ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

ต้อง Smile Club || แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต x นักเต้นบีบอยสุดฮิป

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต
ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

WHO # Hip Hip to talk with ต้อง Smile Club : ถึงคิวแล้ว!!! คุยกันฮิป ฮิป กับแฮร์สไตลิสต์คิวทองแห่ง Smile Club Hair Diner ร้านตัดผมสุดแนวย่านเอกมัย นอกจากเขาจะยึดอาชีพตัดผมเป็นหลักแล้ว รู้หรือไม่ว่า เขายังเป็นนักเต้นบีบอยตัวท็อปอีกด้วย สองสิ่งนี้โคจรมาเจอกันได้อย่างไร ไปหาคำตอบพร้อมๆ กันได้เลย

วันนี้เราพาทุกคนบุกไปถึงร้านตัดผมชื่อดังย่านเอกมัย คว้าตัว ต้อง – เดชบดี อนามพงษ์ (Havetwo – Datebadee Anampong) หรือรู้จักกันดีในหมู่วัยรุ่นว่า ต้อง Smile Club ออกมานั่งคุยกันสบายๆ ในบ่ายที่แสงแดดเป็นใจ ก่อนอื่นเลย เรามาทำความรู้จักเขากันอีกสักนิดก่อนดีไหม ไม่ต้องรอให้ตอบ เราขอเล่าให้ฟังเองเลยแล้วกันครับ

ต้อง เป็นแฮร์สไตลิสต์คิวฮอตของร้าน Smile Club Hair Diner ชายหนุ่มวัยเลยเลขสามไปหลายปี ผู้หลงใหลในศิลปะการตัดผมเป็นชีวิตจิตใจ บวกกับความมุ่งมั่นกับทุกความฝันทำให้เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นแฮร์สไตลิสต์ที่มีลูกค้าถามหาอยู่ตลอดเวลา และในอีกบทบาทหนึ่งของเขา ต้อง ยังเป็นนักเต้นบีบอยตัวท็อปที่เคยชนะเวทีระดับประเทศมาแล้ว อีกทั้งยังเคยเป็นครูสอนเต้นบีบอยให้กับเด็กฮิป รวมถึง โทนี่ รากแก่น แฮร์สไตลิสต์ ฮิปไอดอลขวัญใจเด็กแนว เมื่อครั้งที่โทนี่เคยรับบทเป็นเด็กบีบอยในภาพยนตร์เรื่อง Big Boy เมื่อหลายปีก่อน จนวันหนึ่ง ต้อง ก็ได้มีโอกาสมาช่วยงานตัดผมที่ร้านแห่งนี้

เกริ่นกันมาพอสมควรแล้วล่ะ ได้เวลาที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักตัวตนของ ต้อง ให้มากขึ้น นับจากบรรทัดต่อจากนี้ครับ

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

รู้มาว่าก่อนจะมาเป็นแฮร์สไตลิสต์ ต้อง เคยเป็นนักเต้นบีบอย มาก่อน เล่าที่มาให้เราฟังหน่อย

ผมเต้นบีบอยมานานเป็นสิบปีแล้ว เริ่มหัดเต้นตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นก็เต้นมาเรื่อยๆ ทั้งสอนเต้น ทั้งทำโชว์ในงานคอนเสิร์ต งานอีเว้นท์ ครบหมดเลย ถ้าเอาจริงๆ ผมชอบเต้นตั้งแต่อยู่อนุบาลแล้วครับ (หัวเราะ) ชอบดูเค้าเต้น ชอบอะไรที่มันผาดโผนนิดหน่อย แต่สมัยนั้นผมเรียนอยู่ต่างจังหวัด (เมืองจันท์) ยังไม่อินเตอร์เน็ต ไม่มีโซเชียล หรือ YouTube ให้ดูเหมือนสมัยนี้

พอได้เข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ก็เจอคนที่เค้าเต้นที่บีทีเอสมาบุญครอง ตอนนั้นผมเป็นเด็กสยามครับ (หัวเราะ) เราก็เข้าไปขอเลย “พี่ครับ ผมอยากเต้น ขอเต้นด้วยได้ไหม อยากเต้นมากเลย” พี่เค้าก็ใจดีบอก เอาเลย อยากเต้นก็เต้น นั่นคือจุดเริ่มต้น เราก็เต้นมาเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นครูสอนเต้นครับ

การเต้นบีบอย ต่างกับ การเต้นแนวอื่น อย่างไรล่ะ

เต้นบีบอย มันเหมือนกับการต่อสู้กับตัวเอง พอเจอท่าเต้นยากๆ มันเหมือนต้องเอาชนะใจตัวเอง เราต้อง ทำให้ได้ๆๆ พอเราทำท่านี้ได้ มันก็เป็นความท้าทายให้ฝึกเต้นในท่ายากต่อๆ ไปอีก

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

เคยอุบัติเหตุจากการเต้นบ้างมั้ย

ก็มีนะ ปกติก็จะมีข้อมือเคล็ด ปวดหลัง ข้อเท้าพลิก แต่ที่หนักสุดของผมก็คือ กระดูกมือร้าว เป็นเพราะเราลงผิดท่า เจ็บมาก แต่ไม่ได้ไปหาหมอ ทิ้งไว้ประมาณสองอาทิตย์ (แล้วกลับไปเล่นใหม่เหรอ) เปล่าๆ ไปหาหมอ (หัวเราะ) หมอครับ ผมไม่ไหวแล้ว มันเจ็บมากเลยครับ (หัวเราะ) ตอนนั้นเรานึกว่ามันแค่ซ้น เดี๋ยวมันก็หายแหละ ทายาประคบไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่หายซักที หมอก็บอกว่า อุ้ย มันร้าวนะเนี่ย แล้วมันก็เชื่อมกันแล้วด้วย (หัวเราะอารมณ์ดี) แต่มันก็เชื่อมกันเบี้ยวๆ นิดนึง

ในวงการเต้นบีบอย มันมีการประชันเหมือนในหนังที่เราดูๆ กันหรือเปล่า

มีครับ แต่อาจไม่ถึงขนาดในหนังนะ ในหนังเค้าก็สร้างให้มีอรรถรสนิดนึง เพราะว่าของจริงส่วนใหญ่ก็รู้จักกันอยู่แล้ว เราอาจไม่ถูกใจคนนี้ แต่ไม่ได้ถึงขั้นต้องใช้กำลังกัน เราแข่งกันด้วยท่าเต้นมากกว่า แพ้ก็แพ้ ชนะก็ชนะ เรามีน้ำใจนักกีฬาครับ

แล้วการแข่งเต้นบีบอย เค้ามีวิธีการตัดสินกันยังไง

จริงๆ ก็ดูหลายอย่างนะ การเต้นบีบอยเป็นเหมือนเป็นงานศิลปะมากกว่า ไม่เหมือนกับกีฬาที่มีเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน มันขึ้นอยู่กับการแข่งมากกว่า บางทีก็มีการให้คะแนน บางทีก็ยกมือให้ทีมนี้ชนะไปเลย ฟีลมันจะเป็นความชอบของกรรมการแต่ละคนมากกว่า

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

สมัยนั้นต้องได้ลงแข่งขันบ่อยมั้ย

ก็บ่อยอยู่นะ มีโอกาสก็ไปแข่งเรื่อยๆ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งผมกับเพื่อนได้ชวนกันไปลงแข่งสนามใหญ่แล้วก็ชนะด้วยครับ ดีใจมาก

เล่าให้เราฟังหน่อยว่า ไปได้รางวัลอะไรมา

ครั้งนั้นเป็นงาน Battle of the year ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นปี 2012 ถือว่าเป็นงานแข่งเต้นบีบอยที่ใหญ่ที้สุดในโลกเลยก็ว่าได้นะครับ เพราะเค้าจะหาตัวแทนแต่ละประเทศไปแข่งรอบ final ที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งปีหลังๆ จะเปลี่ยนมาจัดที่ประเทศฝรั่งเศสครับ

เรากับเพื่อนก็ชวนกันมาแข่งในชื่อทีมว่า Beat Heroes ก็คว้าแชมป์ในปีนั้น แล้วเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งขันต่อในรอบ Southeast Asia ที่ประเทศอินเดีย แต่แพ้สิงคโปร์ไปในรอบชิง เลยไม่ได้ไปต่อที่ฝรั่งเศสครับ

บรรยากาศในรอบชิงที่ประเทศอินเดียเป็นยังไงบ้าง ตื่นเต้นหรือกดดันอะไรมั้ย

ก็กดดันนิดหน่อยครับ เพราะไปแข่งต่างที่ด้วย ไม่คุ้นสักเท่าไหร่ แล้วทีมสิงคโปร์ก็ค่อนข้างเก่งมากๆ ด้วย ตอนนั้นก็พูดกับเพื่อนในทีมนะว่า “งานนี้ไม่มีไรจะเสียแล้วล่ะ ชนะก็ได้ไปกินขนมปังฝรั่งเศส แพ้ก็กินโรตี” (หัวเราะอารมณ์ดี)

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

กลับมาคุยเรื่องตัดผมกันบ้างดีกว่า ต้อง มาเริ่มตัดผมได้อย่างไร

ตอนนั้น ซื้อปัตตาเลี่ยนก่อนเลย (หัวเราะ) คือไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า (หัวเราะร่วน) มันมีอยู่โมเม้นต์หนึ่งที่ไปตัดผมที่ร้าน แล้วเรารู้สึกชอบบรรยากาศแบบนี้จังเลย เลยไปซื้อปัตตาเลี่ยนมา

ซื้อมาแล้วตัดให้ตัวเองเลยหรือเปล่า

ตัดให้เพื่อนก่อน ไม่ตัดเอง (หัวเราะ) ลองกับเพื่อนๆ น้องๆ นี่แหละ ก็ชวนๆ มาตัดผมกัน คือไม่ได้เรียนอะไรเลยนะ ดูคลิปใน YouTube ผ่านๆ มีเบี้ยวบ้าง แหว่งบ้าง อะไรอย่างเนี๊ยะ (หัวเราะ)

เห็นเด็กบีบอยหลายคน ชอบตัดผมเอง

มันอยู่ใกล้กันนะ จริงๆ แล้วคัลเจอร์ของต่างประเทศเนี่ย คนที่เป็นฮิปฮอปเค้าจะตัดผมเป็น แล้วก็ตัดกันเอง มันเหมือนอยู่ในคัลเจอร์เดียวกัน การตัดผมมันมีหลายแนว ทั้งบาร์เบอร์ ซาลอน เราก็อาจไม่ได้ชอบแนวบาร์เบอร์จ๋า เราชอบอะไรที่เป็นศิลปะมากกว่า ชอบทำผมแนวแฟชั่นด้วย

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

ย้อนกลับมาจุดเริ่มต้นที่มาเป็นช่างตัดผมมืออาชีพ

เมื่อสามสี่ปีที่แล้ว หลังจากที่ตัดผมเบี้ยวบ้าง แหว่งบ้าง ก็มาคิด มันไม่ได้แล้วว่ะ เราจะตัดผมโดยไม่มีความรู้แบบนี้เหรอ ก็เลยไปลงเรียนที่ศูนย์ฝึกอาชีพ ไปเองคนเดียวเลย ไปลองก่อนสองเดือน พอเรียนจบ ก็โอเค ตัดเป็นแล้ว แต่มันยังรู้สึกว่า มันมีอะไรมากกว่านั้นที่เราอยากรู้อีก เราเลยไปลงเรียนกับสถาบันเรืองฤทธิ์ที่สยามแบบจริงจังเลย ทั้งดัดผม ไดร์ผม ตัดผมผู้ชาย ตัดผมผู้หญิง เกล้าผม คือเรียนทุกอย่าง จริงๆ คอร์สนี้จะจบใน 6 เดือน เราก็เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย เราใช้เวลา 8-9 เดือน

สมัยนั้น วงการตัดผมแนวซาลอน เปิดกว้างสำหรับผู้ชายหรือยัง

ไม่ค่อยนะ เห็นช่วงหลังๆ ไม่กี่ปีมานี้ ถึงจะมีช่างตัดผมผู้ชายเริ่มทำด้านนี้ ก่อนหน้านั้นไม่ค่อยมี

ถ้าพูดถึงในวงกว้าง เราจะเห็น โทนี่ รากแก่น ที่เป็นช่างตัดผมผู้ชาย ที่ตัดในแนวนี้

ใช่ ใช่ครับ แล้วก็มี พี่ซัน (เมธัส เทพนวล) อีกคน ที่เป็นแรงบันดาลใจให้อยากมาเป็นช่างตัดผม พี่เค้าก็เป็นเพื่อนกับ โทนี่ เป็นหุ้นส่วนกันมาเปิด Smile Club นี่แหละ

สมัยนั้นเรายังไม่รู้จักพี่เค้านะ เรารู้จักกับโทนี่ก่อน เราเคยสอนเค้าเต้นบีบอย ตอนที่โทนี่เล่นหนัง Big Boy เราก็คุยๆ กัน เล่าให้เค้าฟังว่า ตอนนี้เราเรียนตัดผมอยู่นะ โทนี่ก็บอกว่า จริงเหรอ กำลังจะมีโปรเจคท์เปิด Smile Club อยู่เหมือนกัน งั้นลองมาแจมๆ กันสิ มาร่วมงานกัน เดี๋ยวพาไปรู้จักกับพี่ซัน ระหว่างนั้นก็ยังเรียนไปด้วย ว่างๆ ก็ไปดูงานที่ร้านเค้า เราเข้าไปก็ยังไม่ได้ตัดเลย เราเข้าไปดูระบบการทำงานตั้งแต่ กวาดพื้น ช่วยเป่า ช่วยไดร์ เป็นพนักงานต้อนรับ ดูการคุยกับลูกค้า นู่นนี่ ทำเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่ว่า คุณรู้จักเค้าแล้วเข้าไปตัดผมเลย ไม่ใช่ครับ เพราะถือว่าเรา ยังใหม่ในวงการทำผม ทำอยู่อย่างนั้นประมาณสองปี ก่อนที่จะเรียนทำผมจบ แล้วเริ่มมาทำงานด้านนี้อย่างจริงจัง

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

ช่างตัดผม สมัยก่อน กับ สมัยนี้ เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

การตัดผมก็ไม่ได้ต่างกันมากซักเท่าไหร่ อาจจะแตกต่างกันบ้างนิดหน่อยในกระบวนการ เอาจริงๆ ช่างบาร์เบอร์สมัยก่อนกับสมัยนี้ก็ตัดผมคล้ายๆ กัน แต่ช่างสมัยใหม่อาจได้เปรียบในเรื่องของการนำเทรนด์หรือครีเอทอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา จริงๆ แล้วทรงผมอย่างแนววินเทจมันมีมานานมากแล้ว แต่เพิ่งกลับมาบูมในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ช่วงนั้นจะมีร้านดังในต่างประเทศอยู่ร้านหนึ่ง ที่เป็นเหมือนผู้นำเทรนด์โลกในเรื่องของการตัดผม เราจะเห็นทั้ง โซนเอเชีย โซนยุโรป เป็นสไตล์นี้ เหมือนเป็นไอคอนของการตัดผมสไตล์นี้นะ

มีช่วงหนึ่งเราจะเห็นเด็กผู้ชายไม่เข้าบาร์เบอร์ แต่มาเข้าซาลอนแทน

ใช่ครับ มันจะมีอยู่ยุคหนึ่งที่ชอบตัดผมแบบซอยๆ รากไทรเกาหลี ญี่ปุ่น เชื่อว่าทุกคนคงเคยผ่านช่วงนั้นมานะ (หัวเราะ) เรามองเป็นเรื่องของยุคสมัยมากกว่า มันเป็นเทรนด์ครับ ไว้ผมยาว ไว้จอนแหลม ทำไฮไลท์สีผม มันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

เล่าถึงเทรนด์ผมผู้ชายในยุค 10 ปีที่ผ่านมาให้ฟังหน่อย

สิบปีเลยเหรอ (หัวเราะ) จริงๆ ก็เปลี่ยนไปตามกระแสแฟชั่นโลกเนอะ มีทั้ง สกินเฮด ฮิปฮอป เจป๊อป จะเป็นแบบไว้จอนแหลมๆ หวีเป๋ ทำผมยุ่งๆ เคป๊อป เกาหลีฟีเวอร์อะไรแบบนี้ แล้วก็จะวนไปวนมาอยู่อย่างนี้ แล้วก็จะวนมา วินเทจ เซ็ตผมเรียบๆ เรียบแปล้เลย (หัวเราะ) แล้วแต่ยุคเลย

ถ้ามีคนเดินเข้ามาบอก “ตัดผมตามใจช่างเลย” มันมีความยากง่ายอย่างไร

เอาจริงๆ ตามใจช่างเลย สำหรับผมเอง ผมมองว่า มันท้าทายนะ ทุกครั้งเราจะมองว่า ทรงอะไรที่เหมาะกับเค้า ใช้เวลาคุยทำความรู้จักก่อนประมาณ 5 นาที ชอบแบบไหนครับ แล้วก็ดูลุค ดูคาแรกเตอร์ เค้าอาจจะชอบแบบเรียบร้อย ชอบแบบเซอร์ๆ แว่บแรกที่เรามองเห็นเค้า เราจะรู้แบบคร่าวๆ แค่นั้น จนกว่าเราจะได้คุยกับเค้า ผมก็จะคุยกับเค้าว่า ชอบแบบไหน สั้นยาวแบบไหนดี เราก็จะแชร์กัน ตรงนี้ผมว่าแบบนี้ดีกว่า ความยาวตรงนี้ผมว่าเท่านี้ เผื่อจะเซ็ตก็ได้ ไม่เซ็ตก็ได้

เวลาที่มีลูกค้ารีเควตส์แบบนี้ เราจะไม่มีทรงที่ตายตัว ผมจะคิดสดตอนนั้นเลย คุยกันก่อน เคลียร์เลย ปั๊บ ปั๊บ ปั๊บ ถ้าเรามีรูปอยู่แล้ว เราก็ให้ลูกค้า ได้เห็นภาพที่ตรงกัน มันอยู่ที่การสื่อสารให้เห็นภาพมากกว่าครับ

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

แล้วเทรนด์ผมผู้ชายปี 2017 เทรนด์ไหนกำลังจะมา

กระแสวินเทจก็เริ่มซาๆ ลง ผมว่าเน้นทรงสบายๆ ดีกว่า อย่างที่ Smile Club จะเน้นการตัดไปที่ เหมาะกับลูกค้า เลยบอกไม่ได้ว่า ปีนี้เทรนด์อะไรมา ผมว่า ทรงที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า คือ ทรงที่เหมาะกับเค้า คุณอาจจะไม่ต้องตามเทรนด์ทั้งหมดก็ได้

ทรงสบายๆ ที่ว่า หมายถึง ทรงแบบไหน

เป็นทรงที่ตัดเสร็จแล้ว กลับไปหวีๆ ทำเองได้ ไม่ใช่แบบว่า ตัดในร้านแล้ว กลับไปเซ็ตเองไม่ได้ นั่นไม่ใช่คำตอบที่เราต้องการอยากจะให้ลูกค้าได้รับ เราก็อยากให้ลูกค้าได้รับในสิ่งที่เราทำให้เค้าได้ แล้วเค้าก็ทำที่บ้านเองได้ บางคนเซ็ตผมไม่เป็น เราก็จะแนะนำเค้ากลับไปด้วยว่า มันวิธีเซ็ตอย่างนี้นะครับ อะไรแบบนี้ ลูกค้าบางคนก็บอกกลับมา ไม่เคยรู้เลย มันเซ็ตแบบนี้ๆ ใช่มั้ย เหมือนเค้าเข้ามาแล้วอยากได้รับคำแนะนำจากเรา เราก็เลือกทรงให้เค้ากลับไปทำเองได้แน่นอน

แล้วทรงผมยาวแบบ Man Bun หรือ Undercut ยังฮิตอยู่มั้ย

มันยังไม่เอ้าท์ขนาดนั้นนะ มันก็ยังมีวนๆ อยู่ แล้วแต่คนชอบ ส่วนใหญ่ผู้ชายที่ตัดมานะ จะชอบข้างๆ สั้นๆ ส่วนข้างบนก็ขึ้นอยู่กับเค้าละว่า ชอบความยาวประมาณไหน เซ็ตมั้ย ถ้าไม่ชอบเซ็ต ถ้าไม่ซีเรียส ก็สั้นหน่อย สบายๆ เหมาะกับอากาศบ้านเรา เป่าๆ เสร็จเลย ถ้าชอบเซ็ต ความยาวประมาณโหนกแก้ม ใต้ตา อะไรอย่างนี้ แบบนี้ก็จะเซ็ตได้ ทีนี้ชอบเซ็ตด้วยอะไร Wax Pomade หรือ Gel ก็แล้วแต่ชอบละ เซ็ตต่างกัน ก็ให้อารมณ์ คาแรกเตอร์ต่างกัน ได้อีกลุคหนึ่ง เปลี่ยนลุคไปเรื่อยๆ

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

มีลูกค้าหลายคนมั้ยที่อยากเปลี่ยนลุค แล้วบอก “ช่วยครีเอทให้หน่อย”

มีเยอะนะ ส่วนใหญ่จะไว้ผมยาวมาแล้ว ไม่รู้จะตัดทรงอะไรดี เราก็ตัดให้เลย

เปอร์เซ็นต์ระหว่าง ผู้หญิง กับ ผู้ชาย ใครจะมาให้ตัดผมบ่อยกว่ากัน

ผู้ชายจะตัดผมบ่อยกว่าครับ เฉลี่ยประมาณเดือนนึงก็จะกลับมาให้ตัดละ ผู้หญิงก็สองเดือน สามเดือน

มีลูกค้าประจำมาติดเยอะมั้ย

ก็มีเรื่อยๆ ครับ เราก็ถือว่าค่อนข้างใหม่กับตรงนี้อ่ะนะ ก็อาจจะต้องใช้เวลาสร้างลูกค้าไปเรื่อยๆ

(แต่ระหว่างคุยกันอยู่นั้น เราสังเกตว่า จะมีสายโทรมานัดคิวตัดผมอยู่ตลอดเวลา แสดงว่า เขาเป็นคนถ่อมตัว ไม่เรื่อยๆ อย่างที่บอกแล้วล่ะ)

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

เราจะเห็นว่า คนยุคนี้ชอบเข้าร้านซาลอนมากกว่าบาร์เบอร์ คิดว่า มันเป็นสไตล์หรือรสนิยมของคนยุคนี้หรือเปล่า

มันก็มีปัจจัยหลายๆ อย่างครับ มันมีเรื่องของการบริการ ความเข้าใจ อย่างบางทีเราไปเจอช่างที่ไม่คุยกับลูกค้า แล้วก็ตัดๆๆๆ 15 นาทีเสร็จ อะไรแบบนี้ ผมไม่ได้ว่า มันไม่ดีนะ มันก็อาจจะดี ในด้านความรวดเร็ว ถ้าอย่างที่ Smile Club ก็ค่อนข้างจะใช้เวลานิดนึง ตัดหัวนึงก็ใช้เวลาประมาณ 45 นาที หรือชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ช่างแต่ละคนเค้าจะมีลีมิต ช่วงเวลานี้ รับลูกค้าได้เท่านี้ๆๆๆ เหมือนเป็นการให้เวลากับลูกค้าเต็มที่

ขอย้อนกลับไปสมัยเรียนกันหน่อย ต้อง เรียนจบอะไรมาครับ

เรียนจบบริหารธุรกิจครับผม

เรียนจบบริหารธุรกิจ ทำไมถึงเลือกมาเป็นครูสอนเต้นบีบอย หรือช่างตัดผม

(หัวเราะร่า นำมาก่อนเลย) เออ นั่นดิ จริงๆ ที่เรียนจบมา มันเอามาประยุกต์ได้กับทุกอย่างนะครับ อย่างเรื่องการทำผม เราจะรู้เรื่องการจัดการบริหารธุรกิจ ในเรื่องของการเต้น ก็จะมีในเรื่องของการคิดราคา คุยกับลูกค้า บริหารเวลาของตัวเอง ผมมองว่ามันเอามาใช้ได้หมด

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

เวลาว่างจากการเต้นบีบอย หรือตัดผม ต้อง จะใช้เวลาไปกับอะไรครับ

อืมม ก็จะดูหนังฟังเพลง ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง บางทีก็ไปดูแฟชั่นโชว์เกี่ยวกับงานผม ก่อนหน้านี้เราก็ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ แต่พอเรามาทำงานด้านนี้ ว่างๆ เราก็ไปดูบ้าง เหมือนหา inspiration ให้กับตัวเอง

เด็กบีบอย เค้ามีแหล่งแฮงก์เอ้าท์ที่ไหน

สำหรับผมกับเพื่อนๆ จะไปแถวเอกมัย-ทองหล่อครับ เหมือนคนทั่วไปเลย คือเราเต้น เราก็ฟังเพลงที่เราต้องเต้นมาทั้งวัน เป็นปกติของเราไง เวลาเลิกงาน อยากพักผ่อนเราก็ฟังเพลงแนวอื่นบ้าง ฟังเพลงสบายๆ นั่งชิลๆ

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

ต้องเองมีแหล่งช้อปปิ้งที่ไหนที่ไปประจำมั้ย

เมื่อก่อนก็ไปสยาม มาบุญครอง มีให้เสื้อผ้าแนวนี้เยอะ แต่สมัยนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนก็กดดูโซเชียลเลือกแบบในมือถือได้เลย แล้วก็สั่งซื้อออนไลน์ ในเพจ ในไอจี มันก็จะมีกลุ่มของเค้าที่ซื้อขายกัน

ยกตัวอย่างหนังที่เด็กเต้นต้องดู มีเรื่องอะไรบ้าง

Step Up เลยครับ (หัวเราะ) แล้วก็มี 8 Mile นอกจากนี้ก็จะเป็นหนังแนวสารคดีครับ อย่าง Wild Style จะบอกเล่าเรื่องราวของเด็กเต้น

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

อนาคตหลังจากนี้ อยากทำอะไรต่อ

ตอนนี้ยังสนุกกับงานตัดผมอยู่นะ ว่างเราก็ไปเต้น อนาคตเราก็อาจจะเปิดร้านตัดผมที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แต่ไม่ใช่ในกรุงเทพฯ อาจจะเป็นบ้านที่ต่างจังหวัด (เมืองจันท์) อาจจะมีสตูดิโอสอนเต้นด้วย คือเราคิดว่าไปด้วยกันได้

ฝากทิ้งท้ายสำหรับคนที่กำลังค้นหาตัวเองอยู่

เริ่มค้นหาตัวเองมันดีนะ เมื่อเจอสิ่งที่ตัวเองชอบ ทำแล้วไม่รู้สึกเหนื่อย อย่างเวลาเราตัดผมลูกค้าคนๆ หนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีก็ตัดเสร็จแล้วหนึ่งชั่วโมง มันเหมือนเราได้ใช้เวลากับตรงนั้น ไม่ได้รู้สึกตัวเองว่าเป็นเครื่องจักร ต้องทำงานด้านนี้ คือเรามองว่า มันเป็นงานศิลปะ

อยากให้ทุกคนลองค้นหาตัวเองให้เจอ มันมีทุกคนแหละที่ในใจลึกๆ เราชอบสิ่งนี้ แต่บางทีเราลืมมันไป หรือคิดว่าเราไม่เหมาะหรือเปล่า อยากให้นึกย้อนไปตอนเด็กๆ กลับไปดูตัวเองว่า เราเคยชอบแบบไหน อยากทำแบบไหน เหมือนที่ผู้ใหญ่เคยถามเราตอนเด็กๆ ว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร บางทีสิ่งที่เราพูดไปตอนนั้นมันอาจจะเป็นความคิดของเราก็ได้ ว่าเราอยากจะทำสิ่งนั้น พอเราโตมา เราเจอสังคม เจออะไรนู่นนี่ ทำให้เราขังตัวเองไม่กล้าที่จะเดินออกมาจาก comfort zone เริ่มง่ายๆ เลย ลองหาเวลาว่างไปทำดูก่อน ว่าชอบ ไม่ชอบ ถ้าเจอแล้วคุณชอบ ก็ดีใจด้วย ก็อยากให้เป็นแบบนั้นครับ

ต้อง Smile Club แฮร์สไตลิสต์คิวฮอต

สำหรับต้องคงไม่ต้องสรุปอะไรมาก เพราะระหว่างการนั่งคุยในวันนี้ ต้องได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า การได้ค้นเจอตัวเอง แล้วได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ มันมีความสุขมากขนาดไหน อย่างที่ผู้ชายคนนี้บอกว่า พอได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวเอง มันจะไม่เหนื่อย มันมีความสุขทุกขณะที่ทำงาน เราว่ามันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ


Interview : ธนกฤต ชัยสุวรรณถาวร

Photo : วาระ สุทธิวรรณ

Location : Smile Club Hair Diner เอกมัย 10

keyboard_arrow_up