รูปหน้าแบบเรา…เข้ากับ ผมทรงไหน
ผมทรงไหน ถึงจะดูเข้ากับหน้า ไม่ใช่ว่ามีเจลแต่งผมเพียงอย่างเดียวสามารถเนรมิตทรงผมให้เท่ได้ อย่าลืมว่าการตัดผมที่เข้ากับรูปหน้าของเราคือสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ผมตัดมาเข้าทรงจะปาดจะแต่งเพิ่มอีกเล็กน้อยก็เข้าที
หน้ารูปไข่
เลือกได้หมดทุกทรง ความยาวก็เช่นกัน แต่ถ้าเป็นทรงเปิดหน้าผากจะดูมีราศีมากขึ้น
หน้ารูปเหลี่ยม
เพราะโครงหน้าดูแข็งและดุดันกว่าคนรูปหน้าแบบอื่นๆ ฉะนั้นควรลดความแข็งกร้าวด้วยการสไลด์ปลายผมออก ให้ดูผมพริ้วสไว
หน้ารูปสามเหลี่ยม
ช่วงกรามจะกว้างกว่าหน้าผาก จึงควรตัดผมให้เพิ่มพื้นที่ส่วนหน้าผากมากที่สุด และอย่าไว้ผมยาวเกินโหนกแก้ม องค์ประกอบของหน้าจะได้ดูบาลานซ์ ไม่โฟกัสไปที่โหนกแก้มมากเกินไป
หน้ากลม
หากต้องการปรับทรงผมช่วยพรางใบหน้าดูยาวขึ้น ก็ควรเพิ่มพื้นที่แนวตั้งให้กับใบหน้า ดังนั้นไม่ควรไว้ผมทรงหน้าม้า และควรเลือกความยาวอย่างใดอย่างหนึ่งเช่นจะสั้นก็สั้นไปเลย จะยาวก็ยาวไปเลย อย่าไว้แบบครึ่งๆ กลางๆ หรือระดับยาวที่เสมอกับปลายคาง เพราจะยิ่งเน้นให้ใบหน้าดูกลมขึ้น
รู้จักความต่างของผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม
เจล – เหมาะกับผมที่ต้องการความอยู่ทรง ไม่เกี่ยงเรื่องความเป็นธรรมชาติ ไม่แคร์ว่าผมจะดูเปียกน้ำตลอดเวลา ไม่ต้องการวอลลุ่มหรือการสปริงตัวใดๆ ของเส้นผม เลือกเจลได้เลยครับ
แว็กซ์ – ถ้าอยากได้ผมอยู่ทรงและดูเป็นธรรมชาติ แว๊กซ์จะเหมาะมาก เพราะสามารถจับผมสั้นที่แนบศีรษะปั้นให้เป็นทรงได้ตามต้องการ
โพเมด– ผลิตภัณฑ์เวอร์ชั่นคลาสสิคของแว๊กซ์ ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับ การทำผม Slicked-Back, Quiff และ ทรงผมคลาสสิก Pompadour หรือ Ducktail แบบมีผมปอยตงลงมาข้างหน้า ที่พิเศษกว่าเจล และแว๊กซ์ คือโพเมดไม่แข็งในอากาศ ทำให้ผมไม่ชี้เด่ แข็งอยู่ทรง และยังปรับแต่งได้ระหว่างวัน
มูส – ผู้ชายอาจไม่ได้ใช้บ่อย แต่มันถือเป็นผลิตภัณฑ์สารพัดประโยชน์ มีทั้งแบบทำให้ผมดูมีวอลลุ่มเป็นธรรมชาติ และแบบให้ผมอยู่ทรง เนื้อของมูสจะมีลักษณะเป็นฟองครีมนุ่ม แห้งค่อนข้างช้า เหมาะสำหรับคนผมหยิกหรือดัดผม ช่วยจับลอนให้ดูเป็นธรรมชาติและควรมีติดบ้านไว้ครับ