ไขข้อข้องใจ “แชมเปญ” ดื่มกับอะไรอร่อยที่สุด

“แชมเปญ” สุดยอดเครื่องดื่มแห่งการเฉลิมฉลอง…ดื่มกับอะไรอร่อยที่สุด

หากพูดถึงสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองที่หลายคนต้องยกให้เป็น Must have item สำหรับโอกาสพิเศษต่างๆ นั่นก็คือ ‘แชมเปญ’ ซึ่งคงจะดีไม่น้อยหากเหล่าแชมเปญเลิฟเวอร์ทั้งหลายจะได้รู้ถึงกรรมวิธีการผลิตเครื่องดื่มระดับพรีเมี่ยมนี้อย่างพิถีพิถัน รวมถึงเทคนิคการดื่มแชมเปญให้ได้รสชาติดีไปในขณะเดียวกัน

โดยปกติแล้วเครื่องดื่มที่เกิดจากกรรมวิธีการหมักบ่มผลไม้จำพวกองุ่นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่ สตีล ไวน์ (Still Wine) หรือไวน์ที่ไม่มีฟอง และสปาร์คกลิ้ง ไวน์ (Sparkling Wine) หรือไวน์ที่มีฟอง ซึ่งฟองในสปาร์คกลิ้ง ไวน์ (Sparkling Wine) จะเกิดจากการอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป รวมถึงฟองที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการหมักบ่มผลไม้เป็นเวลานานจนกลายเป็นเครื่องดื่มที่เรียกว่า‘แชมเปญ’ สัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษที่ถูกยกให้เป็น ‘King of Wine’ ซึ่งหัวใจหลักของแชมเปญอยู่ที่กรรมวิธีการผลิต โดยแชมเปญที่ดีจะมีส่วนผสมหลักมาจากองุ่น 3 สายพันธ์ได้แก่ พันธุ์พิโนต์ นัวร์,  พันธ์ชาร์ดอเนย์ รวมทั้งองุ่นพันธ์พิโนต์ เมอเนีย หมักบ่มในขวดจนเกิดฟองโดยใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 20 เดือน ไปจนถึง 48 เดือน ซึ่งนับเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของแชมเปญเลยก็ว่าได้ เพราะฟองที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้นจะส่งผลให้เครื่องดื่มมีรสนุ่มและละมุนลิ้นมากกว่าเครื่องดื่มประเภทอื่น

ไวน์ขาว เป็นไวน์ที่มีหลากหลายคาแรคเตอร์ มีความบางเบา เวลาดื่มแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น เหมาะสำหรับดื่มไปได้เรื่อยๆ หรือดื่มเพื่อเริ่มต้นมื้ออาหาร ก็จะเหมาะกับการทานคู่กับอาหารซีฟู้ด อย่างหอยนางรมสด หรือปลาที่มีเนื้อสีขาว แต่ถ้าเป็นไวน์ขาวที่รสชาติเข้มข้นขึ้นมาอีกนิด ก็สามารถทานกับไก่ย่างหรือหมูย่างก็ยังได้

ไวน์แดง เป็นไวน์ที่สามารถจิบคู่กับอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อแกะ หรือเนื้อปลาสีแดงที่มีรสชาติเข้มอย่างแซลม่อน แต่ถ้าเป็นไวน์แดงที่มีรสชาติเข้มก็สามารถจับคู่กับเนื้อแดงรสชาติเข้มข้นได้เลย

แชมเปญ เหมาะสำหรับการจับคู่กับอาหารที่รสชาติไม่จัดมาก อย่างเช่นสลัด ชีส ขนมปัง หรือเนื้อปลา รวมถึงคาเนเป้ ที่มักมีให้รับประทานตามงานต่างๆ

และสิ่งสำคัญที่สุดคือ การรักษาอุณหภูมิของแชมเปญเนื่องจากอุณหภูมิมีผลต่อรสชาติของแชมเปญโดยตรง โดยอุณหภูมิตู้เย็นที่เหมาะสมสำหรับการแช่แชมเปญจะอยู่ที่ 10-12 องศา และก่อนที่จะดื่มควรนำแชมเปญออกมาแช่ในถังที่มีปริมาณน้ำแข็ง 2 ส่วน และน้ำ 1 ส่วน แช่ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จึงค่อยเสิร์ฟ และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือวิธีการจับแก้ว สิ่งที่ไม่ควรทำเลย คือการจับบริเวณตัวแก้วไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง ไวน์ขาว หรือแม้แต่แชมเปญ เพราะอุณหภูมิความร้อนที่มือของเราจะทำให้แชมเปญเสียรสได้ ซึ่งการจับที่ถูกต้องควรจับบริเวณก้านแก้วเท่านั้น จึงจะทำให้ได้รสชาติของแชมเปญที่ดีที่สุด

สัมผัสประสบการณ์การกินดื่มอย่างเหนือระดับกับแชมเปญรสชาติล่าสุดจาก G.H. Mumm ได้แล้ววันนี้ที่ CRU Champagne Bar – A G.H.Mumm Bar รูฟท็อปแชมเปญบาร์สุดหรู ที่สามารถสร้างประสบการณ์อย่างเหนือระดับให้กับผู้มาเยือนด้วยทัศนียภาพ 360 องศาใจกลางมหานครกรุงเทพฯ บนชั้น 59 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00 น.- 01.00 น.

keyboard_arrow_up