จากเครื่องยนต์วางหน้าสู่เครื่องยนต์วางกลางเชฟโรเลต คอร์เวทท์ 2020 0-60 ไมล์ภายใน 3 วินาที

จากเครื่องยนต์วางหน้าสู่เครื่องยนต์วางกลางเชฟโรเลต คอร์เวทท์ 2020 0-60 ไมล์ภายใน 3 วินาที

ความแตกต่างของการวางเครื่องยนต์นั้นส่งอย่างมากในการออกตัวหรือขับเคลื่อนกำลังแรงม้าของรถยนต์ ยิ่งปรับแต่ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวและการจัดวางตำแหน่งเข้ากับตัวรถได้ดีมากเท่าไร รถก็จะยิ่งออกตัวได้แรงแล้วเร็วมากขึ้นเท่านั้น นั่นก็คือที่มา ครั้งแรกในประวัติศาสตร์  เชฟโรเลต คอร์เวทท์ 2020 รุ่นใหม่ที่มีเครื่องยนต์วางกลาง 0-60 ไมล์ภายใน 3 วินาที 

(L to R) CERV I, CERV III, CERV II

การเดินทางของคอร์เวทท์กว่าจะมาเป็นรุ่นเครื่องยนต์วางกลาง

โซรา อาร์คัส-ดันตอฟ ผู้ซึ่งได้รับการขนามนามว่าเป็นบิดาของคอร์เวทท์ ได้พบกับรถที่ใช้เครื่องยนต์วางกลางครั้งแรกตั้งแต่เขายังหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นรถแข่ง Auto Union Types C และ D Grand Prix

ดันตอฟมีความรู้และเป็นผู้เชี่ยวชาญในระบบขับเคลื่อนรถยนต์ เขาปรารถนาที่จะเป็นนักแข่งรถและที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมยานยนต์และการบิน เขาเข้ามาทำงานกับจีเอ็มเนื่องจากมีความหลงใหลใน รถต้นแบบ คอร์เวทท์ รุ่นแรก ซึ่งเขาเห็นที่งานโมโตรามา ปี 1953 ในโรงแรมวอร์ดอล์ฟ แอสโตเรีย มหานครนิวยอร์ก

CERV I

ดันตอฟเริ่มต้นทำงานกับจีเอ็ม ในวันที่ 1 พฤษภาคม 1953 และช่วยให้เอ็ด โคล หัวหน้าทีมวิศวกรของเชฟโรเลตเปลี่ยนเครื่องยนต์ Small Block V-8 ให้กลายเป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นจริงสำหรับคอร์เวทท์ในช่วงปลายทศวรรษนั้น ดันตอฟกลายเป็นหัวหน้าทีมวิศวกรพัฒนาคอร์เวทท์คนแรก และแสวงหาแนวทางเครื่องยนต์วางกลางในรถต้นแบบรุ่นต่างๆ รวมถึง CERV I ซึ่งเปิดตัวในปี 1960 ดันตอฟอธิบายถึงรถต้นแบบรุ่นดังกล่าวว่าเป็น “การออกแบบที่ไร้ขีดจำกัด” และเป็น “เครื่องมือที่น่าหลงใหล” เพื่อกำหนดแนวทางว่าเชฟโรเลต “ควรจะใส่อะไรไว้ในคอร์เวทท์”

CERV I

CERV I ติดตั้งเครื่องยนต์ 7 แบบที่มีความแตกต่างกันตลอดช่วงอายุใช้งาน แต่เครื่องยนต์ดั้งเดิม คือ เชฟโรเลต Small Block V-8 และอลูมิเนียมน้ำหนักเบาที่ใช้กับรถรุ่นนี้ได้ถูกนำมาพัฒนาให้   มีความทันสมัยเพื่อใช้ในคอร์เวทท์ สติงเรย์ รุ่นปี 2020

CERV II

ในปี 1964 ทีมงานของดันตอฟเปิดตัว CERV II ซึ่งดันตอฟและซีมอน “บังกี้” คนุดเซน ผู้จัดการทั่วไปของเชฟโรเลตเล็งเห็นถึงศักยภาพการเป็นรถแข่งในสนามเซบริง เลอมังส์ และรายการอื่นๆ ด้วยการติดตั้งทอร์กคอนเวอร์เตอร์ที่ด้านหน้าและด้านหลัง CERV II มาพร้อมเครื่องยนต์วางกลางและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นครั้งแรก ซึ่งดันตอฟเป็นผู้ครอบครองสิทธิบัตร

CERV III

ความพยายามครั้งล่าสุดในการสร้างรถที่มีเครื่องยนต์วางกลางเกิดขึ้นในปี 1990 กับรถต้นแบบ CERV III ซึ่งพัฒนาร่วมกับโลตัส เพื่อแสวงหาแนวทางในการยกระดับสมรรถนะของรถยนต์ในอนาคต CERV III ซึ่งดูจะเป็นรถสำหรับใช้งานทั่วไปมากกว่ารถแข่ง เป็นรถที่พัฒนาขึ้นเพื่อประเมินโครงสร้างต่างๆ ของเครื่องยนต์วางกลาง CERV III ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Small Block V-8 DOHC 32 วาล์ว ความจุ 5.7 ลิตร ทวิน เทอร์โบ มีพละกำลัง 650 แรงม้า และแรงบิด 655 ฟุตปอนด์

ดันตอฟซึ่งเกษียณจากจีเอ็ม ในปี 1975 เล็งเห็นว่าการวางเครื่องยนต์กลางโดยวางในตำแหน่งเหนือเพลาขับหลังเป็นตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดเพื่อการกระจายน้ำหนัก การควบคุมที่ยอดเยี่ยม และทัศนวิสัยด้านหน้าที่ดีขึ้น ถึงแม้การวางเครื่องแบบนี้จะมีข้อดีมากมาย แต่เมื่อนำเข้าสู่กระบวนการผลิตในจำนวนมากก็มักเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา คอร์เวทท์รุ่นที่มีเครื่องยนต์วางกลางรุ่นก่อนจึงถูกเปลี่ยนสถานะให้เป็นแค่รถต้นแบบ เนื่องจากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องการระบายอากาศของเครื่องยนต์ พื้นที่เก็บสัมภาระของผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่มีจำกัด เสียงที่ดัง และไม่สามารถผลิตรุ่น เปิดประทุนได้

ความก้าวหน้าในการพัฒนาได้รับประโยชน์จากวิศวกรรมที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) ทำให้ทีมนักพัฒนาคอร์เวทท์ในปัจจุบันสามารถวางแผนพัฒนาโครงสร้างของเชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ รุ่นปี 2020 ได้ ทีมวิศวกรทำงานร่วมกับทีมนักออกแบบอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าตัวรถนั้นมีสมรรถนะสูงในทุกด้าน พร้อมกับรักษาเอกลักษณ์ของคอร์เวทท์ไว้ได้

2020 Chevrolet Corvette Stingray

เชฟโรเลต สานต่อตำนานความสำเร็จที่ยาวนานของคอร์เวทท์ ด้วยการ เผยโฉม คอร์เวทท์ สติงเรย์ รุ่นปี 2020 ครั้งแรกของคอร์เวทท์รุ่นโปรดักชั่นเครื่องยนต์วางกลาง สติงเรย์ รุ่นปี 2020 คือการสร้างจินตนาการใหม่เพื่อส่งมอบอีกระดับของสมรรถนะ เทคโนโลยี ความประณีต และความหรูหราให้แก่ลูกค้า

จากเครื่องยนต์วางหน้าสู่เครื่องยนต์วางกลาง –ภายในเวลาราว 3 วินาที

“คอร์เวทท์แสดงถึงความเป็นสุดยอดนวัตกรรมและการผลักดันของจีเอ็มออกจากกรอบเดิมได้เสมอ รถสมรรถนะสูงที่มีเครื่องยนต์อยู่ด้านหน้าได้ถึงขีดจำกัดของสมรรถนะแล้ว จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนารูปแบบใหม่” มาร์ก รอยส์ ประธานกรรมการ จีเอ็ม กล่าว “คอร์เวทท์รุ่นใหม่ยังคงมีรูปลักษณ์และความรู้สึกที่ให้ความสะดวกสบายและความสนุกสนานสไตล์คอร์เวทท์ แต่มีการขับขี่ที่เหนือกว่ารถทุกรุ่นในประวัติศาสตร์ของคอร์เวทท์ ลูกค้าจะได้สัมผัสความตื่นเต้นเร้าใจจากการที่เราให้ความใส่ใจ
ในรายละเอียดและสมรรถนะในทุกมิติ”

เครื่องยนต์วางกลางทำให้สติงเรย์ รุ่นปี 2020 มีคุณสมบัติ ดังนี้

การออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากสนามแข่งและอากาศยาน

รูปลักษณ์ภายนอกของสติงเรย์ รุ่นปี 2020 มีความโดดเด่นและล้ำสมัยด้วยเครื่องยนต์วางกลางที่เหมาะสมและสะดุดตา แต่ยังคงเต็มเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์แบบคอร์เวทท์อย่างชัดเจน มีความปราดเปรียวและแข็งแกร่ง รูปทรงที่โฉบเฉี่ยวทรงพลังถ่ายทอดความรู้สึกแห่งการเคลื่อนไหวและพละกำลังจากทุกมุมมอง

สติงเรย์ รุ่นใหม่นี้ได้รับการสร้างสรรค์อย่างประณีตและใช้วัสดุพรีเมียมระดับซูเปอร์คาร์ รวมทั้งมีการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด การจัดวางเครื่องยนต์ในตำแหน่งใหม่เป็นจุดสำคัญที่ส่งผลการออกแบบรถรุ่นนี้อย่างแท้จริง นี่คือหัวใจของคอร์เวทท์ เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่เปรียบดังอัญมณีที่เปล่งประกายเจิดจรัสอยู่ในตู้โชว์ เราสามารถมองเห็นเครื่องยนต์ได้ผ่านกระจกหลังขนาดใหญ่ นอกจากนี้ความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ทำให้การวางสายไฟ ท่อ น็อต และสลักเกลียว เหมือนอย่างที่เราพบเห็นกันในดีไซน์ของรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันยุคใหม่และที่สำหรับใช้งานบนถนนทั่วไป

2020 Chevrolet Corvette Stingray

ความโดดเด่นของการออกแบบ อาทิ

มีต้นกำเนิดมาจากสนามแข่งและวิศวกรรมการบินอย่างแท้จริง โครงสร้างรถที่เยื้องมาด้านหน้าได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินขับไล่ F22 และ F35 รวมถึงเครื่องบินรบยุคใหม่และรถแข่งฟอร์มูล่าวัน เอกลักษณ์แบบคลาสสิกของคอร์เวทท์ยังนำมาประยุกต์ใช้กับสติงเรย์ อย่างรูปลักษณ์ด้านหน้าอันโดดเด่นที่สื่อถึงความเป็นรถสมรรถนะสูง สันขอบแนวนอนแบบคลาสสิก ซุ้มล้อหน้าที่ดุดัน และ ไฟหน้าแบบคู่ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งคล้ายรุ่นก่อน

2020 Chevrolet Corvette Stingray

ภายในห้องโดยสารโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วย

สติงเรย์ ปี 2020 มาพร้อมวัสดุห้องโดยสารระดับพรีเมียม สร้างสรรค์ด้วยคุณภาพและความพิถีพิถันขั้นสูง

ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์งานออกแบบของตนเอง ด้วยอ็อปชั่นที่มีให้เลือกสรรมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับคอร์เวทท์

เบาะนั่ง 3 รูปแบบ

2020 Chevrolet Corvette Stingray

สร้างมาให้เป็นซูเปอร์คาร์ขนานแท้สำหรับใช้งานได้ทุกวัน

โครงสร้างของคอร์เวทท์สร้างขึ้นล้อมรอบส่วนกลางของตัวรถซึ่งเปรียบดังกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดเป็นโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาและความแข็งแรงของการบิดเกลียวซึ่งรองรับการติดตั้งระบบกันสะเทือนที่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการลดชิ้นส่วนตัวถังที่ไม่จำเป็น ลูกค้าคอร์เวทท์จะได้สัมผัสประสบการณ์แห่งการขับขี่ขั้นสูงสุดด้วยศักยภาพการยึดเกาะขณะขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยม รถรุ่นนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเชื่อมต่อเป็นส่วนหนึ่งของถนนอย่างเหนียวแน่นโดยมีแรงสั่นสะเทือนน้อยระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือการเดินทางไกล

“ภารกิจของเราคือการพัฒนารถสปอร์ตรูปแบบใหม่ ผสมผสานคุณสมบัติแห่งความสำเร็จของคอร์เวทท์เข้ากับสมรรถนะและประสบการณ์ขับขี่แบบรถซูเปอร์คาร์เครื่องยนต์วางกลาง” แทดจ์ จูเอชเตอร์ หัวหน้าทีมวิศวกรของคอร์เวทท์ กล่าว

แนวทางการพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับส่วนกลางของตัวรถทำให้เกิดจุดเด่นหลายด้าน ได้แก่

คอร์เวทท์ สติงเรย์ รุ่นใหม่สร้างด้วยกลยุทธ์การผสมผสานวัสดุอัจฉริยะ ส่งเสริมให้เกิดคุณสมบัติสำคัญ อาทิ

อ่านต่อหน้า 2 คลิก!

 การควบคุม ดีเอ็นเอของการขับขี่ที่สนุกสนานในคอร์เวทท์

 สติงเรย์ได้รับการออกแบบเพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่ที่เหนือชั้นบนถนนทั่วไปและการควบคุมที่สมดุลในสนามแข่ง

“ด้วยการออกแบบระบบกันสะเทือนที่ซับซ้อน เทคโนโลยียางที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ และความ    ใส่ใจในรายละเอียดทางโครงสร้างอย่างลึกซึ้ง เราได้ยกระดับการขับขี่และการควบคุมให้สูงขึ้น” จูเอชเตอร์ กล่าว “ไม่มีคอร์เวทท์รุ่นอื่นใดที่ให้ความรู้สึกสะดวกสบาย คล่องตัว และมั่นคงได้อย่างสมบูรณ์แบบเท่า     รุ่นใหม่นี้”

สติงเรย์ใหม่มาพร้อมโช๊คอัพสปริงที่สร้างบุคลิกการขับขี่และการควบคุมแบบใหม่ทั้งหมด โครงสร้างเครื่องยนต์วางกลางมอบระบบบังคับเลี้ยวที่รวดเร็ว เฉียบคม และมั่นคง ควบคู่กับระบบบังคับเลี้ยว         อิเลคโทรนิคทีได้รับการปรับปรุงใหม่ทำให้การสั่งการของผู้ขับขี่ได้รับการตอบสนองอย่างทันทีทันใด

ตำแหน่งการนั่งใหม่ทำให้จุดศูนย์ถ่วงตัวรถอยู่ใกล้กับสะโพกด้านในของผู้ขับขี่ ดังนั้นผู้ขับขี่ จึงเป็นศูนย์กลางของตัวรถขณะควบคุมทิศทาง ตำแหน่งที่นั่งเช่นนี้ได้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกสัมผัสในการควบคุมและการตอบสนองของตัวรถไปอย่างสิ้นเชิง

การยกระดับการขับขี่และการควบคุมด้านอื่นๆ ประกอบด้วย

 อัญมณีกลางลำตัวรถ

 หัวใจขับเคลื่อนของสติงเรย์ ปี 2020 คือเครื่องยนต์ Small Block V-8 LT2 ความจุ 6.2 ลิตร        เจนเนอเรชั่นใหม่ของเชฟโรเลต ซึ่งเป็นขุมพลัง V-8 แบบไร้ระบบอัดอากาศรุ่นเดียวในกลุ่มเดียวกัน
มีพละกำลัง 495 แรงม้า (369 กิโลวัตต์) และแรงบิด 470 ฟุต-ปอนด์ (637 นิวตันเมตร) เมื่อติดตั้งท่อไอเสียสมรรถนะสูง – ถือเป็นรถคอร์เวทท์รุ่นเริ่นต้นที่มีแรงม้าและแรงบิดสูงที่สุด

“ถึงแม้เครื่องยนต์จะติดตั้งอยู่ด้านหลังผู้ขับขี่ แต่ขุมพลัง LT2 ยังมอบประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าอารมณ์แบบที่เราทุกคนคาดหวังจากคอร์เวทท์” จอร์แดน ลี หัวหน้าทีมวิศวกรเครื่องยนต์ Small Block ระดับโกลเบิลของจีเอ็ม กล่าว “เครื่องยนต์ LT2 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อมอบแรงบิดที่รอบต่ำได้อย่างดีเยี่ยม และพละกำลังในรอบสูงที่ตอบสนองต่อคันเร่งได้อย่างตื่นเต้นเร้าใจในทุกรอบเครื่องยนต์”

ตำแหน่งการติดตั้งเครื่องยนต์ที่ต่ำทำให้จุดศูนย์ถ่วงตัวรถต่ำ ช่วยเพิ่มการควบคุมระดับสูงสุด การปรับปรุงครั้งใหญ่ที่สุดอาจอยู่ที่ระบบการไหลเวียนและการหล่อลืน โดยถือเป็นครั้งแรกที่สติงเรย์
รุ่นเริ่มต้นใช้ระบบอ่างน้ำมันเครื่องแบบแห้งติดตั้งกับเครื่องยนต์ และปั๊มน้ำมันหล่อลื่น 3 ตัวเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง

ระหว่างการขับขี่อย่างดุดันในสนามแข่ง น้ำมันหล่อลื่นจะคงปริมาณที่สูงเพื่อไม่ให้สมรรถนะการขับขี่ลดลง ศักยภาพการรับแรงเหวี่ยงของสติงเรย์ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมาก ระบบหล่อลื่นแบบแห้งของเครื่องยนต์ LT2 ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อมอบประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่เป็นเลิศระหว่างการเร่งที่มีแรงเหวี่ยงเกินกว่า 1G ในทุกทิศทาง

ฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหลังเป็นกระจกน้ำหนักเบาที่มีความหนา 3.2 มม. เปิดโอกาสให้เจ้าของรถสามารถโชว์เครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ ฝาครอบกระจกดังกล่าวมีร่องขอบด้านข้างที่ช่วยระบาย
ความร้อนจากห้องเครื่องยนต์ LT2

ความโดดเด่นของเครื่องยนต์ ยังรวมถึง

 การเปลี่ยนเกียร์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง

เครื่องยนต์ LT2 เจนเนอเรชั่นใหม่ประกบคู่กับระบบเกียร์ดูอัลคลัตช์ 8 สปีดรุ่นแรกของเชฟโรเลต มอบความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบในการเปลี่ยนเกียร์และการถ่ายทอดกำลังที่เป็นเลิศ ระบบส่งกำลังชุดนี้ได้รับการออกแบบร่วมกับ TREMEC เพื่อคุณสมบัติที่ดีที่สุด 2 ด้าน ทั้งสัมผัสจิตวิญญาณสุดเร้าใจแบบเกียร์ธรรมดาและความสะดวกสบายในการขับขี่ระดับพรีเมียมแบบเกียร์อัตโนมัติ ฟีเจอร์ดับเบิลแพดเดิลแบบปลดคลัตช์ยังเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่ปลดการทำงานของคลัตช์ด้วยการรั้งแป้นแพดเดิลชิฟท์ค้างไว้เพื่อการควบคุมที่เหมือนเกียร์ธรรมดามากขึ้น

แพดเดิลชิฟท์ช่วยให้ผู้ขับขี่เลือกเกียร์ได้ตามต้องการ “อัลกอริทึมของการเปลี่ยนเกียร์ถูกพัฒนาให้มุ่งเน้นผู้ขับขี่เป็นพิเศษ ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสได้ว่ากำลังขับขี่ด้วยจิตวิญญาณแห่งความสนุกโดยแท้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบการขับขี่ใดก็ตาม และจะคงตำแหน่งเกียร์ต่ำให้นานยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มการตอบสนองของคันเร่ง” จูเอชเตอร์ กล่าว

เครื่องยนต์ Small Block V-8 รุ่นใหม่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพการถ่ายทอดแรงบิดเพื่อใช้ประโยชน์จากความเร็วระดับเสี้ยววินาทีของเกียร์ DCT วิศวกรได้ปรับแต่งเกียร์ DCT โดยให้เกียร์ 1 มีอัตราทดต่ำมากเพื่อให้ตัวรถพุ่งออกตัวได้อย่างรวดเร็วและมีการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น เกียร์ 2 ไปจนถึงเกียร์ 6 มีอัตราทดทำให้เครื่องยนต์รักษาพละกำลังเกือบจะอยู่ในระดับสูงสุด เกียร์ 7 และเกียร์ 8 มีอัตราทดสูง  ทำให้การขับขี่ทางไกลเป็นไปอย่างสะดวกสบายและง่ายดายโดยมีแรงเค้นทางกลไกต่ำและ
มีประหยัดน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม

เกียร์ DCT ทำงานร่วมกับระบบ Electronic Transmission Range Selector ด้วยการใช้ ตัวเปลี่ยนเกียร์ไฟฟ้าจึงไม่มีอินเตอร์เฟซแสดงผลแบบกลไกระหว่างคันเกียร์และชุดเกียร์ ตัวเปลี่ยนเกียร์ไฟฟ้าของคอร์เวทท์ประกอบด้วยสลักแบบดึงสองตัวสำหรับเกียร์ถอยหลัง (Reverse) และเดินหน้า (Drive) รวมถึงสวิทช์จอด (Park) เกียร์ว่าง (Neutral) และเกียร์ต่ำ/ธรรมดา (Low/Manual) ตัวเปลี่ยนเกียร์ได้รับการออกแบบให้มีความสวยงามสะดุดตามากขึ้นและมีขนาดเล็กกว่าตัวเปลี่ยนเกียร์มาตรฐาน

2020 Chevrolet Corvette Stingray

เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเพิ่มสมรรถนะและความสามารถในการใช้งาน

 คอร์เวทท์รุ่นใหม่ เพิ่มรูปแบบการขับขี่จาก 4 รูปแบบการขับขี่เป็น 6 รูปแบบการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนประสบการณ์ขณะขับขี่ได้ตามความต้องการและตอบสนองการเดินทางทุกรูปแบบ รูปแบบการขับขี่เดิมประกอบด้วย Weather, Tour, Sport และ Track และอีก 2 รูปแบบการขับขี่ใหม่ ได้แก่

สติงเรย์ รุ่นปี 2020 มีคุณสมบัติที่โดดเด่นจากการใช้แพลทฟอร์มรถยนต์ดิจิทัลรุ่นใหม่ของจีเอ็ม ซึ่งเป็นโครงสร้างอิเลคโทรนิคเต็มรูปแบบที่รองรับการริเริ่มใช้งานเทคโนโลยียุคใหม่ของบริษัทฯ โครงสร้างนี้ลดจำนวนสายไฟพร้อมกับทำให้การถ่ายโอนสัญญาณระหว่างระบบต่างๆ ในตัวรถมีความรวดเร็วมากขึ้น และสามารถติดตั้งหน้าจอที่มีความละเอียดสูงขึ้น แพลทฟอร์มดังกล่าวยังทำให้ตัวรถมีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างต่อเนื่องผ่านการอัพเดทไร้สายและเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์

ฟีเจอร์เทคโนโลยีใหม่ ประกอบด้วย

ฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าประกอบด้วย

เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ ปี 2020 ขึ้นสายการผลิตที่ศูนย์การผลิตโบว์ลิงกรีนของจีเอ็มในช่วงปลายปี 2562 ราคาจำหน่ายและข้อมูลเพิ่มเติมจะได้รับการประกาศอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงวันเปิดตัว

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.