จาก นักออกแบบอาหาร ผู้มากประสบการณ์สู่คนขับ Uber มือใหม่
NEWS: ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันนั้นอาจไม่ได้ถูกจำกัดที่รูปแบบของการทำงานงานเดียวเสมอไป เนื่องจากปัจจัยต่างๆที่สามารถทำให้เราหางานพิเศษได้เพิ่มมากขึ้น อาชีพขับ Uber (อูเบอร์) ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่คนยุคใหม่เริ่มหันมาสนใจกันในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถทำงานนอกเวลาและไม่ต้องลงทุนอะไรมากนั้น ซึ่งวันนี้เราจะพาไปรู้จักอีกหนึ่งบุคคลวัยทำงานที่ถึงแม้จะมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีแต่ก็ยังทำอาชีพเสริมเป็นการขับอูเบอร์ไปพร้อมกัน จะเป็นใครนั้นไปชมกันเลยครับ
คุณณิชพน ดีศรี หรือ คุณเน็ก นักออกแบบอาหาร ในเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป ผู้มากประสบการณ์ทางด้านอาหารและรางวัลการันตีผลงานอันมากมาย อาทิ รางวัล The Best of Steak House ของโรงแรมในเครือแมริออทมา 10 ปีซ้อน รวมไปถึงประสบการณ์การทำงานห้องอาหารที่โรงแรมในต่างประเทศมากว่า 14 ปี
โดยคุณเน็กเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่สายอาชีพนักออกแบบอาหารนั้นมาจากการชักชวนของพี่ชาย โดยเริ่มจากการเป็นเชฟและพัฒนาฝีมือมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ไปลงเรียนคอร์สระยะสั้นด้านการออกแบบอาหารและก็เปลี่ยนมาทำงานสายนี้จากนั้นเป็นต้นมา
ซึ่งสิ่งที่ทำให้เขาหันมาชื่นชอบด้านการออกแบบอาหารนั้น เพราะมองว่าการทำอาหารก็เหมือนงานศิลปะอีกแขนงหนึ่งซึ่งต้องใช้การผสมผสานทั้งหน้าตาอาหารที่ต้องสวยงามและรสชาติที่อร่อย ประกอบกับเขาเป็นคนชอบงานศิลปะอยู่แล้ว พอได้มาลองทำอาหารและคลุกคลีทำให้รู้ได้ว่ามันก็เป็นงานศิลปะอย่างนึง จึงทำให้มีความสุขทุกครั้งในการทำอาหาร
คุณเน็กได้เล่าเพิ่มเติมถึงการเปลี่ยนการทำงานจากโรงแรมมาสู่การทำงานในห้างในฐานะ Food Specialist อีกว่า ด้วยหน้าที่หลักๆที่ต้องทำ คือเป็นตั้งแต่ที่ปรึกษาด้านอาหาร คนคอยเช็คคุณภาพวัตถุดิบ คนเทรนนิ่งพนักงาน รวมถึงการโชว์ทำอาหารด้วย ซึ่งอาชีพนี้ทำให้เขาได้พบเจอลูกค้ามากขึ้น มีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบที่นำมาใช้ประกอบอาหารสำหรับการได้คิดเมนูใหม่ๆที่แตกต่างจากตอนทำงานโรงแรมไปอย่างสิ้นเชิง
และการเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมขับ Uber นั้น ก้มีจุดเริ่มต้นมาจากพี่ชายอีกเช่นเคย เนื่องจากช่วงนั้นเขากลับมาพักผ่อนที่เมืองไทยก่อนจะกลับไปทำงานที่ออสเตรเลีย พี่ชายได้ไปสมัครเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมขับ Uber เพราะตอนเขาอยู่ออสเตรเลียมีเพื่อนขับที่นั่นและเคยใช้บริการจึงลองสมัครเพื่อหารายได้เสริมระหว่างรอพี่สาวอีกคนที่จะไปออสเตรเลียด้วย ซึ่งเมื่อพี่ชายขับก็เลยได้มาชักชวนคุณเน็กด้วยอีกคน เพราะตอนนั้นมีเวลาว่างที่กำลังรอเข้าทำงานที่ใหม่อยู่พอดีจึงได้ลองขับดู อีกทั้งโดยนิสัยส่วนตัวก็เป็นคนที่ชอบขับรถท่องเที่ยวอยู่แล้ว ภายหลังจากได้ลองก็รู้แล้วว่ามันใช่ตัวเราแน่ๆ
“ผมว่าการขับ Uber เป็นการหารายได้เสริมที่เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการลงทุนอะไรมากมาย แค่มีรถยนต์และโทรศัพท์มือถือที่มีเอาไว้เปิดแอพ ก็สามารถเข้าไปสมัคร ถูกตรวจสอบประวัติอาชญากรรม อบรมการใช้งานแอพพลิเคชั่นและการให้บริการเท่านั้นก็หารายได้เสริมได้ทันที” คุณเน็กกล่าวเสริม
ทั้งนี้สำหรับทริปแรกในการรับผู้โดยสารเจอกับชาวญี่ปุ่นค่อนข้างตื่นเต้น แต่ด้วยเราทำงานด้านบริการมาก่อนและสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้จึงทำให้ทริปแรกผ่านไปด้วยดี ซึ่งเมื่อส่งทริปแรกเสร็จไม่ถึง 2 นาทีก็มีผู้โดยสารคนใหม่เรียกต่อเลย ทำให้คืนแรกออกทริปขับ Uber ตั้งแต่ 3 ทุ่มถึงตี 4 และเป็นแบบนี้ 2-3 วัน รู้สึกถึงความสนุกทุกครั้งที่เปิดแอปฯ
“เราต้องบริการผู้โดยสารเหมือนที่บริการลูกค้าตอนเป็นเชฟ การที่เราคอยช่วยยกกระเป๋า พูดกล่าวคำทักทายสวัสดีหรือขอบคุณทุกครั้ง บางคนอ่านมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ผมมองว่ามันสำคัญ เพราะคำพูดทักทายหรือการช่วยเหลือช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกประทับใจและผ่อนคลายระหว่างนั่งรถไปกับเรา ถึงแม้จะอารมณ์ไม่ดีหรือหงุดหงิดกับรถติดก็ตาม”
ตอนที่ตัดสินใจมาขับนั้น สิ่งแรกคือเราต้องให้บริการที่ดีที่สุดกับผู้โดยสารเมื่อเราตัดสินใจมาทำงานบริการแล้ว ดังนั้นผมก็ได้มีการพูดคุยและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในกรุงเทพให้กับเขารวมถึงสถานที่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัยในการเดินทางให้พวกเขาได้ระมัดระวัง ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้มองว่าเป็นเรื่องของงานบริการที่ผู้ขับรถควรจะมอบให้กับผู้โดยสารโดยเฉพาะผู้หญิงหรือชาวต่างชาติที่ไม่คุ้นชินกับเมืองที่เขารู้จัก
“ผมมองว่าทุกอาชีพมีเกียรติเท่าเทียมกันหมดอยู่ที่ว่าคนที่ประกอบอาชีพนั้นเขาจะเคารพและรู้จักหน้าที่ของเขามากน้อยเพียงใดรวมถึงทำให้คนอื่นมองและเห็นคุณค่าอย่างไรมากกว่า และการมีแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้คนๆหนึ่งสามารถมีรายได้เสริมด้วยการมาขับรถให้บริการผู้โดยสารผมว่าเป็นสิ่งที่ดีนะเพราะอย่างน้อยเขาได้นำสิ่งที่เขามีมาใช้ให้ก่อเกิดประโยชน์และรายได้เพิ่มเติม ซึ่งผมได้เห็นโอกาสตรงนี้จึงตัดสินใจมาให้บริการรถร่วมเดินทาง นอกจากเราจะมีเงินเพิ่มเรายังช่วยลดปัญหารถติดและดูแลคนที่ต้องการเดินทางไปในสถานที่ที่รถสาธารณะเข้าไม่ถึงด้วย โดยเฉพาะคนต่างชาติที่ไม่รู้จักเส้นทางในเมืองไทย”
นอกจากนี้ คุณเน็กได้บอกว่าตั้งแต่มาขับ Uber ไม่ต้องควักเงินจ่ายค่าน้ำมัน รวมถึงค่ากินด้วย เพราะได้จัดสรรรายได้จากการขับ Uber มาดูแลค่าใช้จ่ายส่วนนี้ พร้อมกล่าวเสริมอีกว่า
“เนื่องจากผมขับ Uber แค่พาร์ทไทม์อาทิตย์ละ 2-3 วัน ซึ่งมันทำให้มีเงินเก็บมากขึ้น และเริ่มวางแผนทำตามความฝันคือการมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง และการได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ที่อยากไป”