เมื่อพูดถึงทรง Slick back หลายคนคงนึกถึงทรงปาดเรียบ แค่หยิบโพเมดมาเซทก็จบ หรือนึกภาพเดวิด เบคแฮมที่เขาทำทรงนี้บ่อยๆ แต่ถ้าคุณไม่ได้มีโครงหน้าเทพๆ แบบนั้นแล้วจะยังทำทรงนี้ได้อยู่มั้ย คำตอบคือได้ เพราะคุณยังสามารถเลือกได้ถึง 4 ทรงที่จะทำให้ทรงนี้เกิด
ทรง Slick back แบบคลาสสิคเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเซทหรือจัดทรง แต่อย่าลืมว่าถ้าทำผมทรงนี้ต้องล้างผมออกให้สะอาด อย่าปล่อยให้แห้งเกรอะกรังไปใช้อีกวัน เริ่มจากวิธีการตัดผม ให้ช่างไถด้านข้างสั้นประมาณเบอร์ 2 หรือ 3 แล้วเหลือผมด้านบนไว้ให้ยาวๆ หน่อย แล้วใช้โพเมดถูที่ฝ่ามือก่อนปาดผมด้านบนไปข้างหลังให้หมด จริงๆ แล้วการทำทรงนี้จะใช้เจลก็ได้ แต่อาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ
หลังจากที่เดวิด เบคแฮมสร้างกระแสทรง Slick Back Pompadour หนุ่มๆ หลายคนก็สนใจทำทรงนี้กันมากขึ้น โดยคุณต้องไว้ผมด้านบนให้ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ส่วนด้านข้างตัดเป็น เทเปอร์เฟด (Taper fade) คือตัดผมไล่ระดับความยาวหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง (จากจุดสูงสุดของศีรษะ ไล่มาด้านข้าง และลงมายังช่วงต้นคอ) โดยจะตัดให้ผมด้านบนมีความยาวมากที่สุด และสั้นไล่ระดับลงมาเรื่อยๆ การจัดทรงมันอาจยุ่งยากสักนิด เพราะคุณต้องไดร์ผมยกผมด้านบนขึ้นมาให้มีวอลลุ่มแล้วใส่มูสหรือสเปรย์ให้อยู่ทรงก่อนที่จะลงโพเมดและฉีดสเปรย์ล็อคทรงอีกครั้ง
ทรงนี้เหมาะกับคนที่มั่นใจในรูปศีรษะเล็กน้อย เพราะมันคือความต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างผมด้านบนและผมด้านล่าง คุณต้องไว้ความยาวผมด้านบนประมาณ 4-6 นิ้ว แล้วตัดด้านข้างแบบ Disconnect เห็นผมแยกกันชัดเจนระหว่างผมด้านบนและผมด้านข้างที่ไถเกรียน ซึ่งก็จะเซทง่ายกว่ารูปแบบอื่นๆ ส่วนวิธีการเซทคือเช็ดผมให้แห้งหมาด ถูโพเมดเล็กน้อยลงบนฝ่ามือ ใช้มือเสยผมขึ้นจากหน้าผากไปด้านหลัง แล้วใช้หวีแต่งซ้ำอีกครั้ง จุดเด่นของการใช้โพเมดคือการทำให้เส้นผมดูมีน้ำหนักและเงางาม โดยส่วนมากทรงผมชายที่เข้ากับการจัดแต่งแบบ Slick Back คือทรงเปิดข้างหรืออันเดอร์คัท
ทรงนี้เราก็เห็นกันบ่อย มันมีอยู่ 2 รูปแบบคือไว้ยาวไปเลย แล้วมัดบันไว้ด้านบน ใส่โพเมดสูตรเงาผสมน้ำเก็บผมให้เรียบทั้งศีรษะ ดูเนี้ยบอย่างมีสไตล์ หรือไว้ผมยาวด้านบนสำหรับพอมัดได้ ด้านข้างตัดสั้นไม่ถึงกับเกรียน ถือเป็นทรงไว้เปลี่ยนลุคในวันที่คุณต้องการมัดหรือปล่อยเซอร์ผมด้านบนก็ได้ครับ