เปิดความลับการเจรจาต่อรองตัวประกัน “ธุรกิจของการลักพาตัว”

เปิดความลับการเจรจาต่อรองตัวประกัน “ธุรกิจของการลักพาตัว”

รู้หรือไม่ว่าแต่ละปีมีการลักพาตัวทั่วโลกอยู่ราวๆ 20,000 คนเลยทีเดียว ถึงแม้มันดูจะเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับใครหลายๆ คนแต่ในเบื้องหลังสิ่งเหล่านั้น กลับซ่อนเรื่องราวที่น่าสนใจเอาไว้มากมาย คำถามคือ เราจะลักพาตัวคนคนหนึ่งไปทำไม ถ้าไม่ได้มีความแค้นต่อกัน หรือต้องการกรรโชกทรัพย์ นั่นคือเหตุผลที่คุณอาจจะอยากรู้ แต่ถ้าไม่ได้เป็นคนที่มีเงินทองมากมายมหาศาลหรือเข้าไปมีบทบาทสำคัญทางการเมือง คิวนั้นอาจยังไม่ถึงคุณก็เป็นได้

คดีดังของโลกอย่างการลักพาตัวจูดิธ และเดวิด เตบบุตต์

เกิดขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังไปพักร้อนที่เคนยา พวกเขาถูกโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธโจรสลัดโซมาเลีย เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อเธอและสามีถูกจับไปไว้ที่เกาะแห่งหนึ่งของเคนยา ที่ที่ไกลจากฝั่งราว 40 กม. ได้ ที่นี่มีแต่ความเงียบสงัดและอ้างว้างมองออกไปไม่เห็นผู้คนที่ไหนนอกจากพวกเขา ในขณะที่เดวิดยังมีชีวิต เขาพยายามให้จูดิธมองโลกในแง่ดี ว่าถือเป็นประสบการณ์ที่จะสอนให้พวกเขาได้เรียนรู้ครั้งหนึ่งในชีวิต แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อคืนหนึ่ง จูดิธตื่นด้วยเสียงร้องของเดวิด ขณะถูกลากตัวไปลงเรือด้วยชุดนอน เท้าเปล่า พร้อมกับถังน้ำมันเต็มเรือ ในขณะที่จูดิธเกิดความคิดในหัวขึ้นมากมาย เพื่อหาวิธีในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ โชคดีที่เธอเป็นนักสังคมสงเคราะห์ เธอจึงพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกจับตัวประกันให้มากที่สุด ในเมื่อการทำตัวเป็นปฏิปักษ์อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิม รวมถึงพยายามทำร่างกายให้แข็งแกร่งไว้เพื่อจะมีชีวิตรอดกลับมา แน่นอนว่าการเจรจาเพื่อการปล่อยตัวของเธอเริ่มขึ้นภายในไม่กี่วันหลังจากถูกจับ ลูกชายของเธอได้ติดต่อมาผ่านสายของพวกโจรสลัดที่จับเธอไว้ และได้บอกถึงความเศร้าสลดถึงเรื่อง เดวิด ผู้เป็นสามีที่รักของเธอได้เสียชีวิตลงแล้ว

ทันทีที่เธอวางสายเธอตะโกนใส่หน้าพวกโจรสลัดถึงพฤติกรรมอันเหี้ยมโหดที่ไม่ควรจะทำกับตัวประกัน ‘คุณฆ่าสามีฉัน!’ และ ‘คุณฆ่าสามีของฉัน!’ เธอย้ำอยู่แบบนั้น

ตลอดการถูกจองจำเธอพยายามรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับพวกโรสลัดให้มากที่สุด ทั้ง DNA ของพวกเขาเมื่อพวกเขาสัมผัสไฟฉายหรือสมุดบันทึกของเธอ หวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะถูกจับและรับผิดชอบกับการกระทำที่เกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเวลาถึง 6 เดือน ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอังกฤษ เพียงหนึ่งปีหลังจากที่ถูกปลดปล่อยเธออธิบายความมุ่งมั่นที่ไม่ธรรมดาของเธอเพื่อความอยู่รอด หลายคนอาจสงสัยว่าหลังจากหกเดือนในห้องสกปรกที่คับแคบ กับการใช้ชีวิตย่างอดอยาก โดนดูถูกเหยียดหยาม ทำให้อับอาย รวมถึงถูกคุกคามเป็นครั้งคราว เธอรอดมาได้อย่างไร จูดิธได้เขียนเรื่องราวฉบับเต็มรวมไว้ในหนังสือเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น เธอมุ่งมั่นที่จะอยู่รอดและนั่นคือแรงบันดาลใจของเธอในการเขียนลงในหนังสือ “A Long Walk Home”

หลักในการเจรจาต่อรองตัวประกัน

“ผู้ทำการเจรจาจะต้องเป็นผู้ที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจขั้นสุดท้าย หรือเป็นผู้บังคับหน่วย เพราะผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ถ้ามาเจรจาเองจะถือว่า “แพ้” ตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะการที่คุณมีอำนาจสั่งการแล้วไปอยู่ตรงนั้น เขาสามารถเรียกร้องโดยตรงจากคุณได้เลย เราจะเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียว ทำให้เราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ถ้าผู้เจรจาไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ก็จะยังสามารถเดินเกมเจรจาต่อไปได้” ผู้เชี่ยวชาญการเจรจาต่อรอง กล่าว

สิ่งที่เจ้าหน้าที่จะทำคือ

  1. พยายามวินิจฉัยเบื้องต้นถึงลักษณะของคนร้ายที่จับตัวประกัน : มีความบกพร่องทางจิต วิกลจริต หรือมีวัตถุประสงค์ใด
  2. ไม่โต้เถียง โต้แย้ง พูดขัดคอหรือท้าทาย
  3. ไม่ยั่วยุให้โกรธ
  4. ไม่โกหกหรือใช้อุบายหลอกลวงโดยไม่จำเป็น
  5. พูดด้วยเหตุผล
  6. ไม่สอบถามว่าคนร้ายต้องการหรือเรียกร้องอะไร แต่ให้พยายามฟังคนร้ายพูด แล้วจับประเด็นว่าคนร้ายต้องการหรือเรียกร้องอะไร
  7. ในกรณีที่คนร้ายต้องการเจรจาด้วย ให้พยายามพูดในเชิงให้คนร้ายมีอาการสงบ
  8. พูดด้วยความเห็นใจ
  9. ให้คนร้ายพูดระบายความรู้สึกให้มาก
  10. อย่าให้คนร้ายเสียหน้า
  11. 11. อย่ากำหนดเวลาในการให้อย่างหนึ่งอย่างใด
  12. ไม่ชี้โพรงให้กระรอก

หากคุณตกเป็นตัวประกัน จะทำอย่างไร

  1. ตั้ง “สติ” ให้ดี
  2. งานของคุณ คือ การเอาตัวรอด
  3. ตอนเริ่มแรกของการถูกจับกุมอย่าพยายามต่อสู้
  4. พยายามผ่อนคลาย ยอมรับสถานการณ์
  5. ทำตามคำสั่งผู้จับกุม
  6. อย่าขอร้อง สารภาพ สบถ หรือร้องไห้ เพราะจะทำให้บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้น
  7. อย่าพยายามหลบหนี เว้นแต่ว่าคุณจะแน่ใจว่าหลบหนีได้สำเร็จ
  8. อาจโอนอ่อนผ่อนตาม
  9. ควรอาศัยช่วงเวลาดังกล่าวรับรู้สภาพจิตใจ และความเป็นมาเป็นไปของผู้ก่อเหตุ เพื่อที่อาจจะได้เก็บเป็นข้อมูลไว้ใช้คราวจำเป็น
  10. 10. ถ้ามีหน่วยช่วยเหลือเข้าไปด้วยการจู่โจม ให้นอนราบกับพื้น ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ เมื่อสถานการณ์สงบจึงแสดงตัว

ในต่างประเทศมีบริษัทรับทำประกันการลักพาตัวไว้มากมายอย่าง K&R แต่อาจมีราคาค่อนข้างสูง ฉะนั้นบุคคลที่เลือกทำส่วนใหญ่จึงเป็นศิลปิน ดารา หรือบุคคลที่มักต้องเดินทางไปยังประเทศที่มีสงครามกลางเมืองบ่อยๆ เท่านั้น

keyboard_arrow_up