัน
อินเดียนแดนซ์ เป็นหนึ่งในการแสดงที่มักสร้างความประทับใจได้เกินคาด อาจเพราะหลายคนมีภาพจำของหนังอินเดียอยู่ติดตาและคิดว่าระบำอินเดียจะเป็นอย่างนั้น แต่ความจริงระบำอินเดียมหัศจรรย์มาก เสียงกระพรวนข้อเท้า (ฆุงฆรู–ghungroos) กับเท้าเปล่าของนักแสดงที่ย่ำลงบนพื้นเวที สร้างความสนุกเร้าใจได้อย่างเหลือเชื่อ อารมณ์เดียวกับ ระบำ ฟลาเมงโก ของสเปนอย่างไรอย่างนั้น การแสดงชุด Uncharted Seas (14 กันยายน) โดย อดิติ มันคัลดัส แดนซ์ คอมปานี (Aditi Mangalda Dance Company) จะทำให้เห็นนาฏศิลป์อินเดีย ในมุมมองของคนสมัยใหม่ ที่ผสานทักษะการเต้นที่เชี่ยวชาญเข้ากับนวัตกรรม บทกวี และดนตรี ได้อย่างกลมกลืน โดยยังคงมีเสียงฆุงฆรูสร้างพลังได้อย่างมีเอกลักษณ์ อดิติเป็นนักเต้นและนักออกแบบท่าเต้น “กถัก” ชั้นนำคนหนึ่งของวงการ (kathak-รูปแบบการเต้นรำคลาสสิกชนิดหนึ่งของระบำอินเดีย) แน่นอนว่า เธอรัก กถัก แบบดั้งเดิม แต่ก็ไม่ปิดกั้นสิ่งใหม่ๆ และนำมาประยุกต์เข้ากับงานได้อย่างน่าสนใจ เปิดใจให้กับระบำอินเดีย แล้วคุณจะติดใจ
พาดพิงถึง “ฟลาเมงโก” ฟลาเมงโกก็มา Voces, Suite Flamenca (16 ตุลาคม) โดย Sara Baras Dance Company คณะฟลาเมงโกที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในสเปน ซารา บาราสมาร่วมใน มหกรรม ศิลปะการแสดง และ ดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ อยู่หลายครั้ง และไม่เคยทำให้ผิดหวัง ที่นั่งของการแสดงฟลาเมงโกถูกจับจองเต็มอย่างรวดเร็วทุกที หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษเคยเขียนถึงซารา บาราสไว้ว่า การเต้นฟลาเมงโกของเธอไม่ใช่เป็นแค่พายุแต่เป็นดั่งเฮอร์ริเคน การแสดง ชุด “โบเซส” คือผลงานล่าสุดของคณะฯ ที่ใช้นักแสดงถึง 15 คน เวทีศูนย์วัฒนธรรมฯ สะเทือนกว่าครั้งไหนๆ แน่ๆ แนะนำให้รีบจองตั๋วแต่เนิ่นๆ ถ้าไม่อยากพลาดฟลาเมงโกอันมหัศจรรย์ของซารา บาราสและคณะ
ส่งท้ายการแสดงที่อวดพลังและความมหัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์ด้วย โมเดิร์นแดนซ์ จากนิวยอร์ก Paul Taylor Dance Company (18-19 ตุลาคม) พอล เทย์เลอร์ ได้ชื่อว่าเป็นนักออกแบบท่าเต้นแห่งยุค คณะของเขาถือเป็นคณะนักเต้นร่วมสมัยรุ่นบุกเบิกของวงการเต้นในสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 เปิดแสดงมาแล้วกว่า 500 เมืองใน 62 ประเทศ จนถึงวันนี้ งานของ พอล เทย์เลอร์ และคณะ ก็ยังเรียกว่าเป็นผู้บุกเบิกได้อยู่ เพราะสร้างสิ่งใหม่ๆ ออกแบบท่าเต้นที่ซับซ้อนอย่างน่าอัศจรรย์ขึ้นมาเสมอ การแสดงของคณะ พอล เทย์เลอร์ ในปีนี้มี 2 วัน รายการแสดงไม่เหมือนกัน ใครชอบแนวนี้คงต้องดูทั้งสองวันเพราะไม่ซ้ำกัน ราคาบัตรเริ่มต้นเพียง 800 บาทเท่านั้นสำหรับโชว์นี้
โดย การแสดง ทั้ง 16 ชุด ที่ได้บอกเล่ามาแล้วนี้ จะจัดแสดงที่ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ การแสดง รอบบ่าย เริ่มเวลา 14.30 น. และรอบค่ำ 19.30 น. (ยกเว้นระบำฟลาเมงโก Voces แสดงเวลา 18.00 น.)
ชาว FAVFORWARD คนไหนที่สนใจอยากไปสัมผัสความตื่นตาตื่นใจ และเต็มอิ่มไปกับ มหกรรม ศิลปะการแสดง และดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ในปีนี้ ขอให้รีบจองบัตรด่วนๆ เพราะทางทีมงานกระซิบมาว่า บางการแสดงบัตรหมดเร็วมากจริงๆ โดยบัตรเข้าชมราคาเริ่มต้นที่ 600 บาท มีจำหน่ายแล้วที่ www.thaiticketmajor.com และเคาน์เตอร์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา สายด่วน โทร. 0 2262 3191 และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.bangkokfestivals.com