‘มิโด’ (Mido) เผยโฉมนาฬิกาดีไซน์ล่าสุด ‘มัลติฟอร์ท จีเอ็มที’ (Multifort GMT)

‘มิโด’ (Mido) เผยโฉมนาฬิกาดีไซน์ล่าสุด ‘มัลติฟอร์ท จีเอ็มที’ (Multifort GMT)

เมื่อการเดินทางกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแน่นอนว่าหลายคนจะต้องแพ็คกระเป๋าเพื่อเตรียมสิ่งของจำเป็น ซึ่งนอกจากเสื้อผ้าและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ แล้ว อีกหนึ่งไอเท็มที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ นาฬิกา โดยเฉพาะสำหรับหนุ่มนักธุรกิจที่ต้องเดินทางเป็นประจำ การมีนาฬิกาที่สามารถบอกเวลาได้ 2 ไทม์โซนนั้นย่อมสามารถช่วยให้การใช้ชีวิตในต่างประเทศสะดวกมากยิ่งขึ้น

และล่าสุดแบรนด์นาฬิกา ‘มิโด’ (Mido) จึงได้อวดโฉมเรือนเวลาดีไซน์ใหม่ ‘มัลติฟอร์ท จีเอ็มที’ (Multifort GMT) ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น GMT กับการบอกเวลาที่ 2 หรือ T2 ผ่านการออกแบบบนรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวที่ผสานความหรูหราตามดีเอ็นเอของแบรนด์เอาไว้ได้อย่างลงตัว

‘มิโด’ (Mido) แบรนด์นาฬิกาในเครือ สวอทช์ กรุ๊ป (Swatch Group) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (Georges Schaeren) เริ่มก่อตั้งบริษัท Mido G.Schaeren & Co. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน รวมถึงความเที่ยงตรงสูงซึ่งงได้รับการรับรองจาก Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres (Official Swiss Chronometer Testing Institute) หรือ COSC.

‘มัลติฟอร์ท จีเอ็มที’ (Multifort GMT) เรือนเวลาดีไซน์ใหม่จากตระกูล มัลติฟอร์ท (Multifort) คอลเลกชั่นที่ถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1934 ซึ่งถูกพัฒนาดีไซน์และคุณภาพให้มีความทันสมัยตอบโจทย์หนุ่มสาวยุคใหม่อยู่เสมอ โดยเรือนเวลานี้ได้รับแรงบันดาลใจหลักมาจากความงดงามของสถาปัตยกรรมสะพานข้ามแม่น้ำในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ที่สามารถผสมผสานฟังก์ชั่นการใช้งานและรูปลักษณ์อันเรียบโก้ที่สามารถสะกดทุกสายตา โดยในซีซั่นนี้ทางแบรนด์ได้หยิกยกเอาฟังก์ชั่น GMT ซึ่งเป็นกลไลการติดตั้งเข็มนาฬิกาเข็มที่ 4 ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ในการช่วยบอกเวลาที่ 2 ซึ่งสามารถเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนที่ต้องเดินทางเป็นประจำเกี่ยวกับการดูเวลาต้นทาง (Home Time) กับเวลาที่ 2 ซึ่งเป็นเวลาท้องถิ่น (Local Time) และแน่นอนว่าการใช้การใช้งานของนาฬิกาประเภทนี้ ผู้ใช้จะต้องปรับตั้งระบบเวลาด้วยตนเอง

สำหรับงานออกแบบทางแบรนด์ยังคงเอกลักษณ์การดีไซน์ที่มีความคลาสสิคเหนือกาลเวลา พร้อมผสานความสปอร์ตอันโดดเด่นเพื่อรูปลักษณ์ที่คล่องตัว บนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือน 42 มิลลิเมตร ที่ตัดกันอย่างลงตัวกับหน้าปัดสีน้ำเงินที่มีการตกแต่งลวดลาย Geneva Stripes ในแนวตั้ง และปิดผนึกด้วยกระจกแซฟไฟร์ (Sapphire) ที่มีการเคลือบสารป้องกันการสะท้อนแสงเอาไว้ ช่วยให้การอ่านเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาสะดวกมากขึ้นเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดด เพิ่มความคลาสสิคด้วยสายหนังปั๊มลายเกล็ดจระเข้ในเฉดสีน้ำตาล พร้อมบานพับแบบปีกผีเสื้อที่ทำจากจากสแตนเลสสตีล รวมถึงสายเหล็กสามข้อต่อที่ทางแบรนด์ก็ออกมาสำหรับผู้ชายที่ชื่นชอบความแข็งแรงและทนทน

และสำหรับเข็ม GMT ที่ทำหน้าที่บอกเวลาที่ 2 ได้ถูกออกแบบมาในเฉดสีแดงเงาซึ่งปลายเข็มเป็นรูปทรงหัวลูกศร ขอบด้านในสามารถหมุนปรับได้ โดยการตั้งค่าบอกเวลาเวลาที่ 2 นั้น สามารถปรับได้ด้วยการหมุนเม็ดมะยมแบบเกลียวที่ติดตั้งอยู่ตรงตำแหน่ง 2 นาฬิกา ซึ่งเข็มสีแดงจะทำหน้าที่แสดงเวลาที่ 2 ด้วยการชี้ไปบนตำแหน่งตัวเลขที่เป็นสเกลแบบ 24 ชั่วโมง โดยนาฬิการุ่นนี้สามารถกันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.