ถึงภาพลักษณ์ของ ผู้ชายมีรอยสัก จะเปลี่ยนไปแล้วตามกาลเวลา แต่ก็ยังมีกลุ่มคนไม่น้อยเข้าใจผิดๆ ในตัวของผู้ชายที่มีรอยสัก มาลองดู 4 ข้อเหล่านั้นกันว่าคุณกำลังถูกมองอะไรผิดไปบ้าง
หลายๆ คนมักมองว่าที่ผู้ชายไปสัก เพราะอยากโชว์ โชว์ทั้งในเรื่องของศิลปะที่อยู่บนเรือนร่าง หรือแม้กระทั้งคิดกันไปว่าอยากโชว์ว่าตนเองสามารถอดทนกับความเจ็บปวดได้ แต่ขอบอกว่านั่นคือความคิดที่ผิดมากๆ ผู้ชายมีรอยสัก มักเกิดจากความชอบเป็นพื้นฐาน บวกกับรอยสักที่อยู่บนเรือนร่างอาจจะมีความหมายบางอย่างที่บ่งบอกตัวตน รวมถึงบางคนก็เลือกที่จะสักในร่มผ้าเพราะไม่ได้ต้องการโชว์ให้ใครเห็นแต่สักเพราะความชอบจริงๆ
เพราะรอยสักก็เหมือนแฟชั่นไม่ต่างอะไรกับการสวมใส่เสื้อผ้า แต่หลายครั้งที่เรามักจะเห็นคนที่มีรอยสักต้องปกปิดรอยสักของตนเองเวลาไปทำงาน หรือไปสัมภาษณ์งาน เพียงเพราะองค์กรนั้นๆ อาจจะต้องการความสุภาพ เรียบร้อย แต่รู้หรือไม่ว่าความสามารถในการทำงานไม่ได้วัดกันที่รอยสัก และรอยสักก็ไม่ได้ทำให้ความรับผิดชอบ หรือศักยภาพในการทำงานของบุคคลน้อยลงไปได้เลย
ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ไม่ว่าจะผู้ชาย หรือผู้หญิงสามารถเข้าถึงการสักได้ง่าย และมากขึ้น เพราะนั่นคืองานศิลปะที่ไม่ใช่เรื่องผิด และรอยสักก็ไม่ใช่สิ่งที่แสดงถึงความรุนแรง ความก้าวร้าว บางครั้งผู้ชายมีรอยสักอาจจะจิตใจอ่อนโยนกว่าผู้ชายที่เนื้อตัวดูสะอาดสะอ้านก็เป็นได้ ดังนั้นอย่ามองคนที่ภายนอกเพียงเพราะแค่เขามีรอยสัก
รอยสักไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่น และงานศิลปะที่อยู่บนเรือนร่างเท่านั้น เพราะบางครั้งรอยสักก็เป็นสิ่งที่แสดงถึงสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น รอยสักที่เป็นสัญลักษณ์สันติภาพ, รอยสักที่เป็นสัญลักษณ์ความสำเร็จ และบางครั้งรอยสักก็แสดงถึงการให้กำลังใจผู้ป่วยได้ด้วย ฉะนั้นอย่าเพิ่งตัดสินผู้ชายมีรอยสักแค่ภายนอกนะครับ
ภาพจาก: unsplash
ถมดำ “Blackwork Tattoo” รอยสักที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้อีกตลอดชีวิต
รอยสักแบบ Quote สื่อความหมายได้ชัดเจน ผ่านตัวหนังสือที่อยู่บนเรือนร่าง