6 เรื่องน่ารู้…เกี่ยวกับ เทศกาลฮาโลวีน
เทศกาลฮาโลวีน เป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญของผู้คนทั่วโลก (อ่านกำเนิดวันฮาโลวีนที่นี่) นอกเหนือจากการระลึกถึงนักบุญแล้วนั้น อีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญของวันนี้คือการเฉลิมฉลองและการแต่งกายเลียนแบบภูติผีทั้งหลาย วันนี้เรามี เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ 5 สัญลักษณ์ที่สำคัญในวันฮาโลวีนมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลยครับ
jack-o’-lan tern หรือโคมไฟฟักทอง
jack-o’-lan tern (แจ็คโอแลนเทิร์น) หรือโคมไฟฟักทอง เป็นอุปกรณ์ตกแต่งสถานที่ยอดนิยมในคืนวันฮาโลวีน โดยจะใช้ผลฟักทองลูกใหญ่สีส้ม มาแกะสลักลวดลายให้คล้ายกับใบหน้าคนในอารมณ์ต่างๆ เช่นการโอดครวญ หัวเราะ ข่มขวัญ หรือแม้แต่แสยะยิ้ม เพื่อเป็นการระลึกถึงแจ็ค ชาวนาผู้หาญกล้าต่อรองสัญญากับซาตาน และอีกนัยยะเป็นการขับไล่สิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาภายในบ้านอีกด้วย
ตามตำนานของชาวไอร์แลนด์ ดินแดนที่เป็นต้นกำเนิดเทศกาลฮาโลวีนกล่าวเอาไว้ว่า ในสมัยก่อนนั้น ซาตานมักจะออกตระเวนข่มขู่ชาวบ้านเพื่อเอาผลิตผลทางการเกษตรต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ชาวบ้านต่างหวาดกลัวและยินยอมทำตามขอของซาตาน แต่เมื่อมาถึงบ้านของแจ็ค เขาได้หลอกล่าซาตานจนติดกับดัก เพื่อแลกกับการรับปากของซาตานที่ว่า เมื่อเขาถึงแก่ความตาย ซาตานจะไม่นำวิญญาณของเขาไปสู่นรกภูมิเหมือนกับคนอื่นๆ
เวลาล่วงเลยจนถึงบั้นปลายสุดท้ายของแจ็ค ด้วยคำสัญญาที่ซาตานได้ให้ไว้ วิญญาณของแจ็คจึงไม่ต้องลงไปสู่นรกภูมิเหมือนกันกับคนอื่นๆ เขาจึงต้องเดินทางไปยังสถานที่ไกลโพ้นอันแสนหนาวเหน็บแทน ซาตานเห็นดังนั้นจึงได้มอบหัวผักกาดที่ภายในบรรจุเถ้าถ่านเอาไว้ หมายให้ความอบอุ่นและแสงสว่างนำทางแก่ดวงวิญญาณของแจ็ค
ด้วยเหตุนี้เองเมื่อวันฮาโลวีนมาถึง ชาวไอร์แลนด์จึงมักนิยมนำหัวผักกาดมาแกะสลักเป็นโคมไฟ เพื่อระลึกถึงดวงวิญญานของแจ็ค และเมื่อชาวไอริชได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานยังประเทศอื่นๆ จึงได้ยึดถือธรรมเนียมเดิมที่เคยปฏิบัติ แต่เลือกใช้พืชผักที่หาได้ง่ายในภูมิประเทศนั้นแทนหัวผักกาดนั่นเอง
Trick or Treat หลอกหรือเลี้ยง ?
การเล่นTrick or Treat ในคืนวันฮาโลวีนเกิดขึ้นจากชาวยุโรปราวๆคริสต์ศตวรรษที่ 9 ซึ่งเป็นการเดินร้องขอขนม Soul Cake หรือ ขนมสำหรับวิญญาณ จากคนในหมู่บ้าน โดยมีความเชื่อว่ายิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าใด วิญญาณญาติของผู้ให้บริจาคก็จะได้รับผลบุญมากเท่านั้น
แต่ในปัจจุบันการละเล่น Trick or Treat ได้ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยโดย เด็กๆจะนิยมแต่งกายแฟนซีหลากสีสันเพื่อเลียนแบบภูตผีปีศาจ ออกไปเคาะประตูตามบ้านต่างๆที่มีโคมไฟฟักทองประดับประดา เมื่อเจ้าของบ้านเปิดประตูออกมา เด็กๆก็จะถามว่า Trick or Treat? ให้หลอกหรือเลี้ยง(เอาขนมให้พวกเขา)ซะโดยดี ถ้าตอบ Trick เหล่าเด็กๆก็จะหลอก โดยการแลบลิ้นปลิ้นตาหรือส่งเสียงคล้ายภูตผี ถ้าตอบ Treat เจ้าของบ้านก็ต้องนำขนมที่เตรียมไว้มามอบให้เด็กๆในที่สุด
Apple bobbing หรือเกมงับผลแอปเปิล
นับเป็นเกมที่ทุกบ้านจะต้องเล่นกันในค่ำคืนวันฮาโลวีนอย่าง Apple bobbing หรือเกมงับผลแอปเปิล นั่นเอง วิธีการเล่นก็ง่ายแสนง่าย คือการนำผลแอปเปิลไปลอยไว้ในอ่างหรือกะละมังใบใหญ่ แล้วให้ทุกคนในบ้านแข่งกันงับผลแอปเปิล โดยจะต้องนำมือไขว้หลังในที่ระหว่างเล่น ซึ่งถ้าใครงับสำเร็จก่อนถือว่าเป็นผู้ชนะ และอีกนัยยะคนที่งับผลแอปเปิลได้ก็จะโชคดีไปตลอดปี
ด้วยวัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาจึงได้มีการประยุกต์ Apple bobbing ในลักษณะต่างๆเพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับเกม เช่น การแข่งกันงับผลแอปเปิลที่แขวนอยู่กลางอากาศโดยไม่ใช้มือ หรือการคาบส้อมไว้ที่ปากแล้วพยายามเสียบแอปเปิลให้ได้โดยที่ไม่ใช้มือ เป็นต้น
Bad Omens หรือลางร้าย
ในเทศกาลฮาโลวีน การเจอ Bad Omens หรือลางร้าย นั้นนับไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสักเท่าไรนัก โดย Bad Omens ในเทศกาลฮาโลวีนนั้นก็ได้แก่ แมวดำ ค้างคาว แมงมุม นกฮูก รวมไปถึงกระจกแตก เป็นต้น หากเจอแบบนี้แล้วให้รีบนำ jack-o’-lan tern มาแขวนไล่สิ่งชั่วร้ายรอบๆบ้านโดยด่วน
ขนม Soul Cake และ Corn Candy
ในสมัยก่อนนั้นชาวบ้านนิยมทำขนม Soul Cake (ขนมสำหรับวิญญาณ) เอาไว้ให้กับพวกที่เดินร้องขอขนมกลางหมู่บ้านในช่วงเทศกาลฮาโลวีน เนื่องจากความเชื่อที่ว่ายิ่งให้มากเท่าไหร่ วิญญาณบรรพบุรุษของพวกเขาก็จะยิ่งได้รับอานิสงค์มากขึ้นเท่านั้น
ด้วยเทศกาลฮาโลวีนเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับฤดูการสิ้นสุดของการเก็บเกี่ยวพอดี ชาวบ้านแต่ละหลังก็จะนิยมเตรียมขนมหวานที่ทำเป็นรูปเม็ดข้าวโพดสีสันเหลืองอมส้มที่เรียกว่า Corn Candy ไว้มอบให้พวกเด็กๆที่จะมา Trick or Treat อีกด้วย และเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน แต่ละบ้านนั้นอาจไม่สะดวกที่จะทำ Corn Candy เสียเท่าไหร่ จึงมักจะใช้ลูกอม และพวกช็อกโกแลตชิ้นเล็กๆที่หาซื้อได้ง่ายแทน
การแต่งกายเลียนแบบภูติ ผี ปีศาจ
ชาวไอร์แลนด์ในสมัยก่อนเชื่อว่า ในวันฮาโลวีน (31 ตุลาคม) นั้นนับเป็นวันที่อยู่ในช่วงกึ่งกลางระหว่างวันสิ้นสุดฤดูร้อนและฤดูเก็บเกี่ยวกับวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งมิติของคนเป็นและคนตายนั้น จะถูกเชื่อมโยงเข้าหากันในวันนี้ เป็นผลทำให้มีภูติ ผี ปีศาจ ออกมาเพ่นพ่าน เพื่อหาร่างอยู่อาศัยมากมาย ดังนั้นผู้คนในสมัยก่อนจึงนิยมปิดไฟทุกดวงในบ้าน รวมไปถึงแต่งกายให้ดูแปลกประหลาด หรือเป็นภูติ ผี ปีศาจที่น่าขยะแขยง เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจและหนีหายไปนั่นเอง
เรื่องโดย : Nomad609
ภาพประกอบ : Pinterest
