ทำไมเสื้อทีมฟุตบอลถึงไม่ได้อยู่แค่ในสนามเตะ

ทำไมเสื้อทีมฟุตบอลถึงไม่ได้อยู่แค่ในสนามเตะ

ความคลั่งไคล้ทีมฟุตบอลที่ออกมาสู่นอกสนามกับการไล่ล่าเสื้อทีมที่เราโปรดปรานมาใส่ มันกลายมาเป็นเทรนด์ในปัจจุบันโดยไม่รู้ตัว สาวๆ อาจจะแค่หยิบมาใส่นอน และชายหนุ่มก็รู้สึกว่ามันใส่สบายดีเวลานั่งดูทีวีอยู่บ้าน แต่จริงๆ แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสไตล์การแต่งตัวบนท้องถนนได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความโปรดปรานของเสื้อฟุตบอล มันเป็นการแสดงออกของจิตใต้สำนึกใครชอบทีมไหนก็ซื้อทีมนั้น มันทำให้เรารู้ว่าอิทธิพลของฟุตบอลไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มคนใดคนหนึ่ง แต่มันคือเรื่องที่ถูกเชื่อมโยงกันทั้งโลก

เสื้อฟุตบอลดูเหมือนจะเติบโตส่งอิทธิพลอย่างมาก มันกลายเป็นไอเทมของลัทธิ ตอนนี้เสื้อฟุตบอลกลายมาเป็นเสื้อผ้าที่นักออกแบบชื่อดังร่วมดีไซน์เข้ากับเสื้อผ้าธรรมดาทั่วไป เรากำลังจะแสดงให้คุณเห็นว่าเหตุใดเสื้อฟุตบอลจึงถูกนำมาใช้เป็นวัฒนธรรมบนท้องถนน

หนึ่งในนั้นกลายมาเป็นวัฒนธรรมการแต่งกายสไตล์ฮิปฮอป

คำถามหลักสำหรับคนส่วนใหญ่ก็คือ “เมื่อไหร่ที่เสื้อฟุตบอลเริ่มเจ๋ง?”

คำตอบก็คือ: ตลอดกาล เรารับประกันได้เลยว่าเมื่อคุณอยู่บนถนนหรือในผับ เมื่อคุณอายุมากขึ้นคุณก็มักจะได้เห็นใครบางคนใส่เสื้อฟุตบอลอยู่ที่นั่น มันคือตัวกำหนดความเชื่อของพวกเขา โดยการยอมจ่ายเพื่อแลกมาซึ่งการแสดงความเคารพต่อทีมของพวกเขา ฉะนั้นคุณไม่ต้องพยายามสงสัยว่าทำไมมันถึงฮิต เพราะมันไม่เคยหายไปจากวงการแฟชั่นนั่นเอง

ในอารยธรรมของตะวันตก สิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นการสนับสนุนทีมที่ชอบ คือการซื้อเสื้อ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อบาสเกตบอลเสื้อกีฬาเบสบอลหรือเสื้ออเมริกันฟุตบอล ทั้งหมดนี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

และยิ่งตอกย้ำความฮิตเมื่อแรพเปอร์หลายคนหยิบเอาเสื้อทีมกีฬามาใส่กับโซ่เพชร  จนกลายเป็นภาพติดตาว่าแรพเปอร์กับเสื้อกีฬาคือของคู่กัน

ในขณะเดียวกันเสื้อบอลของทีมชาติอังกฤษจากแมตช์แข่งขันฟุตบอลโลก อิตาเลีย 1990 คือ 1 ชิ้นสำคัญที่หลายคนตามหา แม้อังกฤษจะไม่ได้คว้าแชมป์โลกในปีนั้น แต่ความคลาสสิกทั้งหมดกลับมาตกอยู่ในเกมซึ่งเป็นการดวลแข้งระหว่าง อังกฤษ กับ เบลเยียม เกมดำเนินอย่างสูสีและเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทำให้สกอร์ยัง 0-0 เมื่อเกม 90 นาทีจบลง จากนั้นเกมก็ทำท่าว่าจะต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ แต่ด้วยประตูมหัศจรรย์ ในนาทีที่ 119 ของ เดวิด แพล็ท ที่ลงมาแทน สตีฟ แม็คมาน ก็ส่งให้แข้งจากเมืองผู้ดีผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จจนได้

ความใส่ใจในการออกแบบของแต่ละแบรนด์คือเหตุผล

แค่การตัดเย็บอย่างประณีตหรือใช้ผ้าระบายอากาศคงธรรมดาเกินไปแล้ว เพราะชุดนักเตะรุ่นใหม่ๆ  ก้าวไปไกลถึงขนาดมีประสิทธิภาพใส่แล้วเย็นสบาย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยังมีดีไซน์สวยงามแปลกตา มีการริเริ่มการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน ผ่านกระบวนการผลิตชุดแข่งขันด้วยการนำวัสดุโพลีเอสเตอร์กลับมารีไซเคิล เพื่อให้ได้ชุดแข่งขันที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างสมบูรณ์แบบและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด พร้อมกับพัฒนาเทคโนโลยีให้มีความทันสมัยที่สุด อย่างเทคโนโลยีไนกี้ แอโร่สวิฟท์ เป็นเทคโนโลยีในการผลิตชุดแข่งขันที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งจะทำให้เสื้อแข่งขันมีน้ำหนักเบาขึ้นอีก 10% แถมมาพร้อมความยืดหยุ่นมากกว่าเสื้อแข่งขันรุ่นก่อนถึง 50% ขณะเดียวกันก็สามารถระบายเหงื่อออกจากผิวของผู้สวมใส่ได้เร็วขึ้น 20% และยังช่วยให้เสื้อแห้งไวขึ้น 25% อีกด้วย โดยทั้งเสื้อและกางเกงนั้นจะถูกถักทอทั้งแบบเดี่ยวและแบบสองครั้งเพื่อการระบายอากาศ ความยืดหยุ่น และความกระชับที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

ทั้งหมดทั้งมวลทำให้ “เสื้อบอล” ไม่ได้เป็นเพียงเสื้อที่ทำมาเพื่อนักกีฬา แต่มันยังกลายเป็นแฟชั่นของวงการสตรีทสไตล์ที่แสดงออกถึงลัทธิและความชื่นชอบ พร้อมกับสนับสนุนทีมที่ตัวเองรัก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง รวมไปถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ของการดีไซน์ ยิ่งทำให้ผู้ซื้อรู้สึกชอบมันมากขึ้น 

keyboard_arrow_up