ถ้าจะหาบรรยากาศดีๆ สักแห่งในกรุงเทพฯ นัดพูดคุยกับเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี หรือมอบความรู้สึกดีๆ ในการนั่งทอดอารมณ์อยู่กับคนที่เรารัก “ริมแม่น้ำเจ้าพระยา” น่าจะเป็นคำตอบที่อยู่ในใจใครหลายๆ คน การได้นั่งมองดูวิถีชีวิตผู้คนจากริมฝั่งแม่น้ำ ความสวยงามของสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนต่างๆที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ ช่วยสร้างความอิ่มเอมใจไม่น้อยในวันแสนพิเศษ ยิ่งได้ลิ้มรสอาหารแสนอร่อยถูกปาก มีบทดนตรีขับกล่อมอารมณ์สุนทรีย์อยู่เบาๆ คงจะทำให้การนั่งคุยกันวันนั้นมีอรรถรสมากกว่าเดิมอีกเท่าตัวเลยว่าไหม?
จากโจทย์ที่วันนี้เราต้องหาสถานที่สักแห่งเพื่อนัดพบปะรียูเนี่ยนเพื่อนเก่าแก่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี ขอแค่บรรยากาศดีๆ ลมเย็นสบาย ที่สำคัญอาหารต้องอร่อยถูกปากของคนชอบทานเนื้อเป็นพิเศษ เมื่อมองหาร้านที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ไปสะดุดตากับร้าน Riverside Grill ตั้งอยู่ในโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ด้วยการตกแต่งที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ใช้สีโทนอบอุ่น ที่นั่งถูกแบ่งออกเป็น 2 โซน ทั้งแบบห้องปรับอากาศ และแบบรับลมริมน้ำ บริเวณภายในห้องอาหารใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการตกแต่ง รวมถึงโต๊ะและเก้าอี้ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและแข็งแรง ส่วนที่นั่งบริเวณริมน้ำด้านนอกนั้นตัวเก้าอี้จะทำจากหวายเป็นหลัก โดยใช้หมอนสีต่างๆมาเล่นสีตัดกับสีของเก้าอี้หวายที่มีสีน้ำตาลเข้ม ทำให้บรรยากาศดูสดใสมีชีวิตชีวา ห้องปรุงอาหารยังเป็นระบบเปิดให้มองดูเพลินๆ ระหว่างรอจานพิเศษ น่าจะตอบโจทย์พวกเราได้ เราจึงปักหมุดให้ Riverside Grill เป็นจุดนัดพบสำหรับสังสรรค์ทานมื้อเย็นวันนี้
จุดสำคัญอีกอย่างที่เราเลือกที่นี่เพราะ Riverside Grill ขึ้นชื่อเรื่องอาหารปิ้งย่างชั้นเลิศ มีการนำเมนูอาหารที่เป็นที่นิยมของคนส่วนใหญ่มาดัดแปลงให้มีรสชาติพิเศษทานง่ายขึ้น อาทิ ไก่ย่างสูตรพิเศษหมักด้วยสมุนไพรหลากชนิด ให้สัมผัสหอม เนื้อนุ่มรสดี เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียว ผักสด และแจ่ว หมูปิ้งเนื้อนุ่ม ทานคู่กับข้าวเหนียว และส้มตำหรือจะเป็นกุ้งเผาเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของที่นี่ รวมถึงห้ามพลาดเนื้อนำเข้าจากออสเตรเลียที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติ และความอร่อย ผสมผสานกับการใช้เครื่องเทศให้เกิดกลิ่น และรสที่เป็นเอกลักษณ์
เริ่มต้นเบาๆ กับเมนูแรก Chicken Tortilla Roll บอกเลยว่าแค่เห็นภาพในเมนูแล้วอดใจไม่ไหวจริงๆ ที่จะลิ้มลอง เป็นเมนูทาปาสฟิวชั่น เลือกตีความใหม่ในการนำเสนอข้าวญี่ปุ่น ไก่ ห่อ จิ้มกับซอสอโวคาโดสูตรพิเศษ และเสียบมาให้ถือทานง่ายขึ้น ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นกับไทยเข้าไว้ด้วยกัน เรียกได้ว่ารูปลักษณ์ไม่ทิ้งความเป็นญี่ปุ่น แต่ก็ให้รสสัมผัสอร่อยแบบไทยๆ เป็นการเปิดเรียกน้ำย่อยได้ดี
PRICE: 260++ บาท
พอเครื่องติดมาต่อกับเมนูที่สองซุปหัวหอม(French Onion Soup In Puff Pastry Dome) เมื่อพนักงานยกมาเสิร์ฟเกิดอาการงงเล็กน้อย ที่ภาพแรกไม่เห็นน้ำซุปร้อนๆ ควันละอุ แต่กลับกลายเป็นแป้งพายฟูขนาดใหญ่ปกคลุมไว้ด้านบน เมื่อเจาะลงไปด้านใน พบกับซุปหัวหอมที่ใช้น้ำซุปไก่ จากนั้นนำหัวหอมผัดเนยมาใส่ในน้ำซุปที่เตรียมไว้ กลายเป็นออร์เดิร์ฟอีกชนิดที่ทำให้เราเวียนทานกันได้หลายคนทีเดียว
PRICE: 350++ บาท
เมื่อถึงเวลาเมนูหลัก อดไม่ได้ที่จะต้องสั่งเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ เสต็กเนื้อวากิว ส่วนริบอาย 300 กรัม (Grilled Wagyu Beef Rib Eye เลือกความสุกระดับ Medium กำลังพอดี บอกเลยว่าคนรักเนื้อวัวห้ามพลาดเมนูนี้ เนื้อวากิวส่วนริบอายที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่ม เนื้อฉ่ำ และรสเข้ม ขนาด 300 กรัม เลือกซอสที่ชอบได้ 1 ชนิด จากรายการทั้งหมด 4 ชนิดได้แก่ ซอสเบอร์เนส ซอสเลมอนบัตเตอร์ ซอสไวน์แดง และซอสพริกไทย ทานคู่กับเครื่องเคียงที่สามารถเลือกได้ตามใจชอบอีก 2 ชนิด จาก 12 ชนิด ซึ่งเราเลือกทานกับข้าวโพดปิ้งและหัวหอมทอด
PRICE: 1,500++ บาท
หลังจากติดใจกับเมนูกริลล์ของที่นี่ เลยต้องขอลองต่อกับมุมมองแบบไทยๆ กันบ้าง นั่นก็คือเมนูกุ้งเผา (Grilled Jumbo Prawns) ที่เป็น Selected ในกลุ่มอาหารไทยWindows of The World ความแตกต่างของกุ้งเผาที่นี่คือ ใช้กุ้งลายเสือของไทยคัดขนาด 15 ตัว/กิโลกรัม มาเผาร้อนๆ เสิร์ฟแบบผ่าหลังให้ทานได้ง่าย พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดครบรสทั้งเปรียว หวาน เผ็ด เค็ม ทานง่ายๆ ไม่เลอะมือ
PRICE: 550++ บาท
อิ่มกับออร์เดิร์ฟและมื้อหลัก ถึงเวลาชิมของหวานผ่อนคลายอารมณ์กันอีกสักนิด ที่ร้านแนะนำว่าเมนูข้าวเหนียวมะม่วงที่นี่นั่นไม่เหมือนใคร เสริ์ฟพอดีคำมองดูคล้ายกับซูชิปลาแซลมอน ราดด้วยน้ำกะทิเพิ่มรสเค็มนิดๆ ให้ความรู้สึกกลมกล่อม แต่ข้าวเหนียวมะม่วงจานเดียวก็ยังไม่พอกับแก๊งค์สาวๆ จัดกันต่อกับชีสเค้กบลูเบอรี่
PRICE: 320++ บาท
น้องพนักงานหยิบมาเสิร์ฟครั้งแรก นึกว่าส่งผิดโต๊ะ เพราะหน้าตาช่างละม้ายคล้ายไอศกรีม แต่จริงๆ แล้วเชฟของที่นี่ใช้เทคนิคตีเนื้อแป้งให้เบาดีไซน์ให้เป็นรูปทรงรักบี้ราดด้วยซอสบลูเบอรี่ล้อมรอบ เพิ่มความกรุบกรับด้วยแครกเกอร์ช็อกโกแลตบด จัดแต่งสวยงามให้เสมือนเป็นเมนูแสนพิเศษสร้างรอยยิ้มให้พวกเราได้เป็นอย่างดี
PRICE: 350++ บาท
แม้จะเป็นมื้ออาหารที่แสนวิเศษและอิ่มเอมใจ แต่ด้วยความที่เราห่างหายกันไปนานหลายปี ผนวกกับวันนี้ฝนไม่ตกและมีลมพัดเย็นสบายให้คลายร้อน เลยขอนั่งกันต่ออีกสักนิดสั่งเครื่องดื่มมานั่งจิบเคล้าไปกับการสนทนาตามประสาผู้หญิงสักหน่อย แก้วแรกเป็น Grasshopper ค็อกเทลสีเขียวนมเหมาะสำหรับใครที่ชอบรสมิ้นท์ ดื่มแล้วเย็นนิดๆ สบายๆ เจือกลิ่นอายแอลกอฮอล์เบาๆเพิ่มอรรถรส แก้วถัดมา Aphrodisia มาในโทนสีสวยพอๆ กับชื่อ รสชาติก็ถูกปากเหมาะกับการดื่มหลังจากทานมื้ออาหารเสร็จ เธอดั่งนางเทพีคนพิเศษที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ ให้สัมผัสหวานละมุนมีวอสก้าเป็นส่วนผสมกับให้กลิ่นเสาวรสนำนิดๆ ประดับประดาด้วยทับทิมเป็นไฮไลท์
How to go
Riverside Grill ตั้งอยู่บริเวณชั้น G ของโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ติดกับร้านอาหารฟีสท์ ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 30 (ตรอกกัปตันบุช) จากหน้าปากซอยเข้ามาจนสุดทางแล้วเลี้ยวขวาจะเห็นโรงแรมอยู่ทางด้านซ้ายมือ หากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสให้ลงที่สถานีสะพานตากสิน จากนั้นต่อเรือรับส่งของโรงแรมมาลงที่ท่าน้ำของโรงแรม เปิดบริการตั้งแต่ 16:00 – 01:00 น. สำหรับบาร์ และ17:00 – 22:30 น.สำหรับสั่งอาหาร สำรองที่นั่งหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร02-266-9214
ทุกคืนวันศุกร์และเสาร์ ระหว่างเวลา 18.30 – 20.30 น. พบการแสดงดนตรีแจ๊สสดโดยคุณอัจฉ์ กัลยาณคุปต์ หรือ เคนนี จี ของประเทศไทย ผู้ที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศรายการ Thailand’s Got Talent เมื่อปี 2554 และตั้งแต่เวลา 20.30 น. – เที่ยงคืน ฟังเพลงเพราะจากดีเจที่จะมาเปิดแผ่นเพลง เพิ่มความสุขแบบไม่มีสะดุดตลอดคืน
ดูเวลาก็เป็นเวลาดึกมากแล้วที่พวกเราจะต้องแยกย้ายกันกลับบ้านเสียที ซึ่งเป็นเวลาดีที่รถไฟฟ้ายังไม่ปิด ผนวกกับการจราจรบนถนนก็คลี่คลายลงไปมาก ต้องขอบคุณมื้ออาหารแสนพิเศษที่ทำให้เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง พร้อมมาช่วยเติมความสุขให้วันนี้เราได้พูดคุยกับเพื่อนๆ อย่างออกอรรถรสมากขึ้น ใครที่สนใจก็ลองมานั่งชิลๆ ทานริมน้ำกันได้นะจ๊ะ
