คนรักนวัตกรรมเรือนเวลาห้ามพลาด สามารถไปอัปเดตและเลือกนาฬิกาแบรนด์โปรดได้แล้ว ในงาน “เซ็นทรัล | เซน อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2019” (Central | ZEN International Watch Fair 2019) ที่มาพร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม ณ ดิ อีเว้นต์ ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัล ชิดลม ตั้งแต่วันนี้ – 16 ก.ย. 62 และที่แผนกนาฬิกา ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และเซน จนถึงวันที่ 8 ต.ค. 62 โดยวันนี้เราคัด 8 เรือนเวลาเจ๋งๆ มาให้เป็นน้ำจิ้มกันก่อนครับ
พิเศษสุดด้วยการออกแบบหน้าปัดใหม่หมดด้วยแรงบรรดาลใจจากศิลปะจากอาณาจักรมายาที่ยิ่งใหญ่ โดยใช้เส้นสายในการออกแบบวาดลวดลายลงบนหน้าปัดเป็นรูปหัวกระโหลกเพื่อเป็นการสื่อถึงความหมายของ ความตายความหมายของการมีชีวิต และสื่อถึงพลังของพระเจ้า ซิ่งทำให้นาฬิกา Bomberg เรือนนี้ออกมาเป็นงานศิลปะที่สวยงามมาก ด้วยลักษณะพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของ Bomberg ซึ่งประกอบไปด้วย หน้าปัดที่ใหญ่พิเศษ ด้วยขนาด 45มม. เม็ดมะยมที่ตำแหน่งเลข 12 นาฬิกา และปุ่มกดจับเวลาที่ตำแหน่งเลข 11 นาฬิกา สีเข้ากับตัวเรือน และฟังชั้นที่เท่ที่สุดของ Bomberg คือสามารถถอดตัวเรือนเป็นนาฬิกาข้อมือเป็นนาฬิกาพกได้ด้วยชุดเหรียญและสายโซ่ ที่จัดมาให้พร้อมในกล่อง ที่สามารถเลือกมาเข้าคู่กับ Bolt-68 MAYA ได้เพื่อเติ่มเต็มความเท่ให้กับเรือนเวลาเรือนนี้ได้เป็นอย่างดี
รังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติ และเฉลิมฉลองสัมพันธภาพใหม่ร่วมกับ กองบินเฮลิคอปเตอร์ที่ 40 (40th Squadron Heli) ทีมค้นหาและกู้ภัยของกองทัพอากาศเบลเยี่ยม ก่อตั้งขึ้นในปี 1974 และได้ช่วยเหลือชีวิตคนนับไม่ถ้วนตลอดเกือบห้าทศวรรษของการปฏิบัติงาน นาฬิการุ่พิเศษนี้ออกแบบขึ้นบนฐานตัวเรือน รุ่น Big Crown ProPilot ขนาด 45.00 มม. ตัวเรือนสเตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีเทาปืน gun metal grey รายละเอียดการออกแบบสะท้อนให้เห็นถึงแรงบันดาลใจจากกองกำลังทหาร ด้วยสีส้ม สีเขียว และ สีเบจ ของเครื่องแบบนักบินเฮลิคอปเตอร์ ซี คิง (Sea King) กองบินปฏิบัติการที่ 40 ฝาหลังสลักรูปตราสัญลักษณ์ของกองบิน ทำงานด้วยกลไกจักรกลอัตโนมัติ พร้อมกลไกแสดงวันในสัปดาห์ และวันที่ขนาดใหญ่ ประกอบพร้อมสายผ้าถักสีเขียวทหาร military green กันน้ำได้ถึงระดับ 100 เมตร
สปริงไดร์ฟ GMT ที่โดดเด่นและลงตัวบนทองคำ 18 กะรัตตัดกับสีน้ำเงิน
เครื่องสปริงไดร์ฟ คาลิเบอร์ 9R66 คือหนึ่งในเครื่องที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน แต่ยังไม่เคยได้รับการแต่งเติมให้มีความน่าตื่นตาตื่นใจมากเท่าครั้งนี้มาก่อน ด้วยการนำเสนอวัสดุทองคำ 18 กะรัตที่มีสีทองอันโดดเด่นผสมผสานกับขอบและหน้าปัดสีน้ำเงิน ที่จะเปลี่ยนช่วงเวลาในห้องประชุมอันตึงเครียดให้เป็นบ้านพักริมชายหาดในชั่วพริบตา การออกแบบรุ่น SBGE248G นั้นเน้นไปที่ความมีมิติของตัวเรือน ให้สวมใส่ได้สบายแม้จะมีขนาดตัวเรือนกว้างถึง 44 มิลลิเมตรก็ตาม ขอบแซฟไฟร์ที่ระบุเวลา GMT คือความลับในการสร้างมิติให้กับตัวเรือนอย่างแท้จริง ในทุกๆ องศาการมองขอบแซฟไฟร์จะทำให้ตัวเรือนนั้นดูกว้างและโดดเด่น พร้อมทั้งยังมีความแข็งแรงเป็นพิเศษที่จะทนต่อการใช้งานแบบสปอร์ต แน่นอนว่าความสามารถของนาฬิกาเรือนนี้ก็ไม่น้อยหน้าใครและสมกับที่เป็นรุ่นที่ตั้งใจทำให้มีความพิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ อีด้วย การเคลื่อนไหวของเข้มวินาทีดุจเวลาที่ค่อยๆ ไหลผ่านไปเหมือนสายน้ำ เนรมิตให้นาฬิกาเรือนนี้มีความแม่นยำระดับ ±1 วินาทีต่อวันเท่านั้น และในทุกๆ การเดินทางฟังก์ชั่น GMT จะเป็นเพื่อนรู้ใจที่บอกเวลาต่างถิ่นที่คุณต้องการอย่างแม่นยำ
GMW-B5000D ซึ่งเป็นรุ่นที่นำมาเป็นพื้นฐานในการสร้าง เป็นนาฬิกาที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 ด้วยรูปโฉมที่สืบทอดลักษณะรูปทรงเหลี่ยมมาจาก G-SHOCK รุ่นแรก หากแต่มาพร้อมกับโครงสร้างชั้นนอกที่เป็นวัสดุสเตนเลส สตีลล้วน นาฬิการุ่นใหม่ GMW-B5000V คือ รุ่นพิเศษที่จำลองลักษณะอันโดดเด่นของนาฬิกาที่ถูกใช้งานมาเป็นเวลานานหลายปีมาใช้กับการตกแต่งตัวเรือนและสาย โดยทำการเคลือบไอออนเป็นสีดำ จากนั้นก็ขจัดบางส่วนที่เคลือบไว้ออกเพื่อสร้างความโดดเด่นในลักษณะของนาฬิกาที่ถูกใช้งานมานาน การตกแต่งให้ดูสุขุมและดุดันมากขึ้นเช่นนี้เป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของการรังสรรค์ผลงานชิ้นเอกของ G-SHOCK เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ของเรือนเวลาที่แข็งแกร่งซึ่งยังคงดำรงอยู่ด้วยความทนทานเหนือการทดสอบของกาลเวลา อีกทั้ง GMW-B5000V ยังมาพร้อมกับกล่องบรรจุที่มีความพิเศษด้วยสีสันที่เข้ากับรูปแบบธีมของนาฬิกา
GMW-B5000V ครบครันด้วยคุณลักษณะมากมายเช่นเดียวกับ GMW-B5000D อันเป็นรุ่นที่นำมาเป็นพื้นฐานในการสร้าง ซึ่งมาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อบลูทูธ และการรับสัญญาณเทียบเวลาจากคลื่นวิทยุ นอกจากนี้นาฬิกายังมอบคุณประโยชน์ในการใช้งานอย่างเหนือชั้นด้วยคุณลักษณะต่าง ๆ มากมาย เช่น ไฟพื้นหลัง แอลอีดี ชนิดให้ความสว่างสูงแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และการแสดงเวลาเวิลด์ไทม์
โกเด้นบริดจ์ เรนโบว์ ได้สร้างความประทับใจกับนักสะสมนาฬิกาผ่านเรือนเวลารุ่น Golden Bridge ในรูปแบบตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมมากว่า 35 ปี มาในปีนี้ โฆรุ่มเผยโฉมนาฬิกา Corum : Golden Bridge Rainbow ด้วยศิลปะการออกแบบร่วมสมัยในแบบตัวเรือนทองคำขาวทรงกลมล้อมด้วยอัญมณีแซฟไฟร์ 7 สีรุ้ง ที่เผยให้เห็นกลไกการเคลื่อนไหวของสะพานทองคำในแนวเส้นตรงตัวเรือนทำจากทองคำขาว 18 กะรัต ขนาด 43 มม. ประดับแซฟไฟร์หลากสี 68 เม็ด นํ้าหนัก 4.50 กะรัต ประกอบด้วย เพอริดอต 15 เม็ด นํ้าหนัก 0.99 กะรัต, ซาโวไรต์ 8 เม็ด นํ้าหนัก 1.04 กะรัต ทับทิม 5 เม็ด นํ้าหนัก 0.65 กะรัต เผยให้เห็นระบบกลไกการทำงานด้านบนและด้านล่างผ่านกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ นาฬิการุ่นนี้เป็นกลไกไขลาน CO113 เดินด้วยความถี่ 4 Hz รอบแรงสั่นสะเทือน 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง สำรองพลังงาน 40 ชั่วโมง กั้นนํ้า 30 เมตร มาพร้อมสายหนังจระเข้และตัวพับล็อคสายทำจากทองคำขาว 18 กะรัต
นาฬิกา นาวิไทเมอร์ 1 บี01 โครโนกราฟ 43 แพน แอม เอดิชั่น (Navitimer 1 B01 Chronograph 43 Pan Am Edition) ที่ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการนี้โดดเด่นด้วยหนึ่งในโลโก้อันเป็นที่จดจำได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ของการบิน ซึ่งพิมพ์อยู่บนฝาหลังกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ใส เป็นเวลาหลายทศวรรษที่แพน อเมริกัน เวิลด์ แอร์เวย์ส (Pan American World Airways) ถือเป็นกำลังสำคัญอันโดดเด่นในโลกการบินพาณิชย์ และยังคงครองบทบาทสำคัญอีกยาวนานหลังจากที่สายการบินนี้ได้หยุดดำเนินการลง โดยยังคงเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเรื่องราวความน่าตื่นเต้นของการเดินทางทางอากาศ สำหรับ แพน แอม เอดิชั่น นี้มีตัวเรือนสเตนเลสสตีล คู่ด้วยหน้าปัดสีน้ำเงิน หน้าปัดย่อยสีเงิน โดยแพน แอม เอดิชั่น ล่าสุดนี้นับเป็นสมาชิกรุ่นที่สองของ ไบรทลิ่ง แคปซูล คอลเลกชั่น
คอลเลคชั่นล่าสุดที่เป็นความเหนือชั้นทางด้านงานออกแบบ จากแบรนด์ดีไซน์ระดับโลก ด้วยแรงบันดาลใจจากเสน่ห์ของ “สเกลวัดแบบดั้งเดิม” (Traditional Scale) ผลงานสร้างสรรค์ของโมเดิร์นดีไซเนอร์ชื่อดัง นาโอะ ทามูระ (Nao Tamura) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการร่วมงานกับนักออกแบบหญิงคนแรกสำหรับ ISSEY MIYAKE WATCH Project บนแนวคิดที่เปิดทางให้เสน่ห์ของสเกลเครื่องมือวัดแบบดั้งเดิมเดินทางไปพร้อมกับนวัตกรรมแห่งเครื่องบอกเวลา เพื่อให้ผู้ที่สวมใส่สามารถรู้สึกได้ถึงจังหวะการเดินของเวลา โดยใน 1 วินาทีเข็มวินาทีจะเดิน 6 ครั้ง โดดเด่นด้วยดีไซน์ของหน้าปัดแบบดับเบิ้ลเลเยอร์ที่ซับซ้อน ดูมีมิติ ในโทนสีดำสุดคลาสสิค เข็มนาฬิกาเรียวยาวที่เดินเคลื่อนผ่านขีดบอกเวลาและดีเทลการออกแบบบนพื้นหน้าปัด เม็ดมะยมถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ดังเช่นรูปแบบของสกรูปรับวัดบนเครื่องชั่งน้ำหนักอนาล็อกสเกลแบบดั้งเดิม ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ขับเคลื่อนด้วยกลไกออโตเมติก คาลิเบอร์ NH35 ที่ควบคุมการทำงานให้มีความเที่ยงตรง แม่นยำ สำรองพลังงานได้นาน 41 ชั่วโมง ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 43 มม. แมทช์กับสายสตีล เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ และคอมพลีตลุคเรียบเท่ด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ Luminox ได้สร้างนาฬิกาที่น่าทึ่งซึ่งจำลองนาฬิกาเรือนแรก ของ Luminox ในรุ่น Sport Timer 1540 Series จากปี 1990 ขึ้นมาใหม่ โดยในรุ่น Sport Timer ครบรอบ 30 ปีนี้ ได้ถูกผลิตมาในจำนวนจำกัดเพียง 730 เรือนทั่วโลกเท่านั้น การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากการย้อนยุคในแนววินเทจ สำหรับนาฬิกา Luminox ในรุ่นพิเศษนี้ ทางประเทศไทยได้นำเข้ามาจัดจำหน่ายทั้งหมด 10 เรือน และ จะมีการเริ่มจำหน่ายในงาน Central | ZEN International Watch Fair 2019 เท่านั้น