เปิดประสบการณ์ คนรักรัมจาก 7 Guest Mixologists ระดับโลก ในงาน Thailand Rum Cocktail Week
บรรยากาศ ผู้คน ความสนุก หรือมิตรภาพที่คุณอยากจะได้รับเมื่อเข้าไปในบาร์เพื่อสั่งค็อกเทลสักแก้วมานั่งดื่ม บางทีทั้งหมดอาจจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาและมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความชอบของบุคคลในร้านนั้นที่มีรสนิยมเดียวกันหรือบางสิ่งบางอย่างที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งให้เราได้มาเจอกันในโอกาสที่เหมาะสมอย่างงาน Thailand Rum Cocktail Week 2019 : PHRAYA presents Meet the Craft งานที่เปิดโอกาสให้ผู้รัก Rum ได้เทสต์รัมจากหลากหลายแบรนด์ โดยมี PHRAYA Rum หนึ่งในแบรนด์ผู้สนับสนุนหลักในงานนี้อีกด้วย
งานสำหรับคนรัก “รัม” ในคอนเซ็ปต์ 1 Week 5 Cities เชิญ Guest Mixologists ที่มีชื่อเสียงจากหลายประเทศ มาครีเอทเครื่องดื่มที่บาร์ชั้นนำ ใน 5 เมืองใหญ่ของประเทศไทย และหนึ่งในนั้นคือกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลักที่ทำให้เราได้พบกับมิกโซโลจิสต์ที่มีชื่อเสียงมากมาย แต่วันนี้เราขอเลือกที่เป็น The Best ของบาร์ในกรุงเทพฯ มาหยิบยกประสบการณ์เครื่องดื่มและวัฒนธรรมที่ส่งต่อจากการผสมและสรรสร้างในค่ำคืนแสนพิเศษกว่า 5 บาร์และ 7 Guest Mixologists จากทั่วโลก ให้สาย Hopping ได้ลองแวะไปดื่มด่ำกันได้ถ้ามีโอกาส
เริ่มกันที่ The Bamboo Bar ย่านเจริญกรุง อยู่ในโรงแรม Mandarin Oriental ติดอันดับ 8 จากรายการ Asia’s 50 Best Bar 2019 บาร์ที่มีกลิ่นอายความหรูหรา บรรเลงบทเพลง Live Jazz Band ผ่านเสียงเปียโนและแซ็กโซโฟน ที่นี่นอกจากจะเชิญมิกโซโลจิสต์ชื่อดังอย่าง Tony Pescatori จาก Nightjar London Company มาเป็น Guest Shift ยังได้ร่วมเป็นคนสำคัญในงาน PHRAYA Masterclass “Art and Fashion Cocktail” เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์การทำงาน นับตั้งแต่การเลือกสรรวัตถุดิบ อุปกรณ์ที่ใช้ หรือแม้กระทั่งเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการเรียกนักดื่มทั้งหลายให้มาจับจ้องอยู่ที่หน้าบาร์
สิ่งหนึ่งที่เราชอบและประทับใจในตัว Tony Pescatori คือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในการเลือกแก้วมาเป็นภาชนะสำหรับใส่เครื่องดื่มและการดัดแปลงสิ่งที่ดูไร้ค่าให้มีราคาขึ้น อย่างกระดิ่งโลหะจิ๋วขนาดกำลังพอดีที่ถูกใช้เป็นแก้วค็อกเทล มันเป็นได้มากกว่านั้นเมื่อโทนี่ ใช้เคาะเสียงเรียกแขกก่อนจะเริ่มบรรเลงจัดแจงค็อกเทลสูตรพิเศษ เขาดัดแปลงอุปกรณ์ต่างๆ ให้กลายเป็นเครื่องมือช่วยสร้างกิมมิก เรียกความสุขของนักดื่มทั่วโลกให้จดจ่อกับการมาเสพบรรยากาศ มากกว่าการดื่มเพื่อเมาแล้วกลับบ้านไปอย่างมือเปล่า แต่สิ่งที่ต้องได้ติดตัวกลับไปคือรอยยิ้มและประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์
หลังจากจบชั่วโมงมาสเตอร์คลาส ที่โทนี่ ใช้ PHRAYA RUM เป็นวัตถุดิบเมนูหลักในการรังสรรค์ค็อกเทลแก้วต่างๆ ในช่วงค่ำคืนยังเผยให้เห็นความน่าหลงใหลของ 4 เมนูพิเศษที่ครีเอทมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
ภาพจากซ้ายไปขวา
- Royal Blood สีแดงเลือดค่อยๆ ซึมผ่านริมฝีปาก รสรัมผสานกับความเปรี้ยวและหวานนำ ทำให้เครื่องดื่มแก้วนี้เหมาะกับสาวๆ ที่ชอบความสวยแต่ดุดัน ได้ค่อยๆ ซึมซาบไปกับมันทีละนิดจนหมดแก้ว
- Antesala Del Infierno เสน่ห์เหลือร้ายของแม่สาวสะโอดสะองค์ สวยงามแต่ร้อนแรง อมเปรี้ยวและหวานนิดๆ พร้อมด้วยการอบควันเทคนิคพิเศษลงในแก้วเพื่อสร้างกลิ่นสัมผัสก่อนทาน จิบพร้อมขนมหวานบิตเตอร์เล็กๆ ได้รสชาติใหม่แสนกลมกล่อม
- Black Gold รัมพระยาเด่นขึ้นมาทันตา สำหรับคนชอบดื่มออนเดอะร็อคแต่มีการผสมด้วยวัตถุดิบอื่นเพื่อให้นุ่มละมุนและดื่มง่ายขึ้น
- Fedora โดดเด่นด้วย Electric liqueur หรือเราขอเรียกว่าน้ำปรุงสรรพรส ซึ่งมีส่วนผสมซับซ้อน เสมือนยาปรุงวิเศษที่ช่วยเติมเต็มรสชาติค็อกเทลแก้วนี้ของโทนี่ให้โดดเด่น ช่วยในการกระตุ้นต่อมรับรสและเพิ่มความอยากดื่ม ด้วยการผสมผสานของพฤกษศาสตร์มากกว่า 30 ชนิดเข้าด้วยกันอย่างสมดุลภายใต้จุดเด่นที่มีเสน่ห์
เมื่อได้เจอมิกโซโลจิสต์สุดแพรวพราวอย่างโทนี่ เราขอพามาพบกับอีกหนึ่งความสนุกของ 2 คู่หู สาวสวยกับหนุ่มมาดเท่แห่งฮ่องกงได้แก่ Shelley & Samuel จากร้าน Quinary Hongkong อยู่ในอันดับ 10 จากรายการ Asia’s 50 Best Bar 2019 2 Guest Mixologist ที่มาโชว์ความน่ารักและเทคนิคที่ร้าน EAT ME บาร์ลับในย่านสีลม
ภายใต้บรรยากาศความเรียบง่าย ขึ้นชื่อในซอยพิพัฒน์ 2 (ถนนคอนแวนต์) ที่ครองใจทั้งคนไทยและต่างชาติมานานกว่า 17 ปี แถมยังมีรางวัลการันตีคุณภาพร้านอีกนับไม่ถ้วน เสน่ห์ของ 2 มิกโซโลจิสต์จากฝั่งฮ่องกงไม่ได้มีแค่ความเป็นกันเองในการดูแลแขกในร้านหรือความละเอียดอ่อนในการปรุงค็อกเทล แต่รสชาติยังถูกออกแบบให้เหมาะกับคนรุ่นใหม่ ดื่มง่ายยิ่งขึ้นโดยมี 4 รสชาติได้แก่
ภาพจากซ้ายไปขวา
- Reigning Monarch กลิ่นหอมของส้มและชินนามอลลอยขึ้นมาเตะจมูก พร้อมสัมผัสช็อกโกแลตนิดๆ เพื่อไม่ทำให้แก้วนี้เปรี้ยวจนเกินไป ยังมีความเป็นค็อกเทลรัมชั้นดีที่ดื่มง่ายได้ยาวทั้งค่ำคืน
- Foh Maa Yan ครีมโฟมละมุนที่ตีฟูเป็นด่านแรกก่อนสัมผัสปากลงจิบรสชาติที่เป็นเนื้อใน ความหอมของกาแฟลอยเด่น เมื่อผสานกับรัมกลับไม่อึดอัดอย่างที่นึกคิด จึงรู้สึกว่าดื่มได้เรื่อยๆ สำหรับคนชอบกาแฟและรัม
- Blackbeard Head Bartender หนุ่มแซม ไม่ทำให้เราผิดหวัง ดูสุขุมนุ่มลึกดั่งชื่อ ยังมีรสชาติของกาแฟผสมที่เข้มข้นกว่า Foh Maa Yan ผสมผสานกับ กระวานดำ หรือ เฉ่าโก่ว (ลูกเฉาก๊วย) เพื่อรวมเป็นหนึ่งเครื่องดื่มสีเข้มที่ซ่อนเสน่ห์เหลือร้าย
- Happiness Can Buy ความสุขซื้อได้เพียงแค่คุณเอาเงินวาง การันตีความของคำว่า ความสุข ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน บางครั้งการได้นั่งจิบค็อกเทลแก้วโปรดที่เป็นเหมือนเมนูก่อนเริ่มอรุณรุ่งอย่าง Happiness Can Buy ก็ทำให้รู้สึกสดชื่นได้ การเปลี่ยนจากเบคอนจัดวางในจานโปรดมาอยู่บนขอบแก้ว และใช้ไข่ขาวตีฟูเพื่อชูรสชาติให้โดดเด่นขึ้น กลายเป็นแก้วที่รู้สึกสนุกเป็นพิเศษกับการดื่มรัม
เดินถัดมาอีกไม่กี่ร้อยเมตร เพื่อมุ่งตรงไปร้าน Vesper ที่นี่มี 2 หนุ่มอารมณ์ดีรอเราอยู่เช่นกัน ร้าน Vesper บาร์ชั้นนำติดอยู่ในอันดับ Asia’s 50 Best Bars 2019 ถือเป็นบาร์ที่มีขนาดกระทัดรัด รู้สึกอบอุ่นภายใต้บรรยากาศของการสังสรรค์ที่แวดล้อมไปด้วยเสียงเพลงและบทสนทนา บริเวณบาร์กลางร้านถูกออกแบบให้เตี้ยลงและกว้างขึ้นเพื่อให้นั่งได้นานขึ้น ทางร้านใช้หินแกรนิตสีเขียวเข้ม ผสมผสานสไตล์วินเทจด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเข้มและเพิ่มความสว่างไสวด้วยไฟสีส้ม ให้บรรยากาศแบบคลาสสิกของค็อกเทลบาร์ในยุโรป วันนี้ไม่ใช่คุณปาล์ม ศุภวิชญ์ มุททารัตน์ Group Bar Manager ที่มีรางวัลการันตีมากมายระดับโลก อย่างที่เราคุ้นตา แต่เป็น 2 หนุ่ม 2 สไตล์
Shingo Gokan และ Steve Schneider มิกโซโลจิสต์ซึ่งเป็น Cofounder The Odd Couple Shanghai มายืนประจำหน้าบาร์เป็น Guest Mixologist ของที่ร้านวันนี้ โดยทั้งคู่ต่างงัดไม้เด็ดในสไตล์ของตัวเองออกมาเป็นคนละ 4 เมนูค็อกเทลพิเศษ
Shingo Gokan
ด้วยความชื่นชอบส่วนตัวของอาหารไทย ค็อกเทลวันนี้ชินโกจึงได้ใช้ชื่อเมนูที่เรียกรอยยิ้มให้เราได้มาก ที่รู้มาว่าเค้าใช้ถึง 4 วัน ในเตรียม prep ค็อกเทลแต่ละตัว เรียกได้ว่า craft of refinement จริงๆ ได้แก่
ภาพจากซ้ายไปขวา
- Som Tum Daiquiri ใช่แล้วมันคือส้มตำ แค่ชื่อก็ทำให้เรารู้สึกเผ็ดซ่านขึ้นมาในลำคอ ถามว่าหลังจากที่ได้ชิมแล้วรสชาติ คือใช่ไหม? ต้องบอกว่าชินโกทำออกมาได้ดีทีเดียว มีความเผ็ด ความเปรี้ยว และที่สำคัญ เขาใส่ น้ำปลาเหยาะพอเป็นพิธี ลงในแก้วนี้ด้วย มันแสดงออกว่า ไม่มีเส้นแบ่งเรื่องวัตถุดิบในการปรุงเมนูเครื่องดื่มหรืออาหารคาวหวานอีกต่อไป
- Sauvignon Rhum ดับความเผ็ดร้อนด้วยค็อกเทลเบาๆ สำหรับหญิงสาว Phraya Rum ผสมน้ำผลไม้ที่หาได้จากเมืองไทยคือรสชาติที่ชินโกอยากให้เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้นของที่นี่ และที่แปลกมากๆ คือ ค็อกเทลแก้วนี้ผ่าน กระบวนการทำอย่างพิถีพิถัน ซึ่งรสชาติที่ได้เหมือนดื่มไวน์ขาว
- Coco No.1 (Ichiban) ความเผ็ดร้อนกลับมาอีกครั้ง หลังจากให้เราพักหายใจหายคอเพียงชั่วครู่ การผสมรัมเข้ากับความร้อนแรงของผงกะหรี่และมะพร้าวเผา ทำให้ได้มุมมองที่ต่างออกไปจากส้มตำ
- Sawadee Cup การพยายามใช้ชื่อเมนูเป็นภาษาคาราโอเกะ ทำให้เรารู้ว่าเขามีความน่ารักขี้เล่นขนาดไหน และสวัสดีเรียกได้ว่าเป็นเมนูปิดท้ายของเซตที่สวยงาม เพราะมีส่วนผสมของรัม พระยา ชาไทยและวัตถุดิบเครื่องเทศ นั่นถือเป็นประตูการต้อนรับแสนอบอุ่นของชินโกในการมาเยือนเมืองไทย
Steve Schneider อีกหนึ่งมิกโซโลจิสต์ที่ชวนหลงเสน่ห์ไม่แพ้ชินโก ยืนประจำอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของบาร์ รอยยิ้มและสีหน้าที่ดูจริงจังไม่ได้ทำให้เขาดูน่ากลัวสักเท่าไร แต่กลับน่าจับจ้องวิธีการโชว์ผสมค็อกเทลมากกว่า สตีฟ รังสรรค์ Cocktail เน้นไปทางสายคลาสสิกค็อกเทลซึ่งแฝงไปด้วยรสชาติที่ซับซ้อน ออกมา 4 เมนูเช่นกัน อีกหนึ่งรูปแบบที่แตกต่างจากชินโก เหมือนอีกด้านของทวีปที่อยู่บนผืนดินเดียวกัน
ภาพจากซ้ายไปขวา
- Happy Land เมืองแห่งความสุขเปิดให้คุณได้ก้าวเท้าเข้ามาเยือนเป็นคนแรกๆ ผักชี เสาวรส และรัม พระยาคือ 3 ทัพหน้าที่ปลุกความตื่นตัวตั้งแต่ได้สัมผัส
- Wayfarer Fashioned หลังจากคุณพร้อมไปต่อ สตีฟชวนคุณเข้าสู่ความคลาสสิกของแฟชั่นแว่นตาทรงทันสมัยที่มีกลิ่นอายชิคๆ ซ่อนอยู่ บรั่นดีรสแอปเปิ้ล รัมพระยา และน้ำตาล เป็นส่วนผสมที่อ่อนหวานจนเราอยากจะชิม ความหวานไม่ได้โดดขึ้นมา แต่ถือเป็นตัวดึงรสชาติของรัมให้ออกมาชัดเจนยิ่งขึ้นและทำหน้าที่ของมันได้ดีกว่าแก้วไหนๆ
- Espresso Dos คุณไม่ได้กำลังสั่งเมนูกาแฟ แต่ความเข้มของเอสเพรสโซ่แบบดับเบิ้ล กลายเป็นความขมที่หวาน แต่งกลิ่นน้ำมันมะพร้าวนิดๆ เพื่อให้ดื่มง่ายยิ่งขึ้น
- Strangers Punch หมัดน็อคเอ้าท์ให้คุณร่วง คอนยัค ส้ม ชาดำ และมิลค์พันช์ ไม่ได้ทำให้คุณไปต่อไม่ได้ แต่เหมือนถูกร่ายมนต์นิดๆ ให้สนุกสนานกำลังดี เมื่อความเปรี้ยว หวาน และขมผสมเป็นความกลมกล่อม
Guest Mixologist คนที่ 6 Lucie Noppe จาก Combat Bar รอคอยเราอยู่ที่ Libération ถ้าคุณไม่ได้ตั้งใจมาจะไม่เจอบาร์ลับแห่งนี้ที่ย่านสุขุมวิท บาร์คราฟต์ค็อกเทลสุดลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 4 ภายในโครงการพิมาน 49 มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์น่าสนใจ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น Speakeasy Bar อีกแห่งของกรุงเทพฯ เพราะภายในบาร์นี้มีอะไรมากมายให้นักดื่มทั้งหลายได้ค้นหา เริ่มตั้งแต่ทางลับที่นำเข้าสู่บาร์ต้องเดินผ่านทางด้านหลังเพื่อขึ้นลิฟท์เล็กๆ ขึ้นไปเจอความพิศวงที่มีหญิงสาวหน้าตาสระสวยรอเราอยู่
เมนูของลูซี่วันนี้ ยังสะท้อนถึงนิยามธาตุทั้ง 4 ของพระยา ดิน น้ำ ไฟ ลม ซึ่งเป็นที่มาของแรงบันดาลใจเกิด PHRAYA RUM นั้นเอง เธอใช้ภาษาฝรั่งเศสเรียกเมนูเครื่องดื่มของเธอในค่ำคืนนี้ ได้แก่
ภาพจากซ้ายไปขวา
- Terre “ดิน” ที่รสชาติกำลังดีและจิบได้ตลอดคืนมีส่วนผสมของรัมพระยาและสับปะรดที่ชูความเปรี้ยวขึ้นมา พร้อมติดหวานที่ปลายลิ้นนิดๆ พิษสงยังไม่มากนักสำหรับค่ำคืนนี้
- Feu ขึ้นชื่อว่า “ไฟ” แทบจะเผาให้วอดวาย เราขอยกให้แก้วนี้เป็น The Best ของค่ำคืน เพราะนอกจากจะใช้รัมพระยาที่มีความเผ็ดร้อน ลูซี่ยังซ่อนวัตถุดิบลับอย่างขิงและส้มที่เปิดประสาทของความร้อนแรงให้เราได้ลิ้มลอง และเรียกว่าเป็นตัวไอคอนที่พร้อมสอยเราร่วงได้ตลอดเวลา
- Eau เมื่อ “น้ำ” ต้องเข้ามาช่วยดับความร้อนแรง เธอจึงพาคุณล่องลอยไปกับความซ่าของโซดา อมเปรี้ยวนิดๆ ให้ดื่มได้ลื่นคอ พร้อมกับใบมิ้นท์ที่ชูในเรื่องกลิ่นสัมผัสราวกับต้องมนต์บนเมนูพิเศษนี้
- Air ยังไม่หมดของความหฤหรรษ์ ปิดท้ายด้วยเมนูเครื่องดื่มเบาๆ ราวกับ “ลม” ล่องลอยในอากาศ ลูซี่ยังคงใช้มิ้นท์มาบดขยี้กลบกลิ่นความร้อนแรงของรัมให้อยู่ในจังหวะที่พอเหมาะ และดื่มได้สบายๆ ยาวๆ ตลอดคืน
ปิดฉากด้วย Guest Mixologist คนสุดท้ายที่พาเราหลงทางไปเสียไกล เพราะนี่คืออีก 1 บาร์ลับสุดท้ายที่ซ้อนตัวแบบหาได้ยากนักแต่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่ Havana Social ซอยสุขุมวิท 11 ก่อนจะเข้าคุณต้องใช้โทรศัพท์แบบโบราณเพื่อกดรหัสสำหรับเข้าร้าน โดยรหัสจะเปลี่ยนไปแต่ละวันไม่ซ้ำกัน เมื่อเข้ามาภายในเหมือนหลุดมาอยู่อีกโลก บาร์วินเทจที่จำลองบรรยากาศของคิวบาในยุค ’40s ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ภายใต้แสงสลัว ๆ นี้ เราจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แปลกตา บาร์ไม้ขนาดใหญ่และเก้าอี้สตูลหวายให้ลุคขรึม ๆ ปนกับความหรูหราเล็กน้อย ผนังของร้านถูกทำให้ดูเก่าด้วยสีทึม ๆ รวมถึงพื้นก็เล่นกับเท็กซ์เจอร์ที่แตกต่าง มีทั้งพื้นไม้และกระเบื้องลวดลายสวยงาม หลังเคาน์เตอร์บาร์วันนี้เป็น Guest Mixologist จาก เซียงไฮ้
Kazuhisa Arai จาก Sober Company ถึงชื่อจะมาจากญี่ปุ่น แต่เขาได้ไปถ่ายทอดฝีมือการมิกซ์เครื่องดื่มที่เซี่ยงไฮ้ ผู้ชายคนนี้แม้จะไม่พูดมาก แต่สายตาและสีหน้าที่จริงจังในการบรรจงปรุงเครื่องดื่มให้เราได้ชิม ช่างดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก และแน่นอนว่ารสชาติก็ไม่ธรรมดาอย่างที่ตั้งใจ
ภาพจากซ้ายไปขวา
- Uncoffee Tonic กาแฟมาเป็นเพียงกลิ่น ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นรสสัมผัส แก้วนี้น่าจะเป็นตัวเปิดประสาทสัมผัสรับรสได้ดีตั้งแต่เริ่มต้น ประดับด้วยไม้พุ่มที่มีความละมุนละไม เหมาะกับให้สาวๆ ได้ดื่มพอดีๆ ทั้งคืน
- Jasmine Pina Colada ความหอมของจัสมินนั้นลอยขึ้นมาเตะจมูกตั้งแต่แรกสัมผัส แก้วนี้อ่อนหวานราวดอกไม้ที่อาบยาพิษ แม้จะอ่อนโยนแต่ก็ซ่อนพิษรัมที่ร้อนแรงไว้ภายใน
- Garden Seeds แก้วนี้ยกมาทั้งพฤกษศาสตร์ เมล็ดพันธุ์ธัญพืชที่ให้คุณทิ้งตัวลงกลางผืนป่า ถูกจัดวางอย่างพอดีลงในแก้ว สามารถปลุกอารมณ์ให้ตื่นตัว ก่อนจะสวมหมวกและออกเต้นไปกับจังหวะเพลงลาตินสนุกๆ ที่เป็นกิมมิกของ Havana Social
- Chai – Yo! #2 หมดเวลาแล้วของค่ำคืนนี้ขอแสดงความยินดี “ไชโย” กับ #2 เพราะไชโย #1 เคยถูกใช้มาก่อนแล้ว Kazuhisa Arai จึงขอใช้ชื่อนี้อีกครั้งในบริบทที่ต่างออกไป แต่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงด้วยเสน่ห์ของรัมที่ติดลิ้นสัมผัสและกลิ่นยังคงฟุ้งกระจายอยู่ทั่วคอ
ปิดฉากลงอย่างสวยงามสำหรับเทศกาล Thailand Rum Cocktail Week 2019 ที่ทำให้เราได้สนุกกับ Guest Mixologists มากมายจากทั่วโลก และดื่มด่ำรสชาติของ PHRAYA Rum ในมุมมองที่ต่างออกไปได้หลากรูปแบบ แต่สุดท้ายก็ยังคงความมีเอกลักษณ์ไม่หนีหายตัวตนความร้อนแรงที่แสดงออกอย่างชัดเจน และกลิ่นสัมผัสหวานติดปลายลิ้นที่ยังคงอบอวลอยู่ในลำคอ และคุณยังสามารถลิ้มลองได้ตลอดทุกซีซั่นในรูปแบบของค็อกเทลสุดอร่อย ผ่านการรังสรรค์เมนูสุดพิเศษจากบาร์ชั้นนำทั่วประเทศ